ในตอนที่ราชาเทพมารหกปรารถนาปรากฏกายขึ้น มี่ไลถึงกับกุมขมับด้วยสีหน้าจนใจ
ถึงแม้ว่ามองจากผิวเผินจะดูว่าหลิงตู้ฉิงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่นางเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในจิตใจของหลิงตู้ฉิงนั้นมีความคิดต่าง ๆ ที่สุดกู่เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่านางจะไม่เข้าใจเหมือนเดิมว่าทำไมนางถึงเห็นสิ่งนี้ แต่มันก็ทำให้นางรู้ว่าพวกนางไม่ควรจะอยู่ใกล้ ๆ กับหลิงตู้ฉิงในช่วงเวลานี้ ไม่อย่างนั้นมันเกิดบางสิ่งบางอย่างกับพวกนางที่พวกนางจะต้องไม่ชอบแน่นอน
“เหมิงลู่ เฟ่ยเฟ่ย เตรียมตัวกลับอาณาเขตนภากับข้าเดี๋ยวนี้” มี่ไลพูดขึ้น “ตอนนี้พวกเราไม่สมควรที่จะอยู่ใกล้กับสามีของเรา จนกว่าเขาจะสามารถลบล้างสิ่งที่อยู่ในใจของเขาได้!”
จ้าวเหมิงลู่ถามกลับด้วยสีหน้างุนงง “เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?”
มี่ไลพูดขึ้นด้วยสีหน้าจนใจ “เขากำลังจะกลายเป็นปีศาจที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจของตัวเองได้ นังปีศาจหกปรารถนานั่นทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วน ตอนนี้ที่พวกเรายังเห็นว่าเขาปกติเพราะว่าเขายังฝืนทนอยู่ได้ แต่เขาคงทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกไม่นาน และเมื่อไหร่ที่เขายับยั้งมันไม่ได้อีกต่อไป เขาจะกลายเป็นคนละคนกับที่พวกเจ้ารู้จัก ซึ่งพวกเจ้าไม่อยากจะเห็นเขาในสภาพนั้นแน่ ๆ ในตอนแรกหากสามีของพวกเราบ่มเพาะเต๋าอารมณ์ของเขาไปเรื่อย ๆ เขาจะไม่เป็นแบบนี้ แต่นังปีศาจนั่นทำให้เสียเรื่องเพราะนางใช้ทักษะของนางกระตุ้นความปรารถนาทั้งหกของสามีพวกเราที่เขาเองยังไม่เข้าใจพวกมัน แต่ก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะมีแต่ผลเสียเพราะผลดีของเรื่องนี้ก็มีอยู่ เมื่อไหร่ที่สามีของเราสามารถควบคุมความปรารถนาของเขาได้ทั้งหมดแล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนใครก็เทียบไม่ได้”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าดื้อดึง “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็ยิ่งควรจะอยู่กับสามีเพื่อคอยช่วยเหลือเขาไม่ใช่เหรอ!”
หลิงฟ่างหัวพูดเสริมขึ้นเช่นกัน “ข้าก็ยังอยากติดตามท่านพ่อท่องโลกต่อไปอีก! ท่านพ่อแข็งแกร่งจะตายไป เขาจะมีปัญหากับอีแค่เรื่องความปรารถนาในใจได้ยังไง?”
มี่ไลตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเจ้าไม่เข้าใจ เมื่อไหร่ที่ตู้ฉิงควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาจะกลายเป็นคนที่พวกเจ้าไม่คุ้นเคยทันทีและอย่างที่ข้าบอก พวกเจ้าคงไม่อาจรับกับการกระทำของเขาได้และยิ่งพวกเราเป็นคนในครอบครัวของเขา ความปรารถนาของเขาที่มีต่อพวกเรามันจะยิ่งทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงพวกเจ้าต้องกลับไปกับข้า ห้ามร่วมทางกับเขาเด็ดขาดจนกว่าเขาจะจัดการกับความปรารถนาของเขาได้สำเร็จ”
“จื่อรุ่ย เฉียวเฉียว พวกเจ้าทั้งสองคนติดตามสามีของข้ามานาน การเดินทางครั้งนี้หากพวกเจ้าคิดจะติดตามเขาต่อไปโดยที่พวกเจ้าไม่กลับไปกับข้า พวกเจ้าจะได้รับในสิ่งที่พวกเจ้าหวังมาตลอดแน่นอน แต่ข้าต้องเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่าหลังจากนี้สิ่งที่เจ้าเห็นในตัวของเจ้านายพวกเจ้า มันจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าคาดคิดไว้แน่ ๆ ดังนั้นข้าแนะนำว่าพวกเจ้าทั้งคู่ก็ควรจะกลับไปกับข้า”
“เฟิง ลั่วเอ๋อ พวกเจ้าสองคนก็เหมือนกัน ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าไม่ควรจะร่วมเดินทางไปกับสามีของข้าในตอนนี้ เพราะข้ารับประกันได้ว่ามันจะทำให้พวกเจ้าต้องขนหัวลุก!”
หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวต่างมองหน้ากันอยู่สักพัก จากนั้นพวกนางเม้มริมฝีปากและหันมาตอบกลับกับมี่ไล “พวกเราสองคนเป็นสาวใช้ที่นายท่านรับมา ดังนั้นไม่ว่านายท่านจะกลายเป็นคนแบบไหน พวกเราก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างนายท่าน ต่อให้เขาจะกลายเป็นปีศาจร้าย ความจงรักภักดีของพวกเราก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
อี้ลั่วเอ๋อพูดขึ้นเช่นกัน “นายหญิง ตอนนี้ข้าได้รู้แล้วว่าจริง ๆ แล้วนายท่านเป็นใคร บุญคุณที่นายท่านมีต่อเผ่าภูตนางฟ้าของข้านั้นไม่ว่าจะยังไงข้าก็ใช้คืนให้ไม่หมด ฉะนั้นต่อให้นายท่านจะทำสิ่งเลวร้ายกับข้าแค่ไหน ข้าก็ไม่มีวันเสียใจและยังคงต้องการติดตามเขาไปจนกว่าชีวิตของข้าจะสิ้นลง!”
ในทางกลับกัน เสี่ยวเยว่เฟิงกลับดูลังเลอย่างหนัก นางกังวลถ้าระหว่างนางกับหลิงตู้ฉิงมันมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจริง ๆ นางกลัวว่านางจะไม่มีหน้าไปสู้กับองค์หญิงหวงซีในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปัญหามันติดอยู่ที่ว่านางเป็นคนบังคับรถให้กับเขา…
มี่ไลส่ายหัวด้วยความจนใจ “เฟิง เจ้าตัดสินใจให้ดี ๆ เมื่อพวกเราพร้อมเมื่อไหร่ ข้าจะพาทุกคนออกไปจากที่นี่ทันที”
ส่วนหมิงยู่นั้นมี่ไลไม่ได้ใส่ใจนางเท่าไหร่ เพราะร่างของนางคือร่างโลหิตอมตะ
หลังจากที่พวกนางตกลงกันเสร็จ ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ฝากฝังหลิงเทียนหยุนให้กับหยิงหยิงเสร็จแล้วเหมือนกัน และกำลังเดินลงมาจากเวทีด้วยท่าทางโอ้อวด…
ตอนนี้เขาไม่มีลักษณะท่าทางเงียบสงบเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขากลายเป็นคนที่ดูมีอารมณ์หลากหลายรุนแรง
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงกำลังเดินเข้ามา มี่ไลก็รีบพูดขึ้นในทันที “สามีพวกเราตกลงกันแล้วว่าพวกเราส่วนหนึ่งจะไม่ติดตามท่านเดินทางต่อ และกลับไปกันที่อาณาเขตนภาก่อน ข้าหวังว่าท่านจะแก้ปัญหาในจิตใจของท่านได้เร็ว ๆ และกลับมาหาพวกเราในสภาพเดิม!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้านี่ช่างรู้ใจข้าจริง ๆ เอาล่ะรีบไปซะก่อนที่ข้าจะอดใจไม่ไหว!”
มี่ไลพยักหน้า จากนั้นนางรีบดึงตัวจ้าวเหมิงลู่ และคนอื่น ๆ ที่นางจำเป็นต้องบังคับให้กลับไปรีบบินจากไปในทันทีโดยไม่ให้เวลาพวกเขาร่ำลาเลยด้วยซ้ำ
ในระหว่างที่บินออกมา จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึงว่า “ทำไมข้ารู้สึกเหมือนกับว่าสามีเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?”
หลิงฟ่างหัวพูดขึ้นเช่นกันด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกลัว “ข้าก็รู้สึกได้ว่าท่านพ่อน่ากลัวมาก ๆ เลย มันดูเหมือนว่าเมื่อครู่เขาอยากจะกินใครสักคนด้วยซ้ำตอนที่เขาเดินทางผ่านเหล่าผู้คน!”
มี่ไลขมวดคิ้วมองไปที่หลิงฟ่างหัว และพูดว่า “เจ้าคิดว่าแม่แค่ขู่ให้เจ้ากลัวรึไง?”
ในระหว่างที่พวกนางคุยกันอยู่นั้น ยังไม่ทันที่พวกนางจะได้บินพ้นเขตเมืองศักดิ์สิทธิ์ พวกนางก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนของพลังวิญญาณที่ปะทุขึ้นมาจากทิศทางจัตุรัสเมือง และจากนั้นลำแสงสีแดงโลหิตก็ปะทุขึ้นสูงเสียดฟ้าพร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่นแบบบ้าคลั่งของหลิงตู้ฉิงก็ลอยมาถึงหูพวกนาง
จ้าวเหมิงลู่ และคนอื่น ๆ รู้สึกทั้งตกตะลึงและกังวลในเวลาเดียวกัน
ในอีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหลิงตู้ฉิงเปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาเห็นว่ามี่ไลได้พาครอบครัวของเขาจากไปหมดแล้ว สีหน้าของเขากลายเป็นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
โม่หยูถัง อี้ลั่วเอ๋อ และคนอื่น ๆ ที่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหลิงตู้ฉิงเป็นใครรู้สึกหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ และคิดในใจว่า ‘หรือว่าเทพปีศาจในตำนานกำลังจะปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง?’
“หลงเฉิน เปลี่ยนร่างของเจ้าให้เป็นมังกรและยืนคู่กับรถมังกรของข้าเอาไว้!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้น “เฟิง เจ้าจงเปลี่ยนร่างเป็นฟีนิกซ์และไปยืนข้างหลงเฉินด้วย ส่วนเจ้าหมิงยู่รวมร่างกับข้า ระดับการบ่มเพาะของข้ามันต่ำเกินไปหน่อย ข้าอยากทำให้มันดูดี!”
“ลั่วเอ๋อมานี่ ๆ มาอยู่ในอ้อมแขนของข้ามา! ภูตนางฟ้าตัวน้อยน่ารักอย่างเจ้าเหมาะที่จะอยู่ในอ้อมแขนของข้ามากที่สุด อ๋อ พวกเจ้าด้วย จื่อรุ่ย เฉียวเฉียว มายืนนวดไหล่ให้ข้าหน่อยเร็ว”
“พ่อบ้านโม่ เข้ามาเอาง้าวเทวะพินาศของข้าไปถือให้ข้า! เจ้ารู้ไหมว่ามันคือสุดยอดอาวุธเต๋าอันไร้เทียมทาน การที่เจ้าได้รับหน้าที่ถือมันนับว่าเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของเจ้า! อุลบา ไอ้เจ้าศิษย์ตัวเหม็น อาจารย์ของเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่รีบวิ่งมาคุกเข่าคำนับหะ?”
เสี่ยวเยว่เฟิง และคนอื่น ๆ เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงเป็นแบบนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ในตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลายเป็นคนที่ดูขาด ๆ เกิน ๆ แถมอยากจะโอ้อวดบารมีในทุกวิถีทาง…
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเลือกเองที่จะอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องทำตามคำสั่งเจ้านายของพวกเขา
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินขึ้นไปนั่งบนรถมังกรที่มีทั้งมังกรก็คือหลงเฉิน และฟีนิกซ์ซึ่งก็คือเสี่ยวเยว่เฟิงมัดติดอยู่ อี้ลั่วเอ๋อโอบกอดเขาอยู่ในวงแขน หมิงยู่อยู่ในร่าง หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวยืนขนาบข้างคอยนวดไหล่ให้ และโม่หยูถังยืนถือง้าวเทวะพินาศให้กับเขาอยู่ด้านข้าง
แน่นอนว่าใครเห็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า หลิงตู้ฉิงกำลังต้องการเป็นจุดเด่นแบบสุด ๆ
บรรดาผู้คนที่อยู่ในจัตุรัสเมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงโอ้อวดบารมีขนาดนี้ พวกเขาเองก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน
“ท่านอาจารย์…” อุลบามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
หลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งไปที่อุลบาทันที และพูดว่า “อะไร? ทำไมเจ้ายังไม่มาคุกเข่าตรงหน้าข้าอีก เจ้าไม่เห็นหัวอาจารย์ของเจ้าแล้วรึไง?”
ถึงแม้ว่าในใจของอุลบาจะรู้สึกสับสน แต่เขาก็ยังคงเชื่อฟังและเดินเข้ามาคุกเข่าและพูดว่า “ศิษย์ขอคารวะท่านอาจารย์!”
จากนั้นร่างของอุลบาก็ถูกฉุดขึ้นด้วยพลังของหลิงตู้ฉิง และจากนั้นหลิงตู้ฉิงพูดขึ้นว่า “ระดับการบ่มเพาะของเจ้าตอนนี้ต่ำเกินไปจนทำให้ข้ารู้สึกเสียหน้าจริง ๆ เอาเป็นว่านับจากวันนี้เจ้าจะต้องบ่มเพาะข้าง ๆ ข้าเท่านั้น ห้ามออกไปไหนตามใจจนกว่าเจ้าจะบรรลุไปถึงขอบเขตสวรรค์”
อุลบารู้สึกตกตะลึง และผู้อาวุโสสำนักเงามายาก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทันพูดอะไรออกไป หลิงตู้ฉิงก็หันไปหาโม่หยุนที่กำลังตัวสั่นงันงกและพูดขึ้นว่า “อุลบา พ่อบ้านโม่ ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำ อุลบา เจ้าจงไปฆ่าไอ้เด็กปีศาจสวรรค์นั่นซะ หากเจ้าฆ่าไอ้เด็กนั่นไม่ได้ข้าจะตีเจ้าให้ยับเลย ส่วนเจ้า พ่อบ้านโม่ จงใช้ง้าวเทวะพินาศของข้าไปฆ่าผู้พิทักษ์เต๋าของไอ้เด็กนั่นด้วย”
โม่หยุนที่ได้ยินเช่นนี้ก็กลั้นใจตะโกนขู่กลับว่า “ตอนนี้เจ้าฆ่าบรรพบุรุษของข้าไปแล้วและถ้าขืนเจ้ายังฆ่าข้าอีกเผ่าของข้าจะตามจองล้างจองเวรเจ้าแน่นอน ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากเจ้าปล่อยข้ากลับไป และเพื่อที่ความแค้นของพวกเราจะได้ไม่หยั่งรากลึกลงไปมากกว่านี้!”