เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1243

อยากได้วิชาก็ได้วิชา อยากได้ยาก็ได้ยา อยากได้อะไรก็ได้ทั้งหมด

จากนั้นลู่ฝานเป็นตัวแทนประเทศอู่อานไปเข้าร่วมการแข่งนานาประเทศ ถ้าได้อันดับดีๆ กลับมา ลู่ฝานจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจในฝ่ายราชสำนักและฝ่ายราษฎร ศัตรูตัวฉกาจที่ต่อไปอาจมีโอกาสเป็นเซียนบู๊ได้

ฉินอวิ่นรีบส่ายหัวสลัดความคิดนี้ออกไป แม้เขารู้ว่าเรื่องพวกนี้อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด

ฉินอวิ่นไม่อยากคิดต่ออีกแล้ว ตอนนี้ฉินซางต้าตี้พูดเสียงดังว่า “ผ่านวันนี้ไปให้ลู่ฝานมาที่คลังบู๊ ฉันจะเลือกของดีให้เขาด้วยตัวเอง!”

คำพูดของฉินซางต้าตี้เหมือนค้อนหนักๆ ทุบลงในใจฉินอวิ่น

คลังบู๊! เลือกให้ด้วยตัวเอง!

ดูเหมือนเสด็จพ่อของเขาเห็นลู่ฝานเป็นคนสำคัญของประเทศที่ต้องบ่มเพาะดูแลอย่างดีไปแล้ว

และตอนนี้ลู่ฝานกลายเป็นบุคคลที่คนทั้งประเทศจับตามอง ไม่ใช่เด็กต่างถิ่นที่เขาจะสามารถส่งคนไปตามฆ่าหรือรังแกตามอำเภอใจเหมือนตอนนั้นได้อีกแล้ว

ฉินอวิ่นหลับตาลงทั้งสองข้าง ช่างเถอะ เด็กคนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ใช่คนที่เขาจะควบคุมได้อีกแล้ว

ฉินซางต้าตี้หันมามองสีหน้าฉินอวิ่นแวบหนึ่งแล้วยิ้มบางๆ

ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาหวังให้ลู่ฝานทำ ลู่ฝานทำได้ดีมาก ดีกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้อีก

ฉินอวิ่นนะฉินอวิ่น ตอนนี้นายควรรู้ว่าโลกใบนี้ อำนาจไม่ใช่ทุกอย่าง ความแข็งแกร่งของตัวเองต่างหากที่เป็นพื้นฐานของทุกอย่าง หวังว่านายจะตระหนักได้!

อีกด้านหนึ่ง ฉินฝานตื่นเต้นจนไม่รู้จะตื่นเต้นยังไงแล้ว

เขามองไม่ผิดจริงๆ ศักยภาพของลู่ฝาน บรรยายได้เพียงคำว่าไม่สิ้นสุด

ฉินฝานเริ่มวางแผนไว้แล้วว่าจะจัดงานเลี้ยงให้ลู่ฝานยังไง เลี้ยงอาหารเขาอย่างเต็มที่สักมื้อ ไม่สนใจว่าจะต้องเสียสักเท่าไร ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาลู่ฝานมาเป็นพวกให้ได้

มีคนคนนี้คอยช่วยเหลือ งานใหญ่จึงจะสำเร็จ!

ลู่ฝานเดินกลับมาข้างสนาม ท่ามกลางสายตาอิจฉาและตกใจ รวมไปถึงเสียงชื่นชมของทุกคน เขานั่งลงบนเก้าอี้กิเลนของตัวเองอีกครั้ง

อันที่จริงการต่อสู้ของเขาในวันนี้ ก็ชนะแบบฉิวเฉียด

นักบู๊ที่ยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครรับมือง่ายสักคน

เฟิงเสี่ยวชี่แค่คนเดียวยังปกปิดพละกำลังเอาไว้มิดชิดขนาดนี้ แล้วคนอื่นจะรับมือได้ง่ายจริงเหรอ

ในใจลู่ฝานเกิดความสงสัย เขาจึงไม่ยอมไปพักผ่อน

เขาจะดูการแข่งขันทุกรอบที่นี่

บนที่นั่งผู้ชม จนถึงตอนนี้หานเยียนยังไม่ละสายตาออกจากลู่ฝานเลย

ประกายเหมือนคริสตัลนัยน์ตาวูบไหว

หานเยียนพูดพึมพำว่า “มาประเทศอู่อานครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ ลู่ฝานมีคุณสมบัติต่อสู้กับฉัน!”

ผู้อาวุโสด้านหลังได้ยินเสียงของหานเยียน เขายิ้มแล้วตอบว่า “คุณหนู คนคนนี้ยังไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งของสิบตระกูลใหญ่ในประเทศอู่อาน เกรงว่าผู้แข็งแกร่งของสิบตระกูลใหญ่จะแข็งแกร่งกว่านี้ ครั้งนี้คุณหนูคงได้เรียนรู้อะไรไม่น้อย”

หานเยียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้จริง การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว!”

การแข่งขันดำเนินต่อไป

รอบต่อไปคือการแข่งขันระหว่างถานไถเก๋อตระกูลถานไถกับหลินหย่าเขตเจียง

หัวหน้าองครักษ์เกราะทองตะโกนเสียงดัง ถานไถเก๋อถือพัดเมฆเพลิงเดินมาข้างหน้า หลินหย่าถือกระบี่หัก เดินออกมาช้าๆ

ทั้งสองยืนนิ่ง ตอนนี้เจ้าบ้านทั้งสิบตระกูลใหญ่บนที่นั่งผู้ชม พากันมองหลินหย่าด้วยสายตาประหลาด

เจ้าบ้านตระกูลสือพูดเสียงดังว่า “หลินหย่าเป็นลูกหลานตระกูลฉู่จริงเหรอ”

เจ้าบ้านตระกูลสุ่ยที่อยู่ไม่ไกลตอบว่า “จะใช่หรือเปล่าไม่สำคัญ สรุปว่าเขาถือกระบี่จงเทียนอยู่ในมือ เกรงว่าจะรับมือยาก!”

เจ้าบ้านตระกูลถานไถหัวเราะเย็นชาแล้วพูดว่า “ก็แค่เด็กที่รู้วิชาของตระกูลฉู่เท่านั้น ตระกูลฉู่เสื่อมสลาย กระบี่จงเทียนก็หักเป็นสองท่อน อาวุธวิเศษที่หักแล้ว จะเรียกว่าอาวุธวิเศษได้อีกเหรอ”