ตอนที่ 2233 การต่อสู้ในแดนวิญญาณ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เงาลวงตาแมลงยักษ์สองดวงตกตะลึง ไม่สนใจจะทำสีหน้านอบน้อมอันใดอีก ผิวเปล่งลำแสงหลีกหนีออกมา คิดจะหลบหลีกหนีไป

แต่จุดที่สตรีสวมชุดสีเงินชี้ไปพลันมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ อักขระยันต์เปล่งแสงดีดตัวออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็จมหายเข้าไปในร่างของแมลงยักษ์สองดวงด้วยความเร็วที่ยากจะเหลือเชื่อ

เสียงกรีดร้องของแมลงทั้งสอง ร่างกายบิดเบี้ยวคิดจะต้านทานพลังของอักขระยันต์สีดำ แต่ก็ไร้ประโยชน์ ผิวมีเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แล้วหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ที่เดิมก็เหลือเพียงลูกบอลลำแสงสองดวงลอยอยู่กลางอากาศ

สตรีสวมชุดสีเงินใช้มือหนึ่งกวักไปกลางอากาศ ลูกบอลลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมาโดยอัตโนมัติ

อ้าปากออกอีกครั้ง

ลูกบอลลำแสงสองดวงหมุนคว้าง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงสีขาวสองดวงถูกสตรีดูดเข้าไปในปาก

สตรีสวมชุดสีเงินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วหลับตาทั้งสองข้าง ใบหน้ามีผลึกลำแสงไหลวนโคจรไปมา กลิ่นอายบนเรือนร่างดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เมื่อสตรีแค่นเสียงหึเบาๆ ก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น กลิ่นอายที่ระเบิดออกมาจากเรือนร่างฟื้นฟูกลับเป็นดังเดิม

นางหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้าขึ้นกวาดตามองไปกลางอากาศ ดูเหมือนจะสัมผัสอันใดได้ ใบหน้าเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา กลายเป็นเปลวเพลิงรุนแรงพุ่งกลับมา แล้วเลือนรางจมหายเข้าไปในเปลวเพลิงมารในเบ้าตา

ครู่ต่อมาโครงกระดูกที่เดิมนิ่งสงบพลันเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้องคำรามแหลมสูง หมอกโลหิตปรากฏขึ้น และกลายเป็นเส้นไหมโลหิตบินไปพันรัดโครงกระดูกอย่างรวดเร็ว

เส้นไหมโลหิตจำนวนมากห่อหุ้มโครงกระดูกชั้นแล้วชั้นเล่า และเปล่งแสงเจิดจ้าอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นเส้นชีพจรและโลหิตที่แท้จริง แม้กระทั่งผิวหนังและเกล็ดเป็นชั้นๆ

ชั่วพริบตาโครงกระดูกที่เดิมเป็นสีขาวก็กลายเป็นแมลงประหลาดขนาดยักษ์สามหัวหัวใหญ่หนึ่งหัว หัวเล็กสองหัว

หัวทั้งสามนอกจากหัวตรงกลางที่มีใบหน้ามนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหน้าตาเหมือนกับสตรีชุดสีเงิน หัวที่เหลือก็น่ากลัว เหนือหัวมีดวงตาขนาดน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้ากว่าครึ่งล้วนถูกเกล็ดห้าสีห่อหุ้มเอาไว้

ส่วนร่างกายของแมลงตัวนี้ก็เรียบลื่นโปร่งใส ราวกับผลึกวารีสลักก็ไม่ปาน แต่ร่างกายใหญ่โตพลันมีปีกสีขาวสี่คู่ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลัง เปล่งแสงเรืองๆ และมีอักขระยันต์ห้าสีลางๆ เผยความงดงามออกมา

เมื่อร่างกายของแมลงยักษ์ราวกับภูเขายักษ์ก่อตัวขึ้น หัวตรงกลางก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองก็ฉายแววโหดเหี้ยมพลางจ้องเขม็งไปกลางอากาศโดยไม่พูดไม่จา

ส่วนหัวอีกสองหัวกลับหลับตาแน่นไม่ขยับ ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ราวกับคนตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เหนือหุบเหวมีลำแสงสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีสามสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งลงมา

ลำแสงหม่นแสงลง ห่างออกไปร้อยจั้งเศษ เงาร่างสามสายปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน

นั่นก็คือหานลี่ เป่าฮวา นักพรตเซี่ยทั้งสามคน

ระยะใกล้แค่นี้หานลี่และเป่าฮวาย่อมมองเห็นหน้าตาของแมลงยักษ์ที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นก็มีสีหน้าตกตะลึง

แมลงยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นไม่เหมือนกับเปลือกนอกที่ทุกคนทำลายบนผิวน้ำก่อนหน้านี้ ราวกับเป็นแมลงยักษ์คนละตัวก็ไม่ปาน

สิ่งที่ทำให้หานลี่และเป่าฮวาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือหัวตรงกลางของแมลงตัวนี้หน้าตาคล้ายกับเด็กหญิง รวมทั้งสายตาที่จ้องเขม็งไปที่ทุกคนอย่างทื่อๆ

“นี่คือร่างเดิมของมารดาแมลง ดูแล้วพวกเราคงมาสายไปก้าวหนึ่ง มันตื่นแล้ว” เป่าฮวามีสีหน้าดูไม่ได้ แล้วเอ่ยพึมพำ

“แม้ว่ากายภายนอกจะไม่เหมือนกัน แต่ก็น่าจะไม่ผิด” หานลี่จ้องเขม็งไปที่หัวหน้าคนตรงกลางของแมลงยักษ์ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ในเมื่อมันไม่ได้รับบาดเจ็บ ดูแล้วสหายทั้งสองคงเพลี้ยงพล้ำไปแล้วจริงๆ” เป่าฮวาถอนหายใจออกมาเบาๆ

หานลี่แววตาเปล่งประกาย มองเห็นอาวุธชำรุดลอยนิ่งอยู่ด้านข้างแมลงยักษ์ พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับหน้าที่เปลี่ยนสี แต่กลับไม่ได้เอ่ยอันใดอีก

“ก็คือพวกเจ้าสามคน ทำร้ายร่างแยกของข้า แล้วยังกล้ารบกวนการพักผ่อนของข้า!” แมลงยักษ์หน้าคนด้านล่างกลับเอ่ยปากอย่างราบเรียบ น้ำเสียงไพเราะเสนาะหู ราวกับว่าเป็นสตรีผู้งดงามก็ไม่ปาน

“นายท่านคือมารดาแมลง! สหายร่วมวิถีก่อนหน้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าใช่หรือไม่?” เป่าฮวาขบคิดอย่างรวดเร็ว แต่ปากกลับย้อนถามอย่างเคร่งขรึม

“จุๆ แค่ระดับมหายานจากแดนล่างสองคนกล้ามาลงมือต่อหน้าข้า ย่อมต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของกายเนื้อข้า เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าสองคนยังไม่ตอบคำถามของข้า เช่นนั้นก็มาเป็นพวกเดียวกับพวกเขาเถิด” แมลงยักษ์หน้าคนมีรอยยิ้มงดงามฉายแวบผ่าน แต่คำพูดกลับเย็นชา

สิ้นเสียงมันก็อ้าปากออกเส้นไหมสีเทาพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นตาข่ายลวงโลกห่อหุ้มมาทางทั้งสามคนที่อยู่ด้านบน

ทุกแห่งที่ตาข่ายเส้นไหมกวาดผ่านไป กลิ่นคาวคละคลุ้งพลันโชยมา จนทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียน!

เป่าฮวาและหานลี่ดูเหมือนจะมีสีหน้าราบเรียบ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับร่างเดิมของมารดาแมลงพิษ ย่อมระมัดระวังขึ้นอีกสิบสองส่วน

ยามที่ตาข่ายเส้นไหมสีเทาห่อหุ้มลงมา ทันใดนั้นเป่าฮวาก็ร้องเสียงแหวว่า “ลงมือ” จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโดยไม่เอ่ยอันใด แล้วพลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวมรกตพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ต้นไม้เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏออกมา และหมุนวนท่ามกลางอักขระยันต์พลันกลายเป็นต้นไม้ยักษ์สีชมพู กลีบดอกไม้สีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนเริงระบำ ปกคลุมทั่วท้องฟ้า ห่อหุ้มอากาศด้านล่างไปจนหมด

แทบจะในเวลาเดียวกัน นักพรตเซี่ยพลันหมุนกาย กลายเป็นปูยักษ์สีเหลืองทองขนาดร้อยหมู่ ผิวมีสายฟ้าเปล่งแสงวาววับ ตาข่ายอัสนียักษ์ม้วนวนขึ้นไปกลางอากาศ แล้วรองตาข่ายเส้นไหมสีเทาเอาไว้

ส่วนหานลี่นั้นไม่สนใจการเคลื่อนไหวของเป่าฮวาและนักพรตเซี่ย แค่สะบัดแขนเสื้อ นิ้วทั้งห้าตะปบออกไป ลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นในมือ กระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬถูกเขากุมเอาไว้

ร่างของหานลี่ขยายใหญ่ขึ้น เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรปรากฏออกมา และกลายเป็นร่างทองกระโจนเข้ามาที่ร่างเดิมในชั่วพริบตา หลังจากส่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ผิวก็มีเกล็ดสีม่วงทองปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันอักขระสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตัดสลับกันไปมาแล้วปรากฏขึ้น รวมตัวกันเป็นเขตอาคมขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่านั้น สะบัดข้อมือไปอีกครั้ง

ในหุบเหวลึกมีรัศมีลำแสงห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา และจมหายเข้าไปในกระบี่ยาวราวกับคลื่นน้ำ

ตัวกระบี่สีเขียวมรกตมีอักขระสีเงินสว่างไสว พลังกฎเกณฑ์กระเพื่อมออกมาทันที เส้นไหมสีเขียวสิบสองสายสับออกมา

เส้นไหมสีเขียวสิบสองสายแทบจะรวมตัวกันเป็นสายเดียว เปล่งแสงว่างวาบแล้วพุ่งพาดผ่านไปร้อยจั้ง มาอยู่ห่างจากแมลงยักษ์แค่คืบ และหมุนวนไปทุกอย่าง

เห็นได้ชัดว่าระหว่างทางเป่าฮวา หานลี่และพวกปรึกษาวิธีการรับมือกับมารดาแมลงแล้ว คาดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาที่เพิ่งจะลงมือก็แบ่งงานกันและกดไว้ได้ในเวลาเดียวกัน

คนหนึ่งรับหน้าที่ต้านทานการโจมตีของมารดาแมลง คนหนึ่งรับหน้าตากักมารดาแมลงตัวนี้

ยังมีอีกคนที่รับหน้าที่สังหารนี่จึงทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว

หากระดับมหายานทั่วๆ ไปเผชิญหน้ากับการร่วมมือกันโจมตีอย่างไร้ช่องโหว่ เกรงว่าคงทำได้เพียงหลับตารอความตายเท่านั้น

แต่มารดาแมลงตัวนั้นกลับแค่เลิกคิ้วดำขลับบนใบหน้าคน ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนเรือนร่าง คาดไม่ถึงว่าจะม้วนเอาเงาลวงตากลีบดอกสีชมพูที่เริงระบำไปมาออกไป ยกแขนที่เหมือนกับแขนมนุษย์ขึ้น นิ้วเรียวสีขาวชี้ออกไป

ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบอักขระยันต์เปล่งประกายดีดตัวออกมาจากหว่างคิ้ว และโจมตีไปที่เส้นไหมสีเขียวที่อยู่หน้าสุดอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

เสียง “ปัง” ดังขึ้น อักขระยันต์สีดำหมุนคว้างแล้วระเบิดออกอีกครั้ง พลังกฎเกณฑ์ที่น่ากลัวม้วนวนออกมา

เส้นไหมสีเขียวสิบสองเส้นสัมผัสกับพลังกฎเกณฑ์ ชั่วขณะนั้นพลันรวมตัวกัน หลังจากสั่นเทาอย่างไม่อยากจะเชื่อ คาดไม่ถึงว่าจะดีดตัวกลับมา

ลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่และพวกอย่างแปลกประหลาด

ครู่ต่อมาไม่ใช่แค่เป่าฮวา หานลี่เองก็หน้าเปลี่ยนสี

ไม่ต้องขบคิด กระบี่ยาวในมือของเขาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับออกมาอีกครั้ง เส้นไหมสีเขียวสิบสองสายเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง

หลังจากเสียงอึกทึก “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวยี่สิบสี่เส้นโจมตีเข้าด้วยกัน ในเวลาเดียวกันก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป แต่ระลอกคลื่นที่น่ากลัวพลันม้วนวนมาทางหานลี่และพวก

กระบี่วิญญาณประหารสวรรค์ทมิฬในมือของหานลี่ตั้งขึ้น ผิวมีอักขระสีเงินเปล่งประกาย ดูดระลอกคลื่นที่โจมตีมาเข้าไปข้างใน หลังจากที่ร่างกายสั่นเทา ก็อดที่จะถอยร่นไปสองสามก้าวไม่ได้

แต่เขาใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ กลับทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี พลังปราณลดลงไปจำนวนมาก

นี่เป็นเพราะหานลี่มีพลังปราณมหาศาลมากกว่าระดับมหายานทั่วๆ ไป หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานคนอื่นๆ เกรงว่าพลังปราณคงสลายหายไปจนหมด พบกับการแว้งกัดของสมบัติสวรรค์ทมิฬ

“นี่ไม่ใช่การดีดตัวธรรมดาๆ เป็นพลังการย้อนกลับของกฎเกณฑ์แห่งเวลา!” เป่าฮวาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กลับอดที่จะร้องอุทานออกมาไม่ได้ แต่ทันใดนั้นก็กัดฟันสีเงิน แล้วโบกมือข้างหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะสับกิ่งไม้หนาๆ บนต้นไม้ในมือ และโบกไปมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว

แต่มารดาแมลงกลับดูเหมือนจะป้องกันตัวไว้ก่อน หลังจากหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา เรือนร่างพลันเปล่งแสงสีเทาขาวออกมา พลังประหลาดม้วนวนไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

กลีบดอกไม้ลวงตาสีชมพูถูกพลังวงแหวนผลักออกไป อักขระยันต์สีเทาขาวปกคลุมไปทั่วอากาศ ชั่วขณะนั้นแมลงยักษ์พลันปรากฏตัวใกล้ๆ

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

พลังของกฎเกณฑ์โจมตีอย่างแรง

แทบจะในเวลาเดียวกันพลังแห่งกฎเกณฑ์ปะทะกับวงแหวนลำแสง ชั่วพริบตาก็ระเบิดออก คาดไม่ถึงว่าจะถูกกำจัด วงแหวนลำแสงสีเทาขาวกลับไม่ได้รับความเสียหาย

เป่าฮวาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ชั่วขณะนั้นใบหน้าเรียวพลันเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

“หึๆ เขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นระดับมหายานจากแดนล่าง คาดไม่ถึงว่าจะเรียนรู้อิทธิฤทธิ์นี้ได้ น่าเสียดายเจ้าได้มาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่เขตแดนวิญญาณเทียมเท่านั้น คิดจะต่อกรกับข้า กลับฝันกลางวันไปหน่อย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! ก่อนที่พวกเจ้าจะกลายเป็นกายเนื้อของข้า ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองเขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬที่แท้จริง ว่าอยู่ในระดับไหน” มารดาแมลงหัวเราะเคร่งขรึม ฉับพลันนั้นขาหน้าทั้งสองก็ร่ายอาคมพร้อมกัน ในเวลาเดียวกันปากก็บริกรรมคาถา เรือนร่างมีลำแสงสีเทาขาว ชั่วขณะนั้นพลันหมุนวนอย่างรวดเร็ว และยิ่งไปกว่านั้นยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากลางเรือนลำแสงทั้งหุบเขาก็หม่นแสงลง วงแหวนลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป