ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 701 พันธนาการของสำนักแสงสว่าง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ข่ายกระบี่บนเกาะเพิงหินโม่ซึ่งเป็นที่อยู่ของหอกระบี่ทะเลเหนือ เยี่ยนจ้าวเกอเคยได้ยินมานานแล้ว

ก่อนหน้านี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหมายจะใช้ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติทำลายข่ายกระบี่ แต่ก็มาเสียแผนเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ ตัวเยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยเหยียบที่นี่มาก่อน

ปัจจุบันราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพ เยี่ยนจ้าวเกอจึงสามารถมาที่นี่ได้พร้อมกับสถานะแขกผู้มีเกียรติ

ต่อให้ปราณกระบี่จะไม่ได้ถูกกระตุ้น แต่คนที่เข้ามาในอาณาเขตของเกาะเพิงหินโม่ก็จะสัมผัสได้ว่ามีปราณกระบี่ที่เข้มข้นโจมตีเข้ามาใส่จากทุกทิศทุกทางได้

ยิ่งมีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนเท่านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจรอบๆ อย่างสนอกสนใจ ปราณกระบี่ไร้เสียงไร้รูปร่าง แต่กลับกระจายเต็มไปหมดเหมือนแทรกตัวอยู่ทุกที่

‘รากฐานเช่นนี้นับว่าหายากเช่นกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเชื่องช้า

ลูกศิษย์หอกระบี่ทะเลเหนือหากอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ก็เหมือนกับกระบี่แหลมคมหลายเล่มถูกหินลับกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนลับอยู่ในทุกสภาพแวดล้อมตลอดเวลา

บางทีอาจเป็นแค่การเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่เพราะสะสมมาเป็นเวลานาน ผ่านวันคืนอันสาหัส จึงได้มีทรัพย์สมบัติน่าดูชม

การอาศัยและการฝึกฝนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ จะต้องรักษาความตื่นตัวและต้องเคี่ยวกรำอยู่ตลอดเวลา

ที่คุณสมบัติโดยเฉลี่ยของลูกศิษย์จากหอกระบี่ทะเลเหนือในขุมกำลังทั้งหมดบนทะเลหวงเจีย ได้รับการยอมรับว่าสูงส่งที่สุด มีคนที่ไม่ประสบความเร็จอยู่น้อย ไม่ใช่จะไร้เหตุผล

เยว่เป่าฉีเดินอยู่ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ นำทางให้กับเขา “คุณชายเยี่ยน เชิญทางนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย พยักหน้า ติดตามไปพร้อมกับเฟิงอวิ๋นเซิงและอาหู่

ขณะที่เดินอยู่ มีลูกศิษย์ของหอกระบี่ทะเลเหนือไม่น้อยที่มองพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสนใจ

นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถพบผู้สืบทอดของพรรคอื่นที่รวมตัวกันบนดินแดนแห่งนี้ได้จำนวนหนึ่ง มีคนจากสำนักแสงสว่าง คนจากสำนักความมืด คนจากเกาะมนุษย์สำริด ยังมีจอมยุทธ์ในทะเลหวงเจียคนอื่นที่ไม่พอใจการปกครองของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง จึงสวามิภักดิ์ต่อกองทัพต่อต้านต้าเสวียนด้วย

บ้างก็สำรวจพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเปิดเผย บ้างก็สำรวจอย่างเงียบๆ

“ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพเพราะคนผู้นี้หรือ? น่าเหลือเชื่อจริงๆ”

“ได้ยินมาว่าหลักๆ เป็นเพราะประมุขอาคเนย์เดือดดาล”

“ถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็อธิบายได้แล้ว”

“เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้สมควรมีประโยชน์แค่สอดด้ายเข้าเข็มเท่านั้นกระมัง? โชคดีจริงๆ…”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกกระมัง อายุน้อยถึงเพียงนี้ก็เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว อย่าว่าแต่ทะเลหวงเจียเลย ทอดตามองทั้งแผ่นดิน เจ้าเคยพบเคยได้ยินมากี่คนเอง”

“การสอดด้ายเข้าเข็ม แจ้งข่าวที่ทราบ ไม่ได้จำเป็นต้องมีพลังแข็งแกร่ง ถ้าหากแกร่งมากจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าววาจา แค่ถูกสะกิดความโกรธ ก็ทำให้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องลดธง หยุดตีกลองรบเช่นประมุขอาคเนย์ได้แล้ว”

“ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าสองคนร่วมมือกัน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูประยะต้นคนไหนจะหนีรอดได้บ้าง? ท่านหรือไม่ก็ผู้อาวุโสของท่านไม่ลองไปทำดูเล่า?”

“ใครรู้บ้างว่าเขาหนีรอดได้อย่างไร”

“หากเกิดขึ้นครั้งสองครั้งอาจถือว่าบังเอิญ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ไม่ใช่แล้ว อย่าลืมว่าความจริงอแล้วเขาเป็คนทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ หนงอวี่ซวนสำนักแสงสว่างเป็นคนที่สวมรอยสร้างชื่อเสียงจอมปลอมขึ้นมา”

“ถูกต้อง สำนักแสงสว่างมีแต่เศษเดนเหล่านี้”

“ตัวบัดซบสำนักความมืด หาที่ตาย!”

“มาเลยๆ ข้ากลัวเจ้าหรือ? พวกเจ้ากล้าทำ คิดว่าข้าไม่กล้าพูดหรือ?”

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพ แรงกดดันในใจของทุกคนหายไป ความขัดแย้งในอดีตเริ่มลอยขึ้นจากผิวน้ำ

บทสนทนาของทุกคนส่วนใหญ่เกิดในที่ลับ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอต่อให้ไม่ได้ยินเนื้อหาชัดๆ ก็พอจะเดาความคิดในใจของทุกคนออกคร่าวๆ

เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

เหตุการณ์ที่จอมยุทธ์ในสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดเผชิญหน้ากันจนเกือบลงมือ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจมากกว่า

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่มองดูเหตุการณ์นี้เช่นกัน อาหู่พลันส่งกระแสเสียงพูดว่า “คุณชาย มีเรื่องหนึ่ง”

เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองเขา เห็นชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ไม่มีท่าทางเกียจคร้านเจ้าเล่ห์เฉกเช่นปกติ สีหน้าจริงจังยิ่ง

“คุณชาย ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องลดธงรบหยุดตีกลองศึกแล้ว ขอแค่ขุมกำลังต่างๆ เช่นสำนักแสงสว่างไม่หาเรื่อง พวกเขาจะสงวนท่าที ไม่โจมตีสำนักแสงสว่าง ด้วยเหตุนี้ แรงกดดันที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมอบให้แก่สำนักแสงสว่างจะหายไปชั่วคราว”

อาหู่พูดอย่างจริงจัง “พวกเราในตอนนี้มีหอกระบี่ทะเลเหนือกับสำนักความมืดคอยหนุนหลัง สำนักแสงสว่างเองก็ไม่อาจทำอะไรพวกเราได้ ทว่า…”

บนใบหน้าของเขาเกิดความกังวล “พวกเขาจะรวบรวมพลัง ลงไปยังโลกซ้อนโลกเพื่อจัดการท่านประมุขตระกูลกับเขากว่างเฉิงหรือไม่?”

ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน กำลังหลักของสำนักแสงสว่างรวมกันอยู่ที่ทางทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลก เพื่อรับมือกับความยุ่งเหยิงระหว่างพวกเขากับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และสำนักความมืด

ต่อให้โยกกำลังพลลงไปยังโลกเบื้องล่าง คนก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่ดี

ทว่าในตอนนี้ หากสำนักแสงสว่างตัดสินใจเด็ดขาด เปลี่ยนความตั้งใจ ด้วยพลังของพวกเขา ในสำนักมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ก็จะไม่เหมือนกับการทะเลาะเบาะแว้งอย่างเช่นในอดีตอีกแล้ว

ตัวอย่างที่ง่ายที่สุด จอมยุทธ์ศักดิ์ศิษย์ขั้นเทวะสำแดงที่ลงไปยังโลกเบื้องล่าง พลังฝึกปรือจะถูกจำกัดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม

แต่ว่ายอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย กับยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น ต่างถูกจำกัดให้อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ความแตกต่างจะยิ่งชัดเจนแล้ว

ประสบการณ์และความรู้ในด้านหลักการวรยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายย่อมมีสูงต่ำ พลังมีการแบ่งเป็นแข็งแกร่งและอ่อนแอ

ในทางกลับกัน ต่อให้เหมือนกันทุกอย่าง ถ้าสำนักแสงสว่างเปลี่ยนความตั้งใจ ยอดฝีมือที่สามารถส่งไปได้ก็เป็นจำนวนที่ทำให้คนที่ได้ยินตื่นตระหนกเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้ ถึงอย่างไรข้าก็แค่คบหากับลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์เท่านั้น ไม่ใช่ข้ากราบเข้าเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์”

อาหู่สีหน้าเคร่งเครียด “เช่นนั้นพวกเราควรขอให้หอกระบี่ทะเลเหนือกับสำนักความมืดช่วยเหรือไม่?”

“จอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับสูงกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไป หากฝืนลงไปยังโลกเบื้องล่าง จะส่งผลเสียต่อตัวเอง อาศัยน้ำใจเก่าก่อน พวกเราบางทีอาจจะขอให้จอมยุทธ์จากหอกระบี่ทะเลเหนือและสำนักความมืดลงไปช่วยที่แปดพิภพได้ แต่ว่าการพักเป็นเวลานานเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว

“ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามคิดจะขึ้นมาอีกหลังลงไปแล้วกลับลำบากอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ไม่อาจกลับมาได้ตามใจ”

ชายหนุ่มแบมือ “พวกเราไม่รู้ว่าสำนักแสงสว่างจะลงมือเมื่อไร เป็นขโมยพันวันนั้นง่าย แต่ป้องกันขโมยพันวันก็ยากแล้ว”

“ถ้าหากไปหาเรื่องสำนักแสงสว่างเอง สำนักความมืดอาจจะยินดี หอกระบี่ทะเลเหนือกับเกาะมนุษย์สำริดไม่ต้องพูดถึง ถึงอย่างไรราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็ยังอยู่ ทางด้านประมุขอาคเนย์จะตัดสินใจอย่างไร ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ก็ส่ายหน้า “ตอนนี้ดูจากการเปรียบเทียบพลังของทั้งสองฝ่ายแล้ว ถ้ามีแค่สำนักความมืดสำนักเดียว เกรงว่า…”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “นั่นกลับไม่จำเป็น”

อาหู่ฮึกเหิม “ที่แท้คุณชายท่านมีแผนอยู่แล้ว”

“ครั้งนี้ขึ้นมายังโลกซ้อนโลก อันดับแรกคือการแก้ไขภัยคุกคามจากสำนักแสงสว่าง แต่กลับต้องป้องกันไม่ให้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องป็นนกขมิ้นรออยู่ด้านหลังด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างจริงจัง

“ก่อนอื่นมอบราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องให้ประมุขอาคเนย์จัดการ จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากการที่ประมุขอาคเนย์สะกดราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะเป็นการปลดพันธนาการให้แก่สำนักแสงสว่างเพราะเรื่องนี้ แต่ก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเกิดราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำลายค่ายกลบูชาฟ้าแล้วเวลาผ่านไปนานเข้า ข้าไม่อาจเอาร่องรอยกลับมาได้ หลักฐานจะหายไปโดยสิ้นเชิง”

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีปฏิกิริยารวดเร็วสุดขีด ทำลายหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดอาศัยฝีมืออันพิสดารของตัวเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงค่อยจับพวกเขาได้คาที่

ไม่ต้องอธิบายมากความ หากสายไปเล็กน้อย ก็เหลือแต่ความว่างเปล่าแล้ว

ถ้าประมุขอาคเนย์ไม่แทรกแซง ในทะเลหวงเจียก็ไม่มีใครทำอะไรราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้ เมื่อมีแรงกดดันจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอยู่ด้วย หอกระบี่ทะเลเหนือ เกาะมนุษย์สำริด หรือแม้แต่สำนักความมืดก็ไม่อาจมองดูสำนักแสงสว่างเกิดเรื่องอยู่เฉยๆ ได้

ส่วนปัจจุบันนี้จะจัดการสำนักแสงสว่างอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอมีแผนการคร่าวๆ แล้ว “วิธีการจะเหมาะสมหรือไม่ ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ จำเป็นต้องรอให้ข้าพบเจ้าสำนักความมืดโจวฮ่าวเซิงเสียก่อน ถึงจะมีคำอธิบายที่ชัดเจน ก่อนหน้านั้นข้าได้แจ้งให้อู๋จื่อซิวส่งการเชื้อเชิญไปแล้ว”