บทที่ 3063 (3) ปัจฉิมบท 28
คุนเสวี่ยอี๋ลากเสียงยาว “ที่แท้ก็เป็นสองขั้นตอนนี้เอง…”
“ท่านผู้สูงศักดิ์ทำเป็นหรือไม่?” ขุนพลปีศาจเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
“เป็นก็ไม่บอกพวกเจ้าหรอก!” คุนเสวี่ยอี๋พลันกอดอก เอ่ยปฏิเสธด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ราชันปีศาจพูดไม่ออกเลย ที่แท้ไอ้บัณเฑาะก์ผู้นี้ก็มาหาความบันเทิงจากเขา!
เขาร้องเฮอะคำหนึ่ง “ที่แท้เจ้ามันก็เท่านี้!”
คุนเสวี่ยอี๋ส่ายนิ้วไปมา “ยั่วยุไปก็ไม่มีประโยชน์” แล้วเดินลอยชายจากไป ทำให้ราชันปีศาจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!
ราชันปีศาจเบิกตามองคุนเสวี่ยอี๋กับอวิ๋นเยียนหลีที่เสร็จกิจของตนแล้ว ก็ไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ต่อ ทุกสิ่งที่ผ่านมือของพวกเขาไป ล้วนเสร็จสมบูรณ์อย่างทั้งเร็วทั้งดี
ราชันปีศาจกำมือจนลั่นดังกร็อบๆ เขาทั้งโมโหทั้งขุ่นเคืองทั้งริษยา
ไม่นึกเลยว่าไอ้หนูอย่างฝ่าบาทเนี่ยนโม่จะรับลูกน้องที่เก่งกาจขนาดนี้เอาไว้ได้ ไม่จำเป็นต้องถามเลย ลูกน้องเหล่านี้ก็เป็นคนที่มหาเทพกับจอมมารทิ้งไว้ให้บุตรชายด้วยแน่นอน…
ฮึ ก็แค่มีบิดาดีเท่านั้น!
“ทำไมยังก่อไม่เสร็จอีก?” เสียงหนึ่งแว่วขึ้นมาจากด้านหลังราชันปีศาจอีกครั้ง
ทำเอาราชันปีศาจที่กำลังนินทาอยู่ในใจสะดุ้งโหยง หันกลับไปตามสัญชาตญาณ มองเห็นตี้ฝูอียืนอยู่ตรงนั้น
จิตใจเขาสั่นไหวแวบหนึ่ง ด้วยวรยุทธ์ของเขา ต่อให้ไม่ได้ตั้งท่าระวังขนาดไหน ก็ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ตัวเขาในรัศมีสามจั้งได้โดยที่ไม่รู้สึกตัว แต่จุดที่ตี้ฝูอียืนอยู่ห่างจากเขาไปหนึ่งจั้ง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะจับสัมผัสไม่ได้เลยสักนิด!
คนผู้นี้คือไอ้หนุ่มหน้าขาวตัวพ่อ!
พิลาสล่มเมืองที่สุด! และไม่มีความเป็นบุรุษที่สุด!
คำว่า ‘ที่สุด’ แวบผ่านเข้ามาในใจของราชันมารอยู่หลายครั้ง เชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ขั้นตอนซับซ้อนเกินไป คนของข้าล้วนเป็นชายชาตรีห้าวหาญ ทำเรื่องหยุมหยิมจุกจิกของสตรีพวกนี้ไม่ได้หรอก!”
เขารู้สึกเสียหน้า จึงคิดจะกู้หน้ากลับมาอีกครั้ง จ้องมองตี้ฝูอีด้วยสายคมกริบดุจมีด “หากว่าท่านผู้สูงศักดิ์ไม่เชื่อ ประเดี๋ยวพวกเราก็จะแสดงให้ประจักษ์แจ้ง!”
กู้ซีจิ่วตามมาถึงพอดี เธอขมวดคิ้ว ราชันปีศาจผู้นี้เลอะเลือนเกินไปแล้วกระมัง?! นำเรื่องพวกนี้มาพูดในเวลาแบบนี้น่ะหรือ?!
“ทำไม่ได้ก็บอกว่าทำไม่ได้สิ ไยต้องพูดเหลวไหลมากมายปานนี้?” ดวงหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วเยียบเย็นลง เธอเดินตรงเข้าไปยังค่ายกลนั้นของราชันปีศาจที่ก่อขึ้นได้ครึ่งเดียว “หลบไปให้หมด ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าจะทำเอง”
ยากนักที่ฝูงชนจะได้เห็นราชันปีศาจถูกต้อนให้ยอมรับความพ่ายแพ้ จึงอดไม่ได้ที่จะมารับชมเรื่องขบขันอยู่ด้านข้าง
ราชันปีศาจยิ่งรักษาใบหน้าไว้ไม่ได้มากขึ้นกว่าเดิม เวลานี้ต่อให้จะมีเรื่องใหญ่โตเขาก็ไม่สนใจแล้ว!
เขาก้าวเข้าไปใกล้ตี้ฝูอีอีกก้าวหนึ่ง “ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ ได้ยินว่าท่านมีความสามารถยิ่ง ได้รับการถ่ายทอดความรู้ลึกล้ำจากมหาเทพ กล้าประลองกับเปิ่นหวางสักตาไหม? ให้เปิ่นหวางได้ยลฝีมือของท่านหน่อยได้หรือไม่?”
ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่วที่กำลังยุ่งง่วนก่อค่ายกลอยู่ตรงนั้นแวบหนึ่ง ขยับข้อมือเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นยะเยือกยิ่ง “ได้สิ…”
ผ่านไปหนึ่งเค่อ...
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ก่อค่ายกลของที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว หันกลับไปมองราชันปีศาจที่ถูกซ้อมจนจมูกเขียวช้ำใบหน้าบวมปูดแวบหนึ่ง เอ่ยถามเขาอย่างเห็นใจว่า “เจ้าต้องการสิ่งของจำพวกยาหม่องอะไรบ้างหรือไม่?”
ราชันปีศาจถูกซ้อมจนน่าเวทนายิ่ง!
สองตาล้วนเขียวเป็นจ้ำ ฟันหน้าหลุดไปสองซี่ จมูกยุบลงไปครึ่งซีก และหูหลุดไปครึ่งหนึ่ง…
ตี้ฝูอีลงมืออย่างรู้หนักรู้เบายิ่ง ไม่ได้ทำร้ายให้เขาให้สาหัสอันใด กันไม่ให้ถึงยามที่ต้องขับเคลื่อนค่ายกลแล้วเขาไม่อาจออกแรงได้ ดังนั้นเขาจึงมีมนุษยธรรมยิ่งนักทำร้ายเพียงใบหน้าของราชันปีศาจเท่านั้น ให้เขาเสียหน้าต่อหน้าผู้คนสักหน่อย
สีหน้าราชันปีศาจเขียวคล้ำ!
ท่าร่างของอีกฝ่ายว่องไวเกินไปแล้ว ในการประลองนั้น เมื่อครู่เขาสำแดงวรยุทธ์ทั้งหมดออกมาแล้ว ทว่าแม้แต่มุมชุดสักเสี้ยวของอีกฝ่ายก็คว้าไม่โดนเลย
————————————————————————————-
บทที่ 3063 (4) ปัจฉิมบท 28
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมไปทั้งร่าง ส่วนตี้ฝูอีแม้แต่เส้นผมก็ไม่ยุ่งเหยิงเลยสักเส้น
ภายใต้กำมือของอีกฝ่ายเขาต่อกระบวนท่าได้ไม่ถึงห้าท่าก็พ่ายแพ้แล้ว
ที่สำคัญคือเขาค้ำยันไว้ได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ ตี้ฝูอีใช้เวลาเพียงเจ็ดแปดนาทีก็สยบเขาได้แล้ว ไม่มีอะไรยืดเยื้อเลย
ในที่สุดเขาก็เข้าใจบ้างแล้วว่าที่อีกฝ่ายสามารถรับลูกน้องที่มีความสามารถมากขนาดนี้เอาไว้ได้ มิใช่สิ่งที่บิดาประเคนให้
อันที่จริงแล้วเดิมทีผู้คนที่อยู่ ณ ที่นี้กว่าครึ่งก็ไม่ใคร่พอใจตี้ฝูอีเช่นกัน แต่ยามที่เห็นเขาจัดการาชันปีศาจจนหมอบ แล้วกวาดสายตามองเข้ามาแวบหนึ่ง ทุกคนต่างรู้สึกว่าเส้นขนบนหลังคอลุกชันขึ้นมาแล้ว
ยิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งก็ยิ่งให้ความเคารพต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
มาถึงยามนี้ ทุกคนถึงได้เคารพเลื่อมใสฝ่าบาทเนี่ยนโม่ผู้นี้ขึ้นมาอย่างแท้จริง มิใช่เพราะเห็นแก่หน้าของบิดาเขาแล้ว
อันที่จริงตี้ฝูอีไม่ใส่ใจทัศนคติที่คนเหล่านี้มีต่อเขาเลย เมื่อหากไม่ใช่เขาต้องการฉวยโอกาสร้างบารมี ทำให้กองกำลังยิบย่อยเหล่านี้เชื่อฟัง เขาก็คร้านจะใส่ใจคำท้าทายของราชันปีศาจเช่นกัน
เขาปัดแขนเสื้อ “เอาล่ะ สมควรทำอันใดก็ไปทำอันนั้นซะ! คุนเสวี่ยอี๋…”
“นายท่าน!” ไม่ทราบว่าคุนเสวี่ยอี๋โผล่ออกมาจากซอกหลืบมุมใด
“เจ้าพาคนไปตรวจสอบค่ายกลของพวกเขา ทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด”
“ขอรับ!” คุนเสวี่ยอี๋นำคนจากไปดั่งพายุหมุน
ฝูงชนก็แยกย้ายกันไปเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไป ฝูงชนมีความมั่นใจการผนึกทะเลทรายเพิ่มขึ้นมาอีกมากอย่างไม่มีเหตุผลเลย ค่ายกลที่แม้แต่ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ก็ยังเห็นดีด้วย น่าจะไม่มีปัญหากระมัง?
ฝูงชนต่างเข้าประจำตำแหน่งของตน จากนั้นตี้ฝูอีก็มีคำสั่งลงมา ทุกคนเปิดใช้ค่ายกลแทบจะในเวลาเดียวกันเลย
แสงหลากสีสันมากมายนับไม่ถ้วนดุจมังกรยักษ์ที่ทะยานสู่นภา หลังจากบรรจบเรียงร้อยกันอยู่กันกลางอากาศแล้ว ก็พุ่งเหินไปยังทิศทางของทะเลทราย หลังจากนั้นก็เข้าปะทะกับทะเลทราย…
ไม่มีผู้ใดสามารถบรรยายได้ว่าเสียงพลังที่แกร่งกล้ามหาศาลยิ่งนักสองสาย ยามเข้าปะทะกันเป็นเช่นใด เนื่องจากในวินาทีนั้นหูของทุกคนล้วนดับไปเพราะเสียงดังสนั่นแล้ว! หัวใจก็แทบจะกระเด้งออกมาแล้วเช่นกัน! เพียงแต่สองมือยังคงควบคุมค่ายกลเอาไว้ ไม่มีทางงอกมือเพิ่มเพื่ออุดหูได้…
กู้ซีจิ่วอยู่ข้างกายของตี้ฝูอีตลอด เธอกับเขาล้วนเป็นเป็นกำลังหลักของค่ายกลนี้ ย่อมไม่สามารถอุดหูได้เช่นกัน
แต่ทันทีที่เสียงปะทะกันแว่วขึ้นมา บนหูของกู้ซีจิ่วก็มีฝาครอบน้อยๆ สองอันเพิ่มขึ้นมา ประสิทธิภาพในการปิดกั้นเสียงของฝาครอบดีอย่างยิ่ง เธอไม่ได้รับมลภาวะทางเสียงเลย ได้ยินเพียงเสียงแสกสากแว่วๆ ที่ราวกับตัวหนอนกัดแทะใบไม้…
ค่ายกลนี้ที่ฟั่นเชียนซื่อคิดค้นขึ้นมาทรงอานุภาพมากจริงๆ แถมยังตรงจุดยิ่งนัก ราวกับยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่ง ยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างบ้าคลั่งของทะเลทรายได้ในทันใด ซ้ำยังไม่ทำให้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยจนเกินไปด้วย…
ทะเลทรายหยุดขยายตัวแล้ว พลิกกระเพื่อมอยู่ที่เดิมไม่หยุด ส่วนแสงเจ็ดสีจากค่ายกลก็เคลื่อนเข้าสู่ทะเลทรายไปทีละชั้นๆ เมื่อแสงรุ้งไปถึง ก็มีเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณอาฆาตแว่วออกมาจากในทะเลทราย ราวกับกำลังถูกแสงรุ้งชำระล้างอยู่…
กู้ซีจิ่วมองดูแสงรุ้งบีบต้อนให้ทะเลทรายถอยร่นไปทีละก้าวๆ พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก “ดูเหมือนวิธีนี้ของเขาจะแก้ไขได้ตรงจุดจริงๆ…”
ตี้ฝูอีหรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูทะเลทราย “ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น ในเมื่อจิตมารตนนั้นเตรียมการไว้สำหรับพลิกกระแสได้ ก็น่าจะเตรียมไม้ตายสุดท้ายไว้แล้วเช่นกัน…”
เพิ่งกล่าววาจาออกไป จู่ๆ ในทะเลทรายก็มีเสียงหัวเราะยืดยาวแว่วออกมา เสียงหัวเราะคล้ายบุรุษคล้ายสตรี เป็นการเปล่งเสียงของคนผู้เดียวชัดๆ แต่กลับคล้ายเสียงหัวเราะของคนเจ็ดแปดคนสอดประสานกัน “ฟั่นเชียนซื่อ! นี่ก็คือวิธีที่เจ้าใช้ต่อกรกับเปิ่นจุนรึ?”
พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะ ทรายเหลือง ณ ชายขอบทะเลทรายรวมตัวเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ควบรวมเป็นสตรีชุดขาวเจ็ดแปดนาง สตรีชุดขาวเหล่านี้เสื้อผ้าหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง ราวกับถูกโคลนนิ่งออกมาพร้อมกัน
ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบ สายตานับไม่ถ้วนหันเหมายังกู้ซีจิ่วที่อยู่ข้างกายตี้ฝูอี...
รูปโฉมของบรรดาสตรีชุดขาวช่างเหมือนนางเหลือเกิน!
นอกจากบุคลิกท่วงท่าและอาภรณ์ที่ไม่เหมือนกันแล้ว อย่างอื่นล้วนเหมือนกันทุกประการ!
แน่นอน รอบกายของสตรีเหล่านี้ล้วนโอบล้อมด้วยไอทมิฬอันชั่วร้าย ดูค่อนข้างน่าสยองยิ่งนัก…
————————————————————————————-