ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 702 บุปผามีวันบานสะพรั่ง แต่รุ่งโรจน์เสื่อมโทรมไม่อาจกำหนด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอมีของสิ่งหนึ่งโผล่ขึ้นมา กลับเป็นเศษโลหะครึ่งขาวครึ่งดำก้อนหนึ่ง

นี่คือมรดกของสำนักประกายกาฬในตำนาน ซึ่งเขาได้มาจากผู้อาวุโสโม่ในตอนนั้น

เมื่อครั้งพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก มันเคยแสดงความน่าอัศจรรย์ ช่วยพวกเยี่ยนจ้าวเกอหลอมเปลี่ยนพลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนมาแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอที่คาดเดาไว้ตั้งแต่ต้น และได้ฟังเฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่บรรยายถึงเรื่องราวในตอนนั้น อีกทั้งยังได้หลอมพลังอาทิตย์ยะเยือก และพลังจันทร์ดำส่วนหนึ่ง หลังจากศึกษาของสิ่งนี้อีกครั้ง ก็มีความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีก

ขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้ามายังที่อยู่ของหอกระบี่ทะเลเหนือ ด้านนอกก็มีข่าวส่งมาอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องได้แยกทหารเป็นสองทางจริงๆ เพื่อลองตีขนาบหน้าหลัง จึงได้ให้กองกำลังปีกข้างกลุ่มหนึ่งอ้อมไปที่ด้านหลังกองกำลังหลักกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียน เพื่อตัดทางถอยไปยังข่ายกระบี่บนเกาะเพิงหินโม่ของกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียน

ต่อมาราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเปลี่ยนแผนถอนทัพ จึงติดต่อกับกองกำลังปีกข้างนี้ เพื่อแจ้งให้ถอยไปพร้อมกัน

แต่เนื่องจากเวลาและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ กองกำลังปีกข้างนี้จึงช้ากว่ากองกำลังหลักของราชวงศ์ต่อต้านต้าเสวียนอยู่ดี

พวกู้หงและโจวฮ่าวเซิงได้รับการแจ้งข่าวจากเยี่ยนจ้าวเกอทันเวลา ทั้งค้นหาทั้งไล่ตาม สุดท้ายก็พบอีกฝ่าย

“เป็นกู้จาง บุคคลอันดับสองในสิบกระบี่ผู้วิเศษที่ก่อนหน้านี้หายไปจริงๆ ด้วย อีกทั้งยังนำกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนมาด้วย” เยว่เป่าฉีถอนใจชมเชยพลางเอ่ยว่า “ถ้าหากไม่ใช่คุณชายเยี่ยนท่านทำให้ประมุขอาคเนย์สอดมือ กองทัพต่อต้านต้าเสวียนของเราเกรงว่าจะมีผลลัพธ์น่าเป็นห่วงยิ่ง”

ได้รับการบอกกล่าวจากเยี่ยนจ้าวเกอ ทุกคนในตอนนี้ต่างทราบว่า ผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงไม่ได้มีแค่เก้าคนเหมือนที่คิดในตอนแรก

นอกจากพวกกู้จางและคังฮูหยินเก้าคนแล้ว ยังต้องบวกคังผิงที่ไม่เคยเผยร่องรอยมาโดยตลอดเข้าไปอีก ขณะเดียวกันเขายังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงในปัจจุบันด้วย

ในฐานะจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น กู้จางแม้จะเป็นอาจารย์อาของคังผิง ทว่าตัวคังผิงกลับมีพลังเหนือกว่า

เมื่อได้ยินชื่อของกู้จาง ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏเงาร่างของคนผู้นี้

ภายนอกเป็นคนหนุ่ม แต่สายตากลับโชกโชนเหลือคณา เหมือนกับผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน

ในตอนนั้นเป็นคนผู้นี้ที่ร่วมมือกับเสวียนมู่อ๋อง โจมตีหอสักการะหลักสำนักความมืด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือกู้หงมาสนับสนุนทันเวลา เจ้าสำนักความมืดโจวฮ่าวเซิงอาจจะตายที่นั่นไปแล้วก็ได้

ส่วนเฮ่อตงเฉิงที่เป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน นอกจากพวกคังผิงและกู้จางในสิบกระบี่ผู้วิเศษอีกคน คือชายชราที่มีรูปลักษณ์ภายนอกแก่หง่อม แต่ดวงตากลับปราดเปรียวเหมือนคนหนุ่ม ซึ่งโจมตีหอสักการะหลักสำนักความมืด และซุ่มโจมตีเจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทาในตอนนั้น

ครั้งนี้ เฮ่อตงเฉิงกับเสวียนมู่อ๋องบัญชาการกองกำลังหลักของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ปิดบังเรื่องที่กู้จางผละไป สุดท้ายก็ร่วมมือกันโจมตีกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนอย่างดุดัน

รอจนกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนถอยกลับเหมือนเช่นครั้งก่อนๆ เฮ่อตงเฉิงกับเสวียนมู่อ๋องก็พายอดฝีมือคนอื่นในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพ

เพียงแต่กองกำลังปีกข้างที่กู้จางนำ ถึงแม้จะถอนทัพเช่นกัน แต่กลับถูกพวกกู้หงไล่ตามทัน

กู้จางมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนอยู่ในมือ ในกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเมื่ออยู่กลางสถานที่ภายนอก

ทว่าครั้งนี้ยอดฝีมือระดับสุดยอดของกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนต่างรวมตัวกัน กู้จางรับมือไม่ไหวอยู่บ้าง

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่อาจให้การสนับสนุนเขาได้ กู้จางจึงได้แต่พาบริวารสู้พลางถอยพลาง

ผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย กู้จางได้รับบาดเจ็บสาหัส ยอดฝีมือราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่อยู่ใต้บังคับบัญชาตายไปมากกว่าครึ่ง

เมื่อกดดันถึงระดับหนึ่ง และกำลังจะเข้าใกล้อาณาเขตควบคุมที่อยู่ใจกลางของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง พวกกู้หงแม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ได้แต่ต้องเลิกรา

หากดำเนินการต่อ สมควรถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องโต้ตอบ

พูดถึงท้ายที่สุด พลังของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยังแข็งแกร่งกว่า มีศักยภาพดีกว่า

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สงครามในครั้งนี้ กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนก็พลิกจากแพ้เป็นชนะ ได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง

“เจ้าสำนักโจวจากสำนักความมืด และผู้คุมหอกู้ของพรรคเรา อีกเดี๋ยวจะกลับเกาะเพิงหินโม่แล้ว” เยว่เป่าฉีบอก

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า จากนั้นก็ถามว่า “สำนักแสงสว่างกับเกาะมนุษย์สำริดเล่า?”

เยว่เป่าฉีตอบ “สหายร่วมอุดมการณ์สำนักแสงสว่างและเกาะมนุษย์สำริดที่ก่อนหน้านี้สนับสนุนสำนักเรา อีกสักพักจะทยอยกลับแล้วเช่นกัน”

ถึงแม้จะกลับไป ทว่าในช่วงนี้ขุมกำลังต่างๆ ในกองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวใหญ่ๆ บนทะเลหวงเจียอีก

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องรักษาความสงบเสงี่ยม กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนจะก่อให้เกิดกระแสคลื่นในอาณาเขตของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องซึ่งถูกกลืนอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง

ทว่าการเคลื่อนไหวใหญ่ๆ น่าจะมีไม่มากแล้ว ความจริงทุกคนต่างกำลังรอข่าวและสืบหาเบาะแส

รอทางเขาโถงทองมีการตัดสิน ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ คนที่ตัดสินชะตาชีวิตของทะเลหวงเจียในตอนนี้อยู่ด้านนอกทะเลหวงเจีย

ทุกคนในตอนนี้อยู่ในช่วงเพิ่มพูนพลังของตัวเอง และลดการขยายอำนาจลง

ในสถานการณ์เช่นนี้ สำนักแสงสว่างจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ก็ยากจะคาดเดานัก

ถึงแม้จะเปลี่ยนความตั้งใจไปโจมตีโลกแปดพิภพด้วยพลังทั้งหมด แต่ก็เป็นการทำตามอารมณ์ไปบ้าง ถึงอย่างไรตราประทับตะวันอันเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของสำนักแสงสว่าง ก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอนำมายังโลกซ้อนโลกแล้ว

กระนั้นถ้าอีกฝ่ายจะเล็งเป้าหมายไปที่เยี่ยนตี๋กับเขากว่างเฉิงที่อยู่ในโลกแปดพิภพจริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่ประการใด

ถูกกดดันให้เป็นฝ่ายป้องกัน ไม่ใช่ความต้องการของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงอย่างไรเขาก็ชอบเป็นฝ่ายบุกเองมากกว่า

หลังจากการสนทนาฉันมิตระหว่างแขกและเจ้าภาพกับกู้หงผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้เจอโจวฮ่าวเซิง เจ้าสำนักความมืด

“สหายเยี่ยนบอกว่ามีเรื่องต้องการให้ศึกษาร่วมกัน กลับไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใด?” หลังจากพูดเกรงอกเกรงใจกันครู่หนึ่ง โจวฮ่าวเซิงก็เอ่ยปากถามขึ้น

ชายชราในอาภรณ์ขาวใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ท่วงท่าเป็นมิตร ไม่มีอาการถือตัว

ไม่ว่าจะกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง หรือสำนักแสงสว่าง สำนักความมืดเป็นฝ่ายเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ

พิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย ผู้นำระดับสูงของสำนักความมืดสงสัยว่าที่เยี่ยนจ้าวเกอออกจากหอสักการะย่อยบนเกาะเซิ่งเหอ มาถึงหอสักการะหลักอย่างน่าอัศจรรย์ในตอนนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นความตั้งใจไม่ใช่ความบังเอิญ

ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทั่วทั้งสำนักความมืดรวมถึงโจวอฮ่าวเซิง ต่างเลือกลืมปัญหานี้ไปสิ้น

การทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ กับการสร้างความสัมผัสกับเขาโถงทองจนทำให้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องพ่ายแพ้โดยไม่ได้ต่อสู้ แค่เรื่องเหล่านี้ก็ทำให้สำนักความมืดตั้งใจจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเยี่ยนจ้าวเกอมากขึ้นอีกขั้นแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสำนักโจวเกรงใจไปแล้ว ข้าได้ของวิเศษชิ้นนี้มาโดยบังเอิญ คิดขอให้ท่านพิจารณาร่วมกันสักครั้ง”

“แต่ขออภัยที่ข้าบุ่มบ่าม ก่อนหน้านั้นมีเรื่องบางเรื่องต้องขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักโจวเสียก่อน”

โจวฮ่าวเซิงเอ่ย “สหายเยี่ยนบอกกล่าวได้เต็มที่”

ชายหนุ่มใคร่ครวญเลือกใช้ถ้อยคำ “ทุกคนต่างทราบว่า สำนักของท่านกับสำนักแสงสว่างกำเนิดจากแหล่งเดียวกัน ต่างมาจากสำนักประกายกาฬในอดีต จนกระทั่งสำนักประกายกาฬล่มสลาย ค่อยเกิดการแบ่งแยกขึ้น”

“มิผิด เป็นเช่นนั้นเอง” โจวฮ่าวเซิงพยักหน้า ไม่รู้สึกตะขิดตะขวาง

เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับชายชราในอาภรณ์สีขาว “สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านสั่งสอนก็คือ เจ้าสำนักโจวอาจจะรู้ว่า จักรพรรดิประกายกาฬในตอนนั้นเสียชีวิตอย่างไร และเหตุใดสำนักประกายกาฬจึงล่มสลาย?”

จักรพรรดิประกายกาฬปกครองใต้หล้า เป็นบุคคลที่ผงาดขึ้นมาหลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ในตำนานยุคหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า เคยถูกจัดอยู่ในห้าราชา หลังจากสวรรคตได้หลายปี ค่อยมียอดฝีมือผงาดขึ้นมาถมที่ว่าง ทำให้ชื่อของสามจักรพรรดิห้าราชาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ในตอนที่สำนักประกายกาฬยังปกครองใต้หล้าอยู่ เคยรุ่งโรจน์อยู่ช่วงหนึ่ง มียอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน สยบทั่วทั้งโลกซ้อนโลก ไม่ได้ติดอยู่ในเขตตะวันอาคเนย์เหมือนเช่นสำนักแสงสว่างและสำนักความมืดในตอนนี้

ผ่านมาหลายปี การสืบทอดของสำนักประกายกาฬ ได้เสื่อมทรามลงอย่างแท้จริงแล้ว

บุปผามีวันบานสะพรั่ง แต่รุ่งโรจน์เสื่อมโทรมไม่อาจกำหนด เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน สะท้อนให้เห็นอย่างหมดจด

โจวฮ่าวเซิงจมลงสู่ความเงียบ

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้เร่งเร้า อดทนนั่งรอให้โจวฮ่าวเซิงเอ่ยปาก