หว่างคิ้วของหานลี่มีผลึกรัศมีเปล่งแสงสว่างวาบ ผลึกเส้นไหมพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของแมลงยักษ์

แต่พริบตานั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้น ซากของแมลงยักษ์ระเบิดออกราวกับฟองน้ำ กลายเป็นลำแสงสีขาวสลายหายไป

ผลึกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ!

เส้นไหมผลึกม้วนวนกลับมาอยู่ตรงหว่างคิ้วของหานลี่ แต่ใบหน้าของเขากลับเผยสีหน้าเข้าใจแล้วออกมา และทันใดนั้นก็เคร่งขรึมขึ้นสองสามส่วน

อากาศอีกด้าน เงาดอกไม้สีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันด้านในก็มีประจุไฟฟ้าสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบจำนวนนับไม่ถ้วน

ผลึกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ

เส้นไหมผลึกม้วนวนกลับเข้าไปในหว่างคิ้วของหานลี่ แต่ใบหน้าของเขากลับเผยสีหน้าเข้าใจแล้วออกมา และทันใดนั้นก็เคร่งขรึมขึ้น

กลางอากาศอีกด้าน เงาดอกไม้สีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนพลันเรียงตัวทั่วท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันด้านในก็มีประจุไฟฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด

เป่าฮวามาอยู่ข้างกายนักพรตเซี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ และสำแดงเขตแดนวิญญาณออกมา ร่วมมือกันกักแมลงประหลาดอีกตัวหนึ่งเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าแมลงประหลาดตัวนั้นเชี่ยวชาญด้านจิตสัมผัส น่าเสียดายนักพรตเซี่ยไม่ถูกควบคุม ส่วนเป่าฮวาที่อยู่ในเขตแดนวิญญาณก็ดูราวกับจะไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด

ส่วนเขาแม้ว่าจะมีอิทธิฤทธิ์ด้านอัสนีทมิฬที่ร้ายกาจ แม้กระทั่งแฝงไว้ด้วยพลังแห่งการทำลายล้างของพลังแห่งกฎเกณฑ์ แม้แต่กระทั่งสมบัติของสวรรค์ทมิฬก็สามารถทำลายได้

แต่นักพรตเซี่ยและเป่าฮวาล้วนมีสีหน้าเจ้าเล่ห์ ยามแรกไม่ได้คิดจะปะทะตรงๆ ทำให้เขาโกรธเกรี้ยว แต่กลับยากจะสำแดงออกมา

รอจนเป่าฮวาสำแดงเขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬออกมาอย่างไม่เสียดายพลังปราณแท้ กักแมลงประหลาดตัวนั้นเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนไป

แมลงประหลาดตัวนั้นเห็นท่าไม่ดี กระตุ้นอัสนีทมิฬสีเทาขาวในแดนวิญญาณสุดชีวิต คิดจะฝ่าออกไป แต่เขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬนั้นมีชื่อเสียงขนาดไหน เลื่องชื่อว่าเป็นเซียนเที่ยงแท้ถึงจะควบคุมอิทธิฤทธิ์ของเทพเซียนได้ แมลงประหลาดตัวนี้คิดจะจากไปก็ยากเย็น

กลีบดอกสีชมพูเป็นชั้นๆ ถูกเป่าฮวากระตุ้นกักแมลงประหลาดไว้ตรงใจกลางของเขตแดนวิญญาณ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดก็ไม่ปาน

แม้ว่าแมลงประหลาดจะพยายามต้านทานพลังของเขตแดนวิญญาณ แต่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอย่างไม่รู้ตัว

ยามนี้พลังจิตสัมผัสของเขากลายเป็นผลึกลำแสงสีขาวคุ้มครองเรือนร่างของเขาเอาไว้ ประจุไฟฟ้าสีเทาตัดสลับกันไปมาแล้วระเบิดออกไม่หยุดอยู่ใกล้ๆ กับเรือนร่าง แต่นักพรตเซี่ยและเป่าฮวาร่วมกันโจมตีเรือนร่างก็เต็มไปด้วยบาดแผล เปลี่ยนเป็นจะล้มแหล่มิล้มแหล่

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ใบหน้าพลันฉายแววประหลาดใจ ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ กระบี่ยาวสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง และสะบัด เส้นไหมสีเขียวสิบสองสับออกมา

ครู่ต่อมาในเขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬของเป่าฮวาก็มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงระเบิดออกมา ในเวลาเดียวกันเส้นไหมสีเขียวสิบสองสายพลันปรากฏขึ้นข้างกายแมลงประหลาด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วแฉลบผ่านร่างของเขา

แมลงประหลาดรวมทั้งผลึกป้องกันและประจุไฟฟ้ารอบๆ ล้วนถูกสับจนแหลกละเอียดในพริบตา และกลายเป็นลำแสงสีขาวสลายหายไปจากกลางอากาศ ราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นอย่างไรอย่างนั้น

เป่าฮวาเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง แต่เมื่อจิตสัมผัสตรวจสอบภายในเขตแดนวิญญาณอย่างละเอียด มั่นใจว่าแมลงประหลาดตัวนั้นไม่อยู่ที่นี่อีก ถึงได้ขมวดคิ้วแน่นแล้วยกมือขึ้น ถอนออกจากเขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ

ยามนี้รอบๆ พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่เลือนรางแล้วเคลื่อนย้ายไปใกล้ๆ

จากนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น

นักพรตเซี่ยเองก็เก็บร่างปูยักษ์สีเหลืองทอง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังหานลี่

หานลี่กวาดสายตาไปพบว่าบนเรือนร่างแม้จะมีจุดสีดำเกรียม แต่หลังจากไม่มีปัญหาอันใด ก็วางใจ

“พี่หาน ฝีมือดีจริงๆ! การสับเมื่อครู่ หากเป็นข้าเกรงว่าต่อให้มีเขตแดนวิญญาณคุ้มครองร่างก็รับมือยากแน่นอน” เป่าฮวามองสายตาแปลกประหลาดของหานลี่ แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า

“สหายเป่าฮวามองผู้แซ่หานสูงเกินไปแล้ว! การสับเมื่อครู่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพลังของสมบัติ ประกอบกับมันรับการโจมตีของสหายทั้งสองจนกำลังทรุดโทรม มิเช่นนั้นข้าน้อยคงไม่ทำสำเร็จง่ายดายเช่นนี้” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

“ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้น!” เป่าฮวาสั่นศีรษะ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมากนัก กลับมองไปทางที่แมลงประหลาดหายไปเมื่อครู่ ใบหน้าเผยสีหน้าฉงนออกมา

“ดูแล้วสหายเองก็พบความผิดปกติ เห็นได้ชัดมาก การต่อสู้เมื่อครู่ของพวกเราไม่ได้ทำลายพวกมันได้จริงๆ ร่างแยกจิตวิญญาณเที่ยงแท้ของมารดาแมลงตัวนั้นยังไม่ต้องพูดถึง แมลงประหลาดสองตัวนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่กายเนื้อที่แท้จริง ไม่ได้สังหารได้อย่างง่ายดาย” หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปเช่นกัน แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“แน่นอน ยามแรกแมลงประหลาดสองตัวนั้นก็ให้ความรู้สึกแปลกๆ กับข้า ไม่อาจบอกได้ว่าพวกมันใช้อิทธิฤทธิ์ที่ไม่ร้ายกาจ แต่ดูเหมือนจะสุดโต่งไปเล็กน้อย พลังจิตสัมผัสแข็งแกร่งหาที่เปรียบ ทำให้พวกเราต้องเคารพอยู่ห่างๆ พลังของกายเนื้อแข็งแกร่ง แค่พลังการตะปบ ก็สามารถบีบให้พวกเราต้องหลบหลีกได้ชั่วคราว แต่ฝีมืออื่นของทั้งสองล้วนละโมบไปหน่อย ถึงได้เผยจุดอ่อนออกมาและถูกพวกเราทำลายได้อย่างง่ายดาย” หานลี่พยักหน้าขณะเอ่ย

“หากแมลงประหลาดเหล่านี้เป็นสิ่งที่มารดาแมลงเลี้ยงดูมา เช่นนั้นก็แปลกประหลาดไปหน่อย จากความเจ้าเล่ห์ของมารดาแมลงตัวนี้ เหตุใดถึงทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้” เป่าฮวาเอ่ยอย่างครุ่นคิด

“ทว่าสหายสังเกตหรือไม่ แม้ว่าพวกมันจะอยู่ลำพัง ขอแค่เจ้ากับข้าเสียแรงหน่อยก็สามารถทำลายอีกฝ่ายได้ แต่หากพวกมันร่วมมือกัน หรือกล่าวได้ว่าอิทธิฤทธิ์ของแมลงประหลาดสองตัวนี้ล้วนถูกอีกตัวใช้ได้ในเวลาเดียวกัน……” ฉับพลันนั้นหานลี่พลันหัวเราะหึๆ ขณะเอ่ย

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากอิทธิฤทธิ์เหล่านี้ล้วนถูกอีกตัวมีได้ เกรงว่าคงต้องถึงตาที่พวกเราหนีเตลิดแล้ว” เป่าฮวาหน้าซีดขาว กลับสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย

“และยิ่งไปกว่านั้นสหายเป่าฮวาสังเกตเห็นหรือไม่ ไม่ใช่แค่ร่างแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมของมารดาแมลงและแมลงประหลาดสองตัวนั้นที่ดูเหมือนไม่ใช่พวกเดียวกัน แม้แต่ระหว่างแมลงประหลาดสองตัวก็ยังมีความเป็นปฏิปักษ์กันอยู่กลายๆ มิเช่นนั้นตอนแรกขอแค่พวกมันร่วมมือกัน ก็ไม่ถึงกับถูกพวกเราคว้าจุดอ่อนแล้วแยกกันกำจัดได้” หานลี่เผยสีหน้ามีเลศนัยออกมา

“ประหลาดจริงๆ หากพวกมันคือสิ่งที่มารดาแมลงเลี้ยงดู เหตุใดถึงไม่ฟังคำสั่งของจิตวิญญาณดั้งเดิม แม้กระทั่งตั้งตนเป็นศัตรู” เป่าฮวาขมวดคิ้วดำขลับแน่น ท่าทางไม่อยากจะเชื่อ

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจแน่ใจได้เช่นกัน ทว่าท่าทางของแมลงประหลาดสองตัวที่หายไปเมื่อครู่ กลับมีพลังเหมือนทอดเงาแล้วรวมตัวกัน” หานลี่พลันเอ่ยอย่างราบเรียบ

“พลังทอดเงา…พี่หานหมายถึง…คนจากแดนอื่นล้วนสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องมารดาแมลง! พลังทอดเงาก็สามารถสู้กับพวกเราได้นานขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นเทพเซียนจากแดนเซียน” เป่าฮวาหน้าเปลี่ยนสี ใบหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

“เรื่องนั้นพูดยาก ข้าแค่สงสัยเท่านั้น บางทีการคาดเดาของข้าอาจจะไม่ถูกต้อง ทว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่นี่ก็ซับซ้อนแล้ว ไม่อย่างนั้นสหายเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณผนึกอีกครั้ง ดูว่ามีเบาะแสอันใดหรือไม่” หานลี่ลูบใต้คาง แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะเอ่ย

“เพราะว่าพลังรั่วไหล ยามนี้วิญญาณของผนึกจึงอ่อนแอมาก แม้ว่าข้าในยามนี้จะไม่มีวิธีทำให้พวกมันปรากฏตัว นอกเสียจากว่าสหายจะอยากให้ผนึกโบราณสูญเสียประสิทธิภาพ” เป่าฮวาหัวเราะอย่างขมขื่นพลางตอบกลับ

“เช่นนั้น ก็ยุ่งยากแล้ว” หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี

“ไม่ว่าอย่างไร พวกเราเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลให้ย้อนกลับ จนถึงยามนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวของสหายทั้งสอง ดูแล้วคงเกิดเรื่องจริงๆ เจ้ากับข้าต้องเข้าไปตรวจสอบแล้ว” เป่าฮวามีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ฟันสีเงินกัดฟันเอ่ย

“อ๋อ สหายเป่าฮวาคิดจะเสี่ยงอันตราย ตามที่เจ้ากับข้านัดกัน ข้าย่อมต้องไปเป็นเพื่อนเจ้า แต่พูดไว้ก่อนนะ หากพบกับอันตรายที่ข้าไม่อาจต่อกรได้ ข้าจะไม่ปะทะเด็ดขาด” หานลี่พยักหน้า แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว หากไม่ได้จริงๆ ข้าก็เสียดายชีวิตของตนเองเช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็ไม่คิดว่าหากไม่มีจานวิญญาณหงส์ สหายจะไม่มีวิธีออกจากห้วงเวลานี้ได้” เป่าฮวาฉีกยิ้มเบิกบาน

“สหายเข้าใจเรื่องนี้ย่อมดีมาก พวกเราลงไปกันเถิด” หานลี่พยักหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี พานักพรตเซี่ยนำทัพเข้าไปใต้น้ำ หลังจากที่เป่าฮวากวาดสายตาไปรอบๆ ไม่พบความผิดปกติ ก็กลายเป็นเงาลวงตาพุ่งลงไปด้านล่าง

และเมื่อทั้งสองเข้าไปในน้ำได้ชั่วครู่ กลางอากาศที่เป็นสีเทาขมุกขมัว ระลอกคลื่นอ่อนๆ ก็แผ่ออกมา รัศมีลำแสงห้าสีปรากฏออกมา และพันรัดอย่างรวดเร็ว

มองจากไกลๆ จะเห็นดวงตาห้าสีหลับตาข้างหนึ่ง กำลังลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างช้าๆ

ในเวลาเดียวกัน ในก้นเหวโครงกระดูกแมลงยักษ์ตัวนั้นลอยยิ่งอยู่ในน้ำ ทว่าเบ้าตาที่กลวงโบ๋ของมัน มีเปลวเพลิงมารเจิดจ้าสองดวงลุกโชนอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านข้างของโครงกระดูกมีอาวุธพังๆ ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น แค่มีลำแสงกะพริบวาบลางๆ

หนึ่งในนั้นคือแผ่นป้ายที่ชำรุดไปครึ่งหนึ่ง อีกชิ้นหนึ่งเป็นหอกสั้นสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยลวดลาย

ทั้งสองชิ้นคือสมบัติประจำกายของชายชราหน้าตาโบราณและฮูหยินชุดดำ ยามนี้ถูกทิ้งอยู่ที่นี่ราวกับขยะ เห็นได้ชัดว่าแปดเก้าส่วนทั้งสองผู้ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายานจากแดนอื่นไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว

เหนือโครงกระดูกมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงสีขาวสองดวงเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นพร้อมกัน

ลำแสงสีขาวม้วนวนแล้วรวมตัวกัน ดวงหนึ่งกลายเป็นร่างแมลงยักษ์อ้วนพี อีกดวงหนึ่งรวมตัวกันเป็นแมลงประหลาดกึ่งโปร่งใสตัวหนึ่ง

ทั้งสองคือแมลงประหลาดสองตัวที่ถูกหานลี่และเป่าฮวาสังหารไปครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้

ทว่าพวกมันในยามนี้ร่างกายเลือนรางกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก กลิ่นอายลดลงกว่าครึ่ง กลายเป็นเหมือนเงาลวงตาก็ไม่ปาน

ฉับพลันนั้นเบ้าตาของโครงกระดูกยักษ์เบ้าหนึ่งก็มีเปลวเพลิงมารโชติช่วง สตรีสวมชุดสีเงินลอยออกมาจากเปลวเพลิงมาร

สตรีผู้นี้ร่างกายอรชนอ้อนแอ้น สีหน้าแข็งทื่อ ใบหน้าคล้ายคลึงกับเด็กหญิงที่ถูกกลืนกินเข้าไปเจ็ดแปดส่วน แค่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า

ราวกับว่าเด็กหญิงผู้นั้นโตขึ้นจนมีอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีก็ไม่ปาน

เงาลวงตาแมลงประหลาดเลือนรางทั้งสองเห็นสตรีชุดสีเงิน ก็หมอบลงพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางคารวะสตรีผู้นี้

สตรีชุดสีเงินกวาดตามองเงาลวงตาสองดวงด้วยความเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึมพลางแค่นเสียงอย่างเย็นชา

“ไร้ประโยชน์ แม้แต่ระดับมหายานจากแดนล่างไม่กี่คนก็ไม่อาจต่อกรได้ ทว่าก็โชคดีที่พวกเขาทำให้จิตวิญญาณดั้งเดิมของมารดาแมลงได้รับบาดเจ็บ มิเช่นนั้นข้าก็ไม่อาจกลืนกินมันอย่างสมบูรณ์ได้ในยามนี้ ในเมื่อยามนี้พลังจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าฟื้นฟูมากกว่าครึ่งแล้ว พวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เอาพลังคืนให้ข้าเถิด”

สตรีชุดสีเงินเอ่ยจบอย่างไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นก็ยกนิ้วชี้ไปที่เงาลวงตาสองดวง