บทที่ 1875 เป็นอิสระเสรี
แต่เขายังไม่เห็นหน้าตาของชายคนนั้นอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นชายผมเงินก็ได้ข้อมูล จึงมายังประเทศจีน และไล่สืบเรื่องที่อยู่ของเนี่ยอู๋โยว
หญิงสาวสวยหยาดเยิ้มมองว่าเหตุที่อาจารย์ไม่เต็มใจรับศิษย์น้อง เกรงว่าจะเป็นเพราะ อาจารย์รักและเอาใจศิษย์น้องมากเกินไป
ถ้าศิษย์น้องซักถามขึ้นมา อาจารย์แค่กลัวว่าจะกล่อมศิษย์น้องไม่ไหว ถึงตอนนั้นก็จะพรั่งพรูเรื่องราวทั้งหมดออกมา…
เมื่อไรก็ตามที่ศิษย์น้องรู้ความจริง…
ผลที่ตามมานั้นก็ไม่กล้าคิด
“อาจารย์ แล้วพวกเราจะปล่อยศิษย์น้องไปโดยไม่ดูแลงั้นเหรอ…” หญิงสาวสวยหยาดเยิ้มมองชายผมเงิน ด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
อุตส่าห์ยืนยันตัวตนของศิษย์น้องได้อย่างยากลำบาก แถมยังเจอตัวศิษย์น้องแล้ว หรือว่าจะไม่ไปรวมตัวกันงั้นเหรอ…
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชายผมเงินก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะมองหญิงสาวสวยหยาดเยิ้ม “มีอะไรน่าดูแลกัน ตอนนี้ศิษย์น้องของเธอเป็นอิสระเสรีสุดๆ แล้ว เป็นผู้นำของพันธมิตรอู๋เว่ย รอบกายมีผู้แข็งแกร่งเป็นกองคอยคุ้มกัน”
หญิงสาวสวยหยาดเยิ้มพูดไม่ออก คิดดูดีๆ ก็เหมือนจะมีเหตุผล
“งั้น…อาจารย์คะ เมื่อไรพวกเราถึงจะเจอศิษย์น้องได้ล่ะคะ” หญิงสาวสวยหยาดเยิ้มเอ่ยถาม
“รอให้อู๋โยวฟื้นคืนความทรงจำก่อนดีกว่า” ชายผมเงินเอ่ยพลางถอนหายใจ
…
เวลานี้ เป่ยโต่วขับรถไปพลาง มองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านหลังไปพลาง “พี่เฟิง แหวนวงนั้น…ตกลงว่ามีมูลค่าเท่าไรกันแน่ครับ…”
“ขับรถดีๆ อย่ามองฉัน” เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองเป่ยโต่ว
“โอ้” ภายใต้ความจนใจ เป่ยโต่วได้แต่ตั้งใจขับรถ และไม่กล้ามองไปข้างหลังอีก
“เจอสมาชิกของพันธมิตรอู๋เว่ยที่ถูกซือป๋ออี้จับไปเป็นเชลยหรือยัง” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เยี่ยหวันหวั่นก็มองพวกชีซิงกับผู้อาวุโสใหญ่ที่ด้านข้างแล้วเอ่ยถาม
“อืม หาเจอแล้วครับ” ชีซิงพยักหน้าและเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“พี่เฟิง ก่อนหน้านี้สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเราถูกสมาคมอู๋เทียนจับไปทั้งหมดยี่สิบกว่าคน ตอนนี้เหลือแค่สิบเอ็ดคนแล้วครับ เฮ้อ แต่พวกเราแจ้งตำรวจจับซือป๋ออี้แล้ว แต่ก็ยังมีสมาชิกของสมาคมอู๋เทียนอีกสิบกว่าคน พวกเราไม่เสียเปรียบก็นับว่าล้างแค้นแล้ว” เป่ยโต่วรีบเอ่ย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเป่ยโต่ว ผู้อาวุโสสามที่นั่งข้างที่นั่งคนขับก็เหล่มองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง แม่งอย่าพูดเรื่องแจ้งตำรวจอีกได้ไหม!
“พี่เฟิง พี่ว่าพวกเรา…แจ้งตำรวจจับซือป๋ออี้ที่ประเทศจีน…นี่จะ…น่าขายหน้าไปหน่อยหรือเปล่า…ถ้าดังไปถึงรัฐอิสระ กองกำลังอื่นรู้ว่าพวกเราชอบแจ้งตำรวจ…แบบนี้พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนครับ” เป่ยโต่วเอ่ย
ผู้อาวุโสสามนิ่งเงียบ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นก็เหลือบมองเป่ยโต่ว “มีอะไรน่าขายหน้ากัน เป็นซือป๋ออี้ที่หน้าไม่อายใช้ปืนก่อน พวกเราเลยแจ้งตำรวจ ไม่ได้แจ้งตำรวจในสถานการณ์ที่ทุกคนสู้กันมือเปล่าสักหน่อย”
“เอ่อ…นี่ก็สมเหตุสมผลนะ แต่ว่า…การห้ามใช้ปืนเป็นกฎของรัฐอิสระ คนรัฐอิสระที่อยู่ในประเทศอื่นก็ไม่ได้เคร่งกฎมากขนาดนั้นแล้วครับ” เป่ยโต่วเอ่ย
“นายก็พูดถูกนะ ซือป๋ออี้ก็ไม่ได้เคร่งกฎมากนักเมื่อมาอยู่ประเทศจีน แล้วพวกเราจะรักษากฎของรัฐอิสระไปทำไม…ตอนนี้พวกเราอยู่ในประเทศจีน ประเทศแห่งกฎหมายนะ…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
ผู้อาวุโสสามเอ่ยต่อ “พอคิดแบบนี้ก็เหมือนจะสมเหตุผลจริงๆ ละ”
ชีซิงสมทบ “อืม”
เป่ยโต่วเอ่ย “มีเหตุผล…ผมเห็นด้วย”
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองทุกคน ตอนอยู่รัฐอิสระไปปล้นพี่น้องเขากลับไม่รังเกียจขายหน้า แต่ตอนนี้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น น่าเหลือเชื่อจริงๆ
ไม่นานภายใต้การนำทางของเยี่ยหวันหวั่น เป่ยโต่วก็ขับรถมาหยุดหน้าทางเข้าของจูเสินสือไต้
“ประธานเยี่ย!”
————————————————————-
บทที่ 1876 แฟนของเทพธิดานาย
เมื่อพนักงานต้อนรับของจูเสินสือไต้เห็นพวกเยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัวก็มีสีหน้าตกใจ รีบเข้าไปต้อนรับทันที
“ประธานเยี่ยสวัสดีครับ!”
“สวัสดี” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มน้อยๆ ให้กับพนักงาน
เมื่อเห็นดังนั้นพนักงานก็ราวกับฝันหวาน เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ตรงหน้าคือบอสใหญ่ของซิงเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์!
ต่อให้เป็นดาราใหญ่แนวหน้าระดับโลกพวกนั้น อยากพบหน้าเยี่ยหวันหวั่นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ไม่ใช่ว่าอยากเจอก็ได้เจอ
“ประธานเยี่ยอยู่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
“อ๊ะ…ท่านไม่ใช่ประธานเยี่ยเหรอครับ…” พนักงานชะงักแล้วหลุดปากพูดออกไป แต่พอย้อนคิดดูอีกที ก็รู้สึกว่าไม่ถูกจึงเปลี่ยนคำพูดทันที “โอ้…ท่านหมายถึงเยี่ยมู่ฝาน ท่านประธานเยี่ย…อยู่ครับๆ ผมจะพาไปหาท่านประธาน”
“ตกลง” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
ไม่นาน ภายใต้การนำทางของพนักงานจูเสินสือไต้ เยี่ยหวันหวั่นก็มาถึงโรงอาหารของจูเสินสือไต้
เวลานี้นอกจากเยี่ยมู่ฝานยังมีเจียงเยียนหราน กงซวี่ ลั่วเฉิน หานเซี่ยนอวี่ รวมไปถึงฉู่เฟิงที่ไม่ได้เจอกันนาน
พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งและกินอาหารของโรงอาหารบริษัท
“เชี่ย พี่เยี่ย!”
กงซวี่เห็นเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนแรก เขารีบลุกขึ้นยืนตรงทันทีอย่างตื่นเต้น
“หวันหวั่น แกมาที่นี่ทำไม”
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่น เยี่ยมู่ฝานก็วางขาหมูที่แทะไปครึ่งหนึ่งลงทันทีและเช็ดน้ำมันบนมือกับเสื้อตามสัญชาตญาณ
“เชี่ย…สูทที่ข้าเพิ่งเสียเงินก้อนใหญ่ซื้อมา!” เมื่อมองคราบน้ำมันบนตัวตัวเอง เยี่ยมู่ฝานมีสีหน้าเหมือนกินอุจจาระ
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ คราบน้ำมันนั่น…ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้พี่เพิ่งเช็ดลงไปเองหรอกเหรอ
“กินข้าวกันหมดเลย”
เวลานี้เป่ยโต่วเดินกร่างขึ้นมาข้างหน้า นั่งลงข้างๆ เจียงเยียนหรานราวกับไม่มีใครอยู่
“สวัสดีครับ…นี่เหมือนจะเป็นที่นั่งของผมนะ…” ฉู่เฟิงที่ถูกเบียดออกมองเป่ยโต่วด้วยสีหน้างุนงง
เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เยี่ยหวันหวั่นพามา ฉู่เฟิงก็ไม่กล้าระเบิดโมโหออกมา
“ที่นั่งนายที่นั่งฉันอะไร ไม่ได้เขียนชื่อนายไว้สักหน่อย เจ้าหนูไม่มีสายตาจริงๆ ชิ่วๆๆ …เปลี่ยนที่นั่ง จริงไหมครับ…เทพธิดา…”
ระหว่างที่พูด เป่ยโต่วก็มองเจียงเยียนหรานที่อยู่ด้านข้าง
เจียงเยียนหรานพูดไม่ออก
“พี่หวันหวั่น…” ฉู่เฟิงมีสีหน้างุนงง แล้วหันไปหาเยี่ยหวันหวั่นทันใด นี่มันเกิดอะไรขึ้น
“เป่ยโต่ว” เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วอย่างไม่พอใจ ฉู่เฟิงเป็นแฟนตัวจริงของเจียงเยียนหราน ทั้งสองคนใกล้จะหมั้นกันแล้ว เขาจะเข้าไปก่อเรื่องทำไม
ไม่รอให้เป่ยโต่วพูดอะไร ชีซิงก็เดินไปตรงหน้าเป่ยโต่วและดึงตัวเป่ยโต่วขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็มองฉู่เฟิงอย่างเรียบเฉย “นั่ง”
หลังจากฉู่เฟิงนั่งลงก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
“เชี่ย…เหล่าชี นายแม่งเป็นคนยังไง ถึงกับจะแยกฉันกับเทพธิดาของฉัน…นาย นายถูกใจเทพธิดาฉันเข้าแล้วใช่ไหม!” เป่ยโต่วที่ถูกชีซิงลากตัวขึ้นมามีสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความไม่พอใจ
“เป่ยโต่ว คนนี้ชื่อฉู่เฟิง แฟนของเจียงเยียนหราน” เยี่ยหวันหวั่นได้แต่บอกความจริงด้วยความจนใจ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น เป่ยโต่วก็จ้องฉู่เฟิง ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตกใจไม่อยากเชื่อ “เชี่ย…เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไง…เจ้าหนู แกลุกขึ้นมา ฉันจะสู้ตัดสินกับแก พวกเรามาเซ็นข้อตกลงเป็นตายกัน…”
เมื่อได้ยินดังนั้นมุมปากของฉู่เฟิงก็กระตุกเล็กน้อย เหมือนไม่ค่อยอยากจะสนใจเป่ยโต่วนัก
“แม่ง ไอ้หนูใจเย็นหน่อยได้ไหม คนเขาจะหมั้นกันอยู่แล้ว แกจะโวยวายหาอะไร” เยี่ยมู่ฝานเหล่ตามองเป่ยโต่ว
…………………………………