ตอนที่ 1312

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“รับหมัดของข้าบ้าง!” หลิงฮันคำรามและปล่อยหมัด เส้นสายฟ้านับไม่ถ้วนพัวพันไปทั่วหมัดของเขา

Anchor

ฉื้อหวงจี่่ไม่กล้าประมาท เขาก้าวเท้าขวาไปด้านหน้าและง้างหมัดตอบโต้

ตูม!

หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นทำลายที่น่าสะพรึงกลัว ประกายแสงจากอำนาจหมัดส่องประกายไปทั่วทิศทาง

คลื่นทำลายที่เกิดขึ้นสามารถบดขยี้จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดได้เพียงแต่สัมผัส แต่ทุกคนในที่นี้เป็นราชาที่ขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ คลื่นทำลายเช่นนี้จึงทำให้เสื้อผ้าของพวกเขาฉีกขาดเท่านั้น

“น่าเบื่อ!” ฉือหวงเค้นเสียง กล้ามเนื้อของเขากระตุกด้วยความรู้สึกคันไม้คันมือ การที่ทำได้เพียงมองดูอยู่ห่างๆช่างน่าเบื่อยิ่งนัก

“ฮ่าๆ ลองรับกระบวนท่าของข้าอีกครั้ง!” ฉื้อหวงจี่่หัวเราะและสะบัดข้อมือ ‘พรึบ’ ธงนับร้อยถูกปักลงพื้นล้อมรอบหลิงฮัน ธงแต่ละแท่งส่องแสงสลัวๆราวกับเชื่อมต่อกัน

ทันใดนั้นเอง หลิงฮันก็พบว่าเบื้องหน้าของเขาถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยหมอก ทั้งๆที่ฉื้อหวงจี่่อยู่ไม่ไหลเพียงร้อยเมตรด้านหน้า แต่เขากลับมองไม่เห็นอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงแค่ฉื้อหวงจี่่ แม้แต่อู่เมี่ยน ฉือหวงกับคนอื่นๆเขาก็มองไม่เห็น

รูปแบบอาคม!

หลิงฮันมองไปรอบๆและอดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่าฉื้อหวงจี่่ผู้นี้ช่างลูกเล่นเยอะจริงๆ ครั้งแรกก็การโจมตีจากจิตวิญญาณ ครั้งสองก็คำสาป มาถึงครั้งนี้ยังมีการใช้รูปแบบอาคมอีก ราวว่าในโลกนี้จะไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้

นี่คืออัจริยะที่แท้จริง วิถียุทธโดดเด่นอย่างเดียวไม่พอ ความสำเร็จในศาสตร์อื่นๆก็ยอดเยี่ยมจนผู้อื่นทำได้เพียงแหงนมอง

อย่างเช่นหลิงฮันที่หาผู้ใดเปรียบในศาสตร์แห่งการปรุงยา

หลิงฮันไม่แสดงท่าทีตะลึง รูปแบบอาคมนี้อย่างมาก็ทำได้แค่กักขังเขา แต่หากคิดจะเอาชนะเขาแค่นี้ยังไม่พอ

‘ครืนน’ สัตว์ประหลาดตนหนึ่งเดินออกมาจากหมอก มันมีรูปร่างเหมือนสุนัขขนาดใหญ่แต่มีสามหัว ร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง พื้นที่ถูกเท้าของมันเหยียบย้ำเปลี่ยนสภาพเป็นเถ่าถ่านสีดำ

‘ตึง ตึง ตึง ตึง’ เสียงฝีเท้าของมันดังก้องถี่ขึ้น สุนัขเพลิงค่อยๆปรากฏตัวทีละตัวทีละตัวและล้อมรอบหลิงฮันเอาไว้

กลิ่นอายของสุนัขเพลิงเหล่านี้หนาแน่นจนไม่สามารถรับรู้ระดับพลังของพวกมัน

“เผ่ามนุษย์ ถ้าเจ้าไม่สามารถจัดการพวกมันได้ เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติจะมาสู้กับข้า!” เสียงของฉื้อหวงจี่่ก้องกังวาลโดยที่ไม่สามารถบอกได้มาจากจากทิศทางใด

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “จะมีคุณสมบัติหรือไม่นั้นเจ้าไม่ใช่คนตัดสิน! ข้าจะทุบตีเจ้าหากข้าต้องการ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ไสหัวไป!”

ฉื้อหวงจี่่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ามันบ้า!”

‘ครืนนน’ เหล่าสุนัขเพลิงสามหัวระเบิดเปลวเพลิงโจมตีใส่หลิงฮัน

หลิงฮันส่ายหัว คิดจะจัดการเขาด้วยเปลวเพลิง? ช่างน่าขัน กายหยาบเขาถูกขัดเกลาด้วยเพลิงนิรันดร์ ถึงแม้ในจอนขัดเกลาจะมีอำนาจของหอคอยทมิฬช่วยค้ำจุลอยู่ แต่เปลวเพลิงที่มีระดับเท่ากับพลังบ่มเพาะของเขาหรือสูงกว่าขั้นสองขั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้

เมื่อเปลวเพลิงพุ่งเข้ามา หลิงฮันไม่ขยับแม้แต่นิ้วมือเพื่อป้องกัน ร่างของเขาราวกับเป็นหลุมดำที่ดูดเปลวเพลิงเข้ามาใส่ร่างด้วยตัวเอง

“อะไรกัน?”

หลิงฮันไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายนอกหมอก แต่คนภายนอกนั้นสามารถมองเห็นภายในได้ชัดเจน

“เพลิงนั่นมัน หรือว่าจะเป็นเพลิงนรก?” แม่นางหยุนคาดเดา

“สมควรเป็นเช่นนั้น” เป่ยหวงพยักหน้า “รูปแบบอาคมนี้มีพลังทำลายที่น่าสะพรึงที่ถูกคิดขึ้นในยุคอดีตกาล เพลิงของมันสามารถแผดเผาได้แม้กระทั่งเซียน! เพียงแต่ว่าพลังของรูปแบบอาคมนี้เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่ามาก บางทีมันอาจจะเป็นรูปแบบอาคมที่แยกย่อยออกมาจากรูปแบบอาคมเพลิงนรก”

ฉื้อหวงจี่่ประหลาดใจกับการคาดเดาของทั้งสองคนมาก เป็นอย่างที่ทั้งสองกล่าว รูปแบบอาคมนี้คือรูปแบบอาคมเพลิงนรกในรูปแบบที่ย่อส่วนลงมา เขาได้รับมันมาจากโบราณสถานแห่งหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจะมีคนรู้ว่ารูปแบบอาคมนี้คืออะไร

เหล่าราชาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ

ต่อให้มันเป็นเพียงรูปแบบอาคมที่แยกย่อยออกมาและไม่สามารถสังหารเซียนได้ แต่หากเป็นภายนอกป่าภูผาวารีต่อให้เป็นตัวตนระดับดาราก็ยังไม่อาจหนีรอด ตอนที่นี่อำนาจของมันจะถูกลดทอนลงมาแต่ก็ยังทรงพลังมากอยู่ดี

แต่เมื่อเพลิงถูกปลดปล่อยออกมา หลิงฮันกลับไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย คลื่นเปลวเพลิงนับพันถูกดูดเข้าหาร่างหลิงฮันจนใบหน้าของฉื้อหวงจี่่เปลี่ยนสี

แม้แต่เขาก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้!

สัตว์ประหลาดชัดๆ!

“หมอนั่นสามารถดูดซับอำนาจของเปลวเพลิง?”

“เขาสามารถดูดซับเปลวเพลิงได้อย่างเดียว… หรือว่าแม้แต่พลังธาตุอื่นก็ได้?”

ทุกคนตกตะลึง ถ้ากายหยาบของเขาสามารถดูดซับและสลายพลังได้ทุกธาตุ ภายในระดับพลังเดียวกันหลิงฮันจะเป็นตัวตนไร้พ่ายอย่างแท้จริง

ไม่ใช่ว่าเป็นอมตะ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครสามารถโค่นเขาได้

โดยปรกติแล้ว วิธีที่จะรับมือกับกายหยาบคือการหลอมละลายด้วยเปลวเพลิง แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะไม่ได้ผลกับหลิงฮัน

“เข้าสัตว์ประหลาดตนนี้… แล้วจะทำลายการป้องกันของเขาได้อย่างไร?”

ทุกคนขมวดคิ้ว ไม่ว่าใครในที่นี้ล้วนแต่เป็นราชา พวกเขาต้องการแข็งแกร่งที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับเดียวกัน ตอนนี้พวกเขาปรารถนาอยากแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเพราะต้องการทำลายการป้องกันของหลิงฮัน ไม่มีใครยอมรับว่าในระดับพลังเดียวกันพวกเขาจะพ่ายแพ้หลิงฮัน

นี่คือเกียร์ติที่ไม่อาจยอมให้ใครเหยียบย่ำ

ภายในรูปแบบอาคม หลิงฮันดูดซับสลายเปลวเพลิงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสุนัขเพลิงสามหัวเหล่านี้ซูบผอมจนไม่อาจปล่อยเปลวเพลิงต่อได้อีกและรูปแบบอาคมได้หมดอำนาจไปเอง

แสงสลัวบนธงทั้งร้อยแท่งหายไปและต้องใช้เวลาสักพักเพื่อดูดซับพลังของสวรรค์และปฐพีก่อนที่จะสำแดงอำนาจได้อีกครั้ง

ฉื้อหวงจี่่พยักหน้าและกล่าว “ข้ายอมรับว่าเจ้ามีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”

“แล้วเจ้าล่ะมีคุณสมบัติสู้กับข้ารึ?” หลิงฮันก้าวไปด้านหน้าและคำรามเบาๆ เสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นดาบพุ่งเข้าใส่ฉื้อหวงจี่่

“ถ้าข้าไม่มีคุณสมบัติ แล้วใต้ดวงอาทิตย์นี้ใครจะมี?” ฉื้อหวงจี่่ก้าวไปด้านหน้าเช่นกัน ดวงตาของเขาเปิดกว้างด้วยความโกรธพร้อมกับปล่อยแสงเปลวเพลิงออกมาจากดวงตาเข้าปะทะกับดาบ

‘ตูม’ เปลวเพลิงปะทะกับดาบจนการโจมตีทั้งสองสลายไปทั้งคู่

ทั้งสองคนขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์สูงสุด หากจะตัดสินผลการต่อสู้ด้วยพลังปราณเพียงอย่างเดียวจนต้องสู้กันอย่างน้อยหลายปี

อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ทักษะลับ สายเลือด สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะทำให้พวกเขาได้เปรียบและเป็นฝ่ายชนะ!

“แข็งแกร่งจนหาผู้ใดต่อกร!” ฉือหวงเค้นเสียง

เป่ยหวงเองก็พยักหน้าและกล่าว “เท่าที่ข้ารู้ ยังมีคนที่สามารถทัดเทียมกับทั้งสองได้… ที่เขตดวงดาวฉีชวง มีคนที่แข็งแกร่งมากๆอยู่คนหนึ่ง ข้าเคยปะทะกับเขาตอนที่มีพลังระดับดาราขั้นต้น ผลลัพธ์คือข้าพ่ายแพ้ให้กับเขาเพียงร้อยกระบวนท่า”

เมื่อเรื่องนี้ถูกกล่าวออกมา ราชาคนอื่นๆที่เหลือก็ตกตะลึงทันที