ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 703 สุสานจักรพรรดิประกายกาฬ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับโจวฮ่าวเซิง หลังจากเจ้าสำนักความมืดเงียบงันอยู่นาน ก็เอ่ยปากถามว่า “ของวิเศษชิ้นหนึ่งที่สหายเยี่ยนพูดถึง หรือจะเกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิและสำนักเดิม?”

“ข้าเองก็ไม่กล้ายืนยัน” เยี่ยนจ้าวเกอเล่าตามจริง “นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้มาจากคนอื่นในอดีต ส่วนเจ้าของคนเดิมของมันเคยถูกสำนักแสงสว่างไล่สังหารมาก่อน”

โจวฮ่าวเซิงได้ยินดังนั้น คิ้วขาวสองข้างพลันเลิกขึ้นเล็กน้อย

ชายหนุ่มกล่าวต่อ “แต่ว่า ข้าได้ศึกษาด้วยตัวเอง สัมผัสได้ว่าของสิ่งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิประกายกาฬและสำนักประกายกาฬจริงๆ”

โจวฮ่าวเซิงเงียบลงอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาอย่างใจเย็น

ครู่ต่อมา โจวฮ่าวเซิงค่อยๆ พูดว่า “ความจริงตัวข้าก็ไม่ทราบถึงความจริงเรื่องการสวรรคตขององค์จักรพรรดิเช่นกัน”

หลังจากเว้นอยู่ครู่หนึ่ง เขาค่อยพูดเสริมว่า “นอกจากองค์จักรพรรดิแล้ว ในตอนนั้นผู้มีอำนาจระดับสูงของสำนักเองก็ร่อยหรอ คนที่เหลืออยู่มีคนที่ทราบเรื่องไม่กี่คน”

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว

ในหมู่ยอดฝีมือที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย นับได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลระดับสุดยอด

การสวรรคตของท่านส่งผลกระทบไม่น้อย ทว่าแม้แต่คนในสำนักประกายกาฬเองก็ไม่ทราบความจริง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“ใช่เป็นสามกษัตริย์ลงมือหรือไม่? หรือจะโดนคนที่ได้รับการเรียกขานว่าจักรพรรดิคนอื่นรุมโจมตี?” เยี่ยนจ้าวเกอถามตรงๆ

โจวฮ่าวเซิงเสียงเคร่งขรึมลง “บรรพบุรุษรุ่นก่อนต่างคาดเดา ทว่ากลับไม่ก็ไม่ได้ความอะไร มีหลายอย่างที่พวกเราหาไม่เจอ”

สายตาเขาอ่อนโยนลง ในห้วงสมองปรากฏภาพที่ผู้อาวุโสถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟัง

ในตอนนั้น ยังเป็นช่วงที่สำนักประกายกาฬรุ่งเรืองถึงขีดสุด จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยพายอดฝีมือที่อยู่ใต้บังคับบัญชาออกจากสำนัก ว่ากันว่ากรีฑาทัพไปยังต่างแดน

ทุกอย่างดูปกติมาก มิคาดกลับไปแล้วไปลับ

เหล่าผู้นำระดับสูงที่อยู่เฝ้าสำนักประกายกาฬลองติดต่อ กลับไร้ข่าวคราว

จนมาวันหนึ่ง จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยเสด็จกลับมาที่หอสักการะหลักสำนักประกายกาฬตัวคนเดียว แล้วสวรรคตในวันนั้น

ก่อนสวรรคต ลูกศิษย์ในสำนักได้สอบถามเหตุผล ทว่าอิ่นเทียนเซี่ยไม่ได้ตรัสอันใด เพียงเขียนลวดลายอาคมที่แปลกประหลาดหนึ่งใส่อากาศ

หลังจากท่านสิ้นสวรรคต ลวดลายค่ายกลนั้นก็ขยายกลายเป็นหลุมดำ ดูดศพของท่านเข้าไปด้านใน

โครงสร้างของหอสักการะหลักสำนักประกายกาฬพังทลาย เศษชิ้นส่วนหมุนรอบลวดลายค่ายกลและศพของอิ่นเทียนเซี่ย จากนั้นก็ประกอบกันเป็นสุสานขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง

สุสานในที่สุดก็หายไปในส่วนลึกของหลุมดำ หลุมดำหมุนวนเปลี่ยนแปลง กลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้า แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

กลางฟ้าดินที่ว่างเปล่ามีตัวหนังสือลอยขึ้นมาว่า ‘ต่างคนต่างแยกย้าย’

ทุกคนในสำนักต่างงุนงง กระนั้นก็ทราบว่า สำนักประกายกาฬของพวกตนครั้งนี้ประสบคราเคราะห์เสียแล้ว

ตั้งแต่นั้นมา สำนักประกายกาฬที่ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดัง หลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ยิ่งมีบารมีน่าตื่นตะลึกในโลกซ้อนโลก ก็ค่อยๆ ล่มสลาย

ในขณะที่สำนักประกายกาฬผงาดขึ้น ก็ได้สร้างความแค้นกับคนหลายคน ในช่วงที่อ่อนแอจึงถูกคนซ้ำเติม อ่อนกำลังมากกว่าเดิม

จนกระทั่งท้ายที่สุดความมืดและแสงสว่างก็แบ่งแยก ความยิ่งใหญ่หายไปจุดควันเมฆ

เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองพลางถามว่า “กรีฑาทัพไปต่างแดน…นพยมโลกหรือ?”

โจวฮ่าวเซิงส่ายหน้า “รายละเอียดในนี้ ข้าเองก็ไม่ทราบ”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ศพขององค์จักรพรรดิ รวมถึงของวิเศษทั้งหมดที่น่าจะยังเหลืออยู่ ก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เพราะสิ่งเหล่านี้คนรุ่นหลังอย่างพวกเราจึงเกิดเรื่องเล่าหนึ่งขึ้น เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิ”

เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก “เจ้าสำนักโจวหมายความว่า ของที่อยู่ในมือข้าเกี่ยวข้องกับสุสานจักรพรรดิประกายกาฬหรือ?”

“ข้าคิดเช่นนั้น” โจวฮ่าวเซิงกล่าวอย่างเชื่องช้า “องค์จักรพรรดิสวรรคต ไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรเอาไว้ ถ้าหากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ในตอนที่สร้างสุสานจักรพรรดิขึ้น มีชิ้นส่วนบางชิ้นตกลงมา บางทีอาจจะเป็นของวิเศษเพียงชิ้นเดียวที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย หยิบชิ้นส่วนโลกหะครึ่งขาวครึ่งดำชิ้นนั้นออกมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็ผลักไปให้โจวฮ่าวเซิงเบาๆ

ในดวงตาของโจวฮ่าวเซิงพลันระเบิดประกายตกตะลึงออกมา

เขาไม่ได้เอื้อมมือไปหยิบ ทว่าในขณะที่มองชิ้นส่วนโลหะชิ้นนี้ สายตากลับจับตัวกันราวของแข็ง

ดวงตาเปล่งแสงที่มืดมัวแต่กลับจับตัวกันและทรงพลังเล็กน้อย แต่ยิ่งมายิ่งจางลง สุดท้ายกลายเป็นความมืดที่ลึกล้ำสงบเงียบ

บนชิ้นส่วนโลหะปรากฏความอัศจรรย์ ครึ่งสีขาวเปลี่ยนเป็นมืดสลัวสุดเปรียบปาน ส่วนครึ่งสีดำกลับมีแสงละลานตาสาดออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ชายหนุ่มก็พยักหน้าเงียบๆ ในใจ ยอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับโจวฮ่าวเซิง เพียงแค่เคลื่อนไหวก็มีอานุภาพยิ่งใหญ่อย่างที่คิดไว้จริงๆ

ชิ้นส่วนโลหะครึ่งดำครึ่งขาวสั่นไหวไม่หยุด มิติในอาณาเขตเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียงถึงกับมีสภาวะถล่มทลายโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง

ชายหนุ่มกับโจวฮ่าวเซิงต่างฮึกเหิมขึ้น “ดูจากลักษณะ แปลกประหลาดจริงๆ เสียด้วย”

หลังจากโจวฮ่าวเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอ สายตาปรากฏแววค้นหา

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย บอกให้เขาทำได้เต็มที่

โจวฮ่าวเซิงยื่นนิ้วออกมาจิ้มใส่ชิ้นส่วนโลหะชิ้นนั้นทันที บนชิ้นส่วนโลหะพลันหักเหแสงที่ไม่ธรรมดาออกมา

มิติที่อยู่ใกล้ถล่มลงโดยสิ้นเชิง เกิดเป็นจุดสีดำขนาดเล็กๆ จุดหนึ่ง มีแรงดึงดูดที่น่าสะพรึงส่งมาจากด้านใน เหมือนกับรอยแตกของมิติอยู่บ้าง

โจวฮ่าวเซิงทำให้มันเสถียร จากนั้นก็หยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากในถุ่งย่อส่วนของตัวเอง

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจมอง นั่นเป็นกระเบื้องแผ่นหนึ่ง เป็นสีดำบริสุทธิ์ ไร้ความมันวาว เหมือนกับแฝงกลิ่นอายพลังที่ลี้ลับเอาไว้

เพียงแต่กระเบื้องสีดำแผ่นนี้เป็นกระเบื้องชำรุด

คิดถึงเรื่องที่โจวฮ่าวเซิงเล่าให้ฟังเมื่อครู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่า นี่น่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนที่จันพรดิประกายกาฬทรงทิ้งไว้ ในตอนที่สร้างสุสานขึ้น ซึ่งเป็นพลังหลังจากพระองค์สวรรคต

เมื่อชิ้นส่วนโลหะกับกระเบื้องสีดำชำรุดพบกัน พวกมันก็พลันสั่นไหว มิติรอบๆ ปั่นป่วนกว่าเดิม

โจวฮ่าวเซิงเห็นดังนั้น ก็หยิบของอีกสองชิ้นขึ้นมา เป็นของที่ทำจากไม้และของที่ทำจากหิน พวกมันเป็นสิ่งของที่มีคุณสมบัติเหมือนกระเบื้องสีดำอย่างชัดเจน

ของเหล่านี้ตอนที่รวมอยู่ด้วยกันก่อนหน้า พวกมันไม่มีปฏิกิริยาอะไร ทว่าตอนนี้พอรวมกันอยู่ใกล้ๆ ชิ้นส่วนโลหะครึ่งดำครึ่งขาวนั้น กลับสั่นสะเทือนขึ้นมา ทั้งยังสาดแสงที่ลี้ลับออกมาด้วย

คิ้วของโจวฮ่าวเซิงคลายออก บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม

เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง “เพียงแต่เช่นนี้ ดูเหมือนจะยังไม่อาจยืนยันตำแหน่งของสุสานจักรพรรดิได้กระมัง?”

โจวฮ่าวเซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ได้โอกาสขึ้นนำพวกทรยศสำนักแสงสว่างแล้ว”

“นี่เป็นข่าวดีจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเช่นกัน

แสงสว่างหลายสายหมุนเวียนอยู่ด้านในมิติสีดำนั้น เหมือนกับกำลังนำทาง

โจวฮ่าวเซิงจำการเปลี่ยนแปลงของมิติที่อยู่ด้านในไว้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทำเช่นเดียวกัน

ทันทีที่โจวฮ่าวเซิงได้สติ เขาก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ พลันยิ้มไม่ออก

ถึงแม้ต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่ไม่ว่าจะเป็นสำนักแสงสว่างหรือสำนักความมืด ต่างยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดของสำนักประกายกาฬที่แท้จริง

สำหรับสิ่งของที่สำนักประกายกาฬได้เหลือไว้ในอดีต สำนักความมืดคิดว่าตัวเองเป็นผู้รับช่วงต่อที่เหมาะสมที่สุด

สุสานจักรพรรดิประกายกาฬย่อมไม่ต้องพูดถึง ตัวตนเช่นนี้ สำนักความมืดย่อมคิดยึดครองไว้คนเดียว

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีความสัมพันธ์กับเยี่ยนจ้าวเกอไม่เลว แต่สำนักความมืดปรารถนาอยากจะตอบแทนบุญคุณชายหนุ่มในด้านอื่นมากกว่า ไม่อยากแบ่งสุสานจักรพรรดิประกายกาฬให้

ชายชราในอาภรณ์สีขาวถอนใจ พลันรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา