ตอนที่ 894: รูปปั้นของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
“ท่านผู้อาวุโสประจำศาลา ! ” เจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังทั้งหมดตกตะลึง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่หญิงคนนั้น ในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ปกปิดเอาไว้ไม่ได้
ผู้อาวุโสประจำศาลาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นยังเด็กและน่ารักเกินไป คนที่สามารถเป็นคู่แข่งด้านความงามกับนางได้คงมีแต่หยิบมือเท่านั้นบนทวีปเทียนหยวน
“ผู้อาวุโสประจำศาลาอันดับหนึ่งของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แอตแลนติส คนที่เป็นที่สองรองจากเจ้าศาลาเท่านั้น” จอมยุทธทั้งสี่ของศาลาวิญญาณสวรรค์ร้องออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง
“แอตแลนติส นั่นคือแอตแลนติสจริงจริง น..นะ..นาง นางไม่เคยออกจากศาลาเลยไม่ใช่หรือ ? ทำไมนางถึงออกมาเองวันนี้ ? ” เซียนราชาที่ถูกตรึงอยู่กับที่ทั้งสามคนหน้าซีดและไม่มีสีเลือดบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย
ชื่อของแอตแลนติสเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่พวกผู้อาวุโส 16 ดาว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางเป็นที่สี่ของทั้งอาณาจักรทะเล และนางอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับ 16 ดาวมาหลายปีแล้ว นางนั้นทรงพลังมากและหาผู้ใดเปรียบไม่ได้ในระดับการฝึกฝนเดียวกับนาง มีเฉพาะเจ้าศาลาเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้
ในอีกคำพูดหนึ่ง ถ้าไม่กล่าวเกินจริงเลยนั้น แอตแลนติสเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรทะเลรองจากเจ้าศาลาทั้งสามเท่านั้น !
“พวกเราจบสิ้นแล้ว พวกเราจบสิ้นเป็นแน่ ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าแอตแลนติสจะมาที่นี่ แม้ว่าพวกเราทั้งเจ็ดจะร่วมมือกัน เราก็ไม่รอดอยู่ดี” ทั้งสามคนที่ติดอยู่ต่างสลดใจและสูญเสียความคิดที่จะต่อต้านไปทั้งหมด พวกเขาติดอยู่ในอาณาเขตของศาลาอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาอยู่ในเขตแดนที่จะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง แม้ว่ามันอาจจะไม่ถึงกับเอาชีวิตพวกเขาในฐานะที่เป็นจอมยุทธ 16 ดาวได้ แต่พวกเขาก็ต้องถูกลงโทษ นี่เป็นเรื่องที่น่าอายอย่างมาก พวกเขาไม่มีหน้าที่จะพบเจอผู้คนอื่นเมื่อพวกเขากลับไป
ในพริบตาเดียว สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อแอตแลนติสมา ไม่เพียงแต่นางจะยับยั้งจอมยุทธทั้งเจ็ดได้เท่านั้น นางยังเป็นเกราะป้องกันชั้นดีให้กับเจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังอีกด้วย
แอตแลนติสกวาดสายตามองทั้งสามอย่างเย็นชา อย่างไรก็ตาม นางหยุดเล็กน้อยเมื่อนางเห็นเจี้ยนเฉินและนูบิส ในขณะที่สายตาที่ไร้ปราณีของนางก็เป็นประกายไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นนางก็ถามกลุ่มของเล่อป้าเทียน “พวกเขาใช่คนที่เจ้าศาลาต้องการหรือไม่ ? “
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโสประจำศาลา พวกเขาเป็นคนที่ท่านต้องการ นี่ถูกยืนยันจากนกอเวจี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีข้อผิดพลาด” เล่อป้าเทียนตอบกลับอย่างแผ่วเบา
“ท่านเจ้าศาลาต้องการที่จะเจอพวกเขาทันที เจ้าทั้งสี่พาพวกเขาไปที่ศาลา” แอตแลนติสพูดอย่างปกติโดยไม่มีอารมณ์ใดในน้ำเสียงของนางเลย ทันทีที่นางพูดจบ พลังที่มองไม่เห็นรอบตัวเจี้ยนเฉินและอีก 2 คนก็หายไป พวกเขาถูกปล่อยจากพันธนาการ
“ขอรับ ผู้อาวุโสประจำศาลา” เล่อป้าเทียนตอบกลับอย่างสุภาพ หลังจากนั้น เขาก็โบกมือและพลังที่มองไม่เห็นก็มาล้อมตัวคนทั้งสามเอาไว้ทันที
“ช้าก่อน ! ” เจี้ยนเฉินพูดออกมาทันที มันทำให้เล่อป้าเทียนหยุดโดยสัญชาตญาณ หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสงสัยทันที
เจี้ยนเฉินจ้องเขม็งไปที่หนึ่งในแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาวิญญาณสวรรค์แล้วคำรามออกมา “ท่านจะคืนของที่ท่านขโมยไปจากข้าได้หรือไม่ ? “
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ได้เอาเกราะไหมบรรพกาลของเจี้ยนเฉินไปและเก็บเอาไว้ในแหวนมิติของเขา ปากของเขากระตุกขึ้นทันทีที่เขาได้ยิน เขามองอย่างไร้อารมณ์ไปที่แอตแลนติสที่อยู่บนท้องฟ้า ความกลัวปรากฎลึกอยู่ในดวงตาของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่าเขายังไม่ได้ข้ามพรมแดนไป แอตแลนติสไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้ว่านางจะทรงพลังมากก็ตาม ความกลัวทั้งหมดหายไปจากเขาในทันทีในขณะที่เขาคิดขึ้นมาและเขาก็กล่าวเยาะเย้ยออกมาว่า “หึหึ เกราะนี่สุดยอดจริง ๆ ที่ยังไม่เป็นรอยขีดข่วนใดเลยหลังจากที่รับการโจมตีจากข้า ถ้าเจ้าอยากได้มันคืน เจ้าก็ต้องแลกกับของที่เจ้าเอาไปจากพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็เลิกคิดไปได้เลย” หลังจากพูดออกไปแบบนั้น เขาก็มองไปที่สหายของเขาก่อนที่จะจากไป พวกเขาบินกลับไปยังอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ
แม่ทัพทั้งสองไม่สนใจสหายทั้งสองที่ติดอยู่อีกฝั่ง เพราะเขารู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร การที่อยู่ต่อไม่ได้ช่วยอะไรได้ กลับกับ พวกเขาอาจจะถูกหยุดเอาไว้จากจอมยุทธคนอื่นจากศาลาวิญญาณสวรรค์ที่กำลังตามมาและจบเหมือนสหายของพวกเขาทั้งสอง พวกเขาอาจจะสูญเสียมากกว่านั้นในตอนนั้น
เจี้ยนเฉินกำหมัดแน่นในขณะที่เขามองแม่ทัพทั้งสองบินจากไป สายตาของเขาเป็นประกายอย่างเยือกเย็นในขณะที่เขาคำรามออกมา “วันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจในสิ่งที่เจ้าทำวันนี้”
เกราะไหมบรรพกาลทำมาจากเส้นไหมของเทพหนอนไหมซึ่งโลกได้ให้กำเนิดมันมา มันเป็นวัตถุดิบที่หายากมาก เจี้ยนเฉินรู้คุณค่าของมันมาจากจิตวิญญาณกระบี่ มันเป็นสมบัติป้องกันตัวสุดยอด
อย่างไรก็ตาม เกราะไหมบรรพกาลสามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้เท่านั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เจี้ยนเฉินรู้ดีว่ามีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเกราะไหมยังคงมีศักยภาพที่ที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีก พลังของมันไม่ได้มีแค่นั้นแน่
“พวกเราไปกันเถอะ” เล่อป้าเทียนเรียกพวกของเขา เขาจากไปพร้อมกับพวกทั้งสาม และมุ่งตรงไปที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
แอตแลนติสมองอย่างเยือกเย็นไปที่จอมยุทธทั้งสามที่ถูกพันธนาการอยู่หลังจากที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินจากไป นางพูดอย่างไร้อารมณ์ “พวกเจ้าทั้งสามไปกับข้าที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจ้าศาลาจะจัดการกับพวกเจ้าเอง” นางโบกมือของนางเบา ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาถูกล้อมไปด้วยวงแหวนสีฟ้าทันที มันผนึกกำลังของพวกเขาเอาไว้ก่อนที่จะกลายเป็นเชือกสีฟ้าที่เชื่อมต่อกับมือของนาง
แอตแลนติสถือเชือก 3 เส้นในขณะที่นางนำพวกเขาไปที่ศาลา พวกเขาเจอกับสายตาที่สงสัยของจอมยุทธจำนวนมากตลอดทาง พวกเขาถูกชี้และพูดถึงตลอด
ในตอนนั้นเอง เซียนระดับราชาทั้งสามที่ถูกพันธการเอาไว้อยากแม้แต่ที่จะตาย พวกเขาเป็นจอมยุทธ 16 ดาวชั้นสูง แต่พวกเขายังต้องมาตกอยู่ในสถานะการณ์น่าอนาถเช่นนี้
เจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังบินไปกลับกลุ่มของเล่อป้าเทียนและเคลื่อนที่ไปเร็วมาก ฉิงยี่หยวน โม่ซีรันและโอวหยุนบินอยู่ข้างข้างเพื่อคุ้มกัน
นูบิสนั้นซีดเซียว เขาอ่อนแอมากในตอนนี้ เขาได้เผาพลาญแก่นแท้พลังชีวิตของเขาไปก่อนหน้านี้เพื่อที่จะเพิ่มความเร็วของเขาให้เกินขีดจำกัด ซึ่งทำให้เขาสูญเสียไปอย่างมาก ความแข็งแกร่งของเขาลดลงไปอย่างมาก เขาลดลงไปเหลือชั้นสวรรค์ที่ 9 จากอีกเพียงนิดเดียวก็ถึงระดับเซียนราชาแล้วสำหรับเขา
“พวกเราปลอดภัยในที่สุด นี่เป็นเรื่องที่ข้าภูมิใจมากที่สุดในชีวิต ข้ารอดมาได้จากการตามล่าของจอมยุทธ 16 ดาวและหนีรอดมาได้อย่างสำเร็จ” ใจของซี่หวังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเมื่อเขาคิดกลับไปตอนที่เขาหนีเมื่อสองสามวันก่อน นี่มันช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเซียนผู้คุมกฎธรรมดาจะสามารถหนีรอดมาจากการไล่ล่าของผู้อาวุโสของทั้งสองศาลาได้สำเร็จ
“ดูเหมือนการที่มากับพวกเขาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของข้า ข้าได้ยินมาจากผู้อาวุโสพวกนั้นว่าพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้คุมกฎของเผ่าบางเผ่า พวกเขาอยู่ในระดับที่สูง ดังนั้นพวกเขาไม่น่าจะหลอกข้า ข้าจะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์ภายใน 50 ปีนี้แน่” ซี่หวังคิดในใจ ไฟแห่งความหวังถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งและไม่ริบหรี่เหมือนก่อนหน้านี้
เจี้ยนเฉินมองไปที่นูบิสอย่างเป็นห่วง แล้วเขาก็เอ่ยว่า “นูบิส เจ้าต้องการที่จะฟื้นฟูในวัตถุเซียนหรือไม่ ? “
นูบอสพยักหน้าในขณะที่เขาตอบกลับ “อาจจะดีก็ได้ ข้าได้ใช้แก่นแท้พลังชีวิตไปมาก ดังนั้นข้าจำเป็นต้องชดเชยมันคืนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นมันอาจส่งผลระยะยาวซึ่งจะมีผลกระทบกับข้าอย่างมากในอนาคต”
โดยไม่ลังเล วัตถุเซียนก็ถูกเสกออกมาโดยเจี้ยนเฉินแค่เขาคิด มันพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเจี้ยนเฉินเป็นแสงสีทองและหยุดลงตรงฝ่ามือของเขา หลังจากนั้น มันก็ดูดนูบิสเข้าไป
วัตถุเซียนได้ถูกเปิดเผยไปแล้วตอนที่พวกเขากำลังหนี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนมันเอาไว้อีกแล้ว
การปรากฏขึ้นมาของวัตถุเซียนดึงความสนใจของเซียนราชาทั้งสี่คน พวกเขาจ้องไปที่หอคอยเล็ก ๆ สีทองอย่างสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถาม “น้องชาย นั่นมันคืออะไรกัน ? มันสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้ด้วย เหลือเชื่อ”
“นี่เป็นบางอย่างที่ผู้เยาว์ได้มาโดยบังเอิญ ผู้เยาว์ทราบเพียงความสามารถของมันแต่ไม่รู้ต้นกำเนิดของมันหรือชื่อของมัน” เจี้ยนเฉินสร้างคำโกหกขึ้นมา เขาไม่ได้เอ่ยถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของมัน ในอาณาจักรทะเลนั้นไม่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงใช้ยาและวิธีการที่แตกต่างออกไปในการรักษาอาการบาดเจ็บ ถ้าพวกเขารู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของวัตถุเซียนล่ะก็ มันอาจจะเกิดโกลาหลครั้งใหญ่ทั่วอาณาจักรทะเลก็เป็นได้
วัตถุเซียนพุ่งกลับเข้าไปที่หน้าผากของเขา ภาพที่มหัศจรรย์นี้ทำให้ทั้งสี่คนตาโตขณะจ้องมอง ในขณะที่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“น้องชาย เจ้าสามารถเก็บวัตถุนั้นไว้ในหัวของเจ้าได้ด้วยหรือ ? ” โอวหยุนพูดอย่างประหลาดใจ นี่เปลี่ยนทุกอย่างที่เขารู้มาเลย
เจี้ยนเฉินพยักหน้าแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดเพิ่ม
“ช่างเป็นสมบัติที่มหัศจรรย์อะไรเช่นนี้” โม่ซีรันพูดพร้อมถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตว่าฉิงยี่หยวนนั้นไม่สบายใจอยู่ สายตาของนางเป็นประกายในขณะที่นางคิดบางอย่าง
หลังจากที่บินมาครึ่งวัน พวกเขาก็มาถึงที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลพร้อมกับเจี้ยนเฉิน
ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ที่กึ่งกลางของอาณาเขต มันเป็นปราสาทลอยได้ที่ใหญ่มากซึ่งเปล่งรัศมีความกดดันออกมา ที่ยอดของมันมีรูปสลักใหญ่สูง 300 เมตรตระหง่านอยู่ มันตั้งอยู่เหมือนวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นรูปสลักของหญิงที่มีรูปร่างลักษณะลาง ๆ รูปสลักอยู่ในแบบที่เหมือนจริงมาก ครึ่งบนของมันเป็นมนุษย์ แต่ครึ่งล่างนั้นเหมือนปลา มันเป็นการผสมผสานกันที่แปลก ๆ ระหว่างมนุษย์กับปลา
เจี้ยนเฉินรู้สึกถูกล่อลวงในตอนที่เขาเห็นรูปสลัก เขารู้สึกเหมือนเขาเห็นโลกทั้งใบ ไม่ใช่รูปสลัก เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าหญิงคนนี้ต้องถึงระดับการฝึกฝนในขั้นที่สูงมากเป็นแน่เมื่อนางยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นนางคงไม่ให้ความรู้สึกอะไรแบบนี้ออกมา
“คนที่อยู่ในรูปสลักนี้เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่สุดยอดของเผ่าพันธุ์ทะเล ในหลายปีที่ผ่านมานี้ นางเป็นคนคนเดียวของเผ่าพันธุ์ที่สามารถตัดผ่านระดับเซียนจักรพรรดิไปได้ นางเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกับจอมยุทธอันดับหนึ่งของมนุษย์ โมเทียนหยุน พยัคฆ์ปีกเทวะ และเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ในครั้งโบราณกาล” เล่อป้าเทียนอธิบาย
“เทพเจ้าแห่งท้องทะเล” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขารู้สึกคุ้นเคยจากรูปสลักนี้
“เจ้าศาลาต้องการที่จะพบกับพวกเจ้า มากับข้า”