ตอนที่ 900: ยุทธภัณฑ์ราชา
เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ช่วยไม่ได้หลังจากที่ได้ยินท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่าพูด เขารู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดคงจะไม่ฟังเขาไม่ว่าเขาจะพูดยังไง ผู้อาวุโสสูงสุดหัวแข็งนี้ได้ตัดสินใจไปแล้วเกี่ยวกับปราณของผู้คุมกฎที่อยู่ในตัวเขา
“ข้าควรอธิบายตัวตนที่แท้จริงของข้าให้เขาฟังหรือไม่ ? นั่นอาจจะเป็นเพียงทางเดียวที่เขาจะเชื่อว่าข้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเขา” เจี้ยนเฉินคิด เขาเริ่มที่จะลังเลว่าเขาควรจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือไม่
ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจแล้วพูดออกมา “คิดกลับไปว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคยเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรทะเล พวกเรานั้นทรงพลังมากในทัศนคติของทั่วทั้งอาณาจักรทะเล พวกเราติดสิบอันดับแรก พวกเรามีผู้คุมกฎทั้งหมดถึง 4 คนและทุกคนในนั้นได้เป็นผู้อาวุโสประจำศาลา พวกเขาอยู่ในจุดสูงสุดของ 16 ดาว ในตอนนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุพวกเรานอกจากศาลาทั้งสาม”
“มันน่าเสียดายที่เวลามันผ่านมานานมากแล้วและพลังของพวกเราก็จางหายไปในแต่ละรุ่น จำนวนของผู้คุมกฎค่อย ๆ ลดลงไปและความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเราก็ลดลง พวกเราตกจากสถานะหนึ่งในเผ่าที่สุดยอดมาอยู่ในสถานะที่น่าผิดหวังในตอนนี้ มันเป็นเวลามากกว่าสามหมื่นปีแล้วตั้งแต่มีคนที่มีปราณของผู้คุมกฎปรากฏตัวขึ้น ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ พวกเราอาจจะอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะถูกกลืนกินไปโดยเผ่าที่แข็งแกร่งกว่า” ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดฉายแววเจ็บปวดออกมา ในฐานะที่เขาเป็นสมาชิกเก่าแก่ของเผ่า เขาไม่ต้องการที่จะเห็นเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
“ท่านผู้คุมกฎ ท่านเป็นความหวังของเผ่าของพวกเรา มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะทำให้เผ่าเต่ากลับมารุ่งเรืองได้เหมือนเมื่อก่อน ข้าหวังว่าท่านผู้คุมกฎจะกลับไปที่เผ่าของพวกเรา ข้าจะทำทุกทุกอย่างเพื่อช่วยให้ท่านผู้คุมกฎได้อำนาจกลับคืนมา” ผู้อาวุโสสูงสุดอ้อนวอนเจี้ยนเฉิน เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ท่านควรจะหยุดที่ตรงนี้ ข้าไม่ใช่คนของเผ่าเต่าของท่าน ข้าไม่สามารถกลับไปกับท่านได้” เจี้ยนเฉินปฏิเสธความกรุณาของผู้อาวุโสสูงสุดอย่างไม่ลังเลก่อนที่จะออกไปพร้อมซี่หวัง
“ท่านผู้คุมกฎ ถ้าท่านไม่ต้องการไปกับข้า ถ้างั้นข้าก็จะตามท่านไปอย่างนี้แหละ” ผู้อาวุโสสูงสุดดื้อดึงและตามเจี้ยนเฉินไปทันที
เจี้ยนเฉินยินดีที่ผู้อาวุโสสูงสุดตามมาด้วย เมื่อเขามีเซียนราชาอยู่ข้าง ๆ เขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ฉิงยี่หยวนจะมาหาเขาอีกครั้ง
เขาบินไปพร้อมกับซี่หวังไปที่โถง ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้ขยับไปไหนจากข้างกายเขาเลย มันเป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่เจี้ยนเฉินมาที่อาณาจักรทะเล ในตอนนั้น เขายังมีเรื่องจิปาถะต้องจัดการทำให้เขาไม่มีเวลาฝึกฝนได้อย่างเหมาะสมเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ตรงกันข้ามกับที่เขาตั้งใจมาที่อาณาจักรทะเล
ดังนั้น เขาตึงวางแผนที่จะทุ่มเทให้กับการฝึกฝนในเวลาต่อไป เขาต้องการที่จะไปจากอาณาจักรทะเลทันทีหลังจากที่เขาทรงพลังเพียงพอแล้ว
ทั้งสามคนเดินทางไปแสนกิโลเมตรก่อนที่เมืองจะปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา เจี้ยนเฉินบินตรงไปที่นั่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงที่กลางเมือง สายตาของเขาก็หยุดนิ่งทันที เขามองไปที่ข้างล่างทันทีก่อนที่จะลดระดับลงอย่างรวดเร็วลงไปที่ถนนที่วุ่นวาย
ตรงหน้าเจี้ยนเฉินมีสิ่งผลูกสร้างเหมือนปราสาทอยู่ มันโอ่อ่ามาก ในขณะที่คนหลายคนกำลังผ่านเข้าออกที่ประตูทางเข้าหลัก มันดูจอแจ
“สมบัติจากต่างแดน ! ” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่เขาอ่านตัวหนังสือที่สวยงามบนหินสลัก จากนั้นเขาก็เข้าไปพร้อมกับสายตาเป็นประกายตื่นเต้น
“ท่านนักรบที่เคารพ มีอะไรให้ข้ารับใช้บ้างวันนี้?” ทันทีที่เขาเข้าไปในอาคาร เจ้าหน้าที่ที่เป็นมิตรกับผู้คนก็วิ่งมาด้วยตัวของเขาเอง เขายิ้มในขณะที่เขาเดินไปรอบ ๆ คนทั้งสาม เห็นได้ชัดว่าเขากระตือรือร้นมาก
“พาข้าไปชั้นห้า” เจี้ยนเฉินแสดงอำนาจและโยนเหรียญผลึกจำนวนมากไปที่เจ้าหน้าที่ เขาทำตัวร่ำรวยซึ่งดึงดูดสายตาที่สงสัยของคนใกล้ ๆ
“รสนิยมของท่านนักรบเหนือกว่าคนธรรมดาจริง ๆ ชั้นที่ห้าของร้านพวกเราเก็บสิ่งของที่มีราคาแพงที่สุดเอาไว้ คนธรรมดาไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้าไปที่นั่น เฉพาะคนที่สำคัญเหมือนท่านนักรบนี้เท่านั้น….” เจ้าหน้าที่ปิติยินดีหลังจากที่ได้รับเหรียญผลึกจำนวนมากอย่างง่ายดาย เขาเริ่มที่จะกล่าววาจาประจบเจี้ยนเฉิน
“หุบปากแล้วนำทางไป” เจี้ยนเฉินค่อนข้างหยาบคาย
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ข้าจะพาไปทันที กรุณามาทางนี้ ท่านนักรบ” ชายคนนั้นรีบผายมือออกไปทันทีเมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินไม่พอใจ เขาพาเจี้ยนเฉินตรงไปที่บันได
เจี้ยนเฉินมาถึงชั้นที่ห้าจากการนำทางของชายนี้ พื้นที่ชั้นที่ห้านั้นเหมือนชั้นที่หนึ่งแต่มีสิ่งของน้อยกว่าอยู่ที่นี่ มีของน้อยมากแต่ทุก ๆ ชิ้นก็มีค่ามากเช่นกัน คนมากกว่ายี่สิบคนในชุดหรูหรากำลังตรวจสอบสมบัติอยู่ที่ชั้นนี้
ท่ามกลางผู้คนมากมาย มีหญิงผอมเพรียวในชุดขาวที่เตะตาที่สุด นางมีใบหน้าที่มีเสน่ห์ในขณะที่ผิวของนางสีขาวและนุ่มมาก ตาของนางกระจ่างเหมือนน้ำฤดูใบไม้ร่วง แต่ก็มีความเย็นชาอย่างไร้ปรานีเผยให้เห็นว่าไม่พอใจคนที่ขัดขวางนางอยู่ เมื่อยืนอยู่กับคนอื่น นางเหมือนดอกไม้ท่ามกลางมูลสัตว์ นั้นเห็นได้ว่านางโดดเด่นเพียงใดและไม่สามารถเพิกเฉยได้
ขุนนางที่มาที่นี่เพื่อสมบัติต้องลอบชำเลืองมองไปที่นางครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าพวกเขาจะจ้องอยู่ที่สมบัติ แต่ใจของพวกเขาก็ลอยไปไกลแล้ว
ข้าง ๆ หญิงคนนั้น มีชายหนุ่มที่ดูมั่นใจและแต่งตัวดียืนอยู่ รอยยิ้มเป็นประกายอยู่บนใบหน้าของเขาในขณะที่เขากำลังคุยกับหญิงคนนั้น สายตาของเขาที่มองไปที่นางเต็มไปด้วยความหลงใหลเพราะว่าเขายากที่จะเก็บกดความรักที่มีในใจได้
ข้าง ๆ ชายหนุ่มมีชายวัยกลางคนอีก 2 คนที่แต่งตัวธรรมดา พวกเขาไร้อารมณ์ใด้และเย็นชา พวกเขาเป็นเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6
มันเป็นข้อห้ามที่จะต่อสู้กันในเมืองที่อาณาจักรทะเล อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมีเซียนสวรรค์ 2 คนคอยตามเขาไปรอบ ๆ แม้ว่าเขาจะอยู่ในเมือง ดังนั้นฐานะของเขาต้องดีพอควร เขาต้องเป็นนายน้อยของเผ่าใหญ่แน่
“แม่นาง ข้าแนะนำตัวเองไปแล้ว ข้าขอถามชื่อของเจ้าและตระกูลที่เจ้ามาได้หรือไม่ ? และเจ้าฝึกฝนอยู่ในขั้นไหนแล้ว ? ” ชายหนุ่มข้างหญิงนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่น เขาดูเป็นมิตรมาก
ชายคนนั้นถูกเรียกว่า หนานหยุนลี่ ลูกคนเล็กสุดของตระกูลหนานหยุน ทวดของเขาเป็นหัวหน้าตระกูลในตอนนี้
บางทีทุก ๆ คนในรัศมีหลายแสนกิโลเมตรอาจจะรู้เรื่องของตระกูลหนานหยุน พวกเขาเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมีจอมยุทธ 15 ดาว 2 คน พวกเขามีพลังที่สุดยอดในเขตนี้และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นองค์กรชั้นหนึ่ง พวกเขาควบคุมเผ่าขนาดกลางหลายเผ่าและเผ่าที่อยู่ต่ำกว่าพวกเขาซึ่งทำให้อำนาจของพวกเขาขยายไปมากขึ้นกว่าเดิม
หญิงคนนั้นเย็นชาและไม่สนใจหนานหยุนลี่ที่พูดพล่ามอยู่ข้าง ๆ นาง นางจ้องตาไม่กระพริบไปที่กระบี่ยาว 1.2 เมตรที่อยู่ข้างหน้านางด้วยสายตาเย็นชา
กระบี่นั้นกว้างเพียงขนาด 2 นิ้วชี้ ใบดาบของมันแวววาวเหมือนกระจก เมื่อมันส่องแสงมัวมัวออกมา พลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวไหลอยู่ภายในมัน
ในตอนนี้ ท่าทางของหญิงผู้นั้นก็เปลี่ยนไป นางมองไปที่ข้างหลังนางทันทีและจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เย็นชาของนาง ตาของนางหรี่เล็กลงในตอนที่นางเห็นเจี้ยนเฉินและนางกัดฟันของนางอยู่ในตอนนี้
หญิงคนนั้นคือฉิงยี่หยวนหนึ่งในแปดสุดยอดจอมยุทธมนุษย์
ท่าทางของซี่หวังเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นนาง เขาส่งข้อความทางจิตใจ “บ้าเอ้ย ทำไมนางถึงอยู่ที่นี่ เจี้ยนเฉิน เจ้ามาที่นี่โดนไม่มีเหตุผลอะไรทำไม ? พวกเราไม่มีแม้แต่เวลาที่จะซ่อนตัวจากนาง แต่เจ้าก็ยังเข้าไปหานางเอง เจ้าจะทำให้ตัวเองอยู่ในอันตรายอย่างนั้นหรือ ? “
เจี้ยนเฉินไม่สนใจซี่หวัง หลังจากที่มองไปที่ฉิงยี่หยวนและหนานหยุนลี่ เขาก็เผยท่าทางแปลก ๆ ออกมา อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปที่ฉิงยี่หยวนทันที ก่อนที่จะหยุดตรงหน้ากระบี่นั้น
ตาของเจี้ยนเฉินหยุดไปที่กระบี่และตาของเขาลุกโชนไปด้วยคาวมกระตือรือร้นเหมือนกับว่าเขาได้เห็นสมบัติที่เป็นที่สุด เขาเริ่มหลงใหลในมัน เขารู้ว่ากระบี่ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นคืออาวุธที่ทรงพลังกว่ากระบี่สังหารมังกรหลายเท่านัก
เจี้ยนเฉินสัมผัสด้ามของกระบี่ด้วยมือที่สั่นเทา ในตอนที่เขาสัมผัสมัน ปราณกระบี่ที่แหลมคมก็พุ่งออกมา มันตัดเข้าไปในร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินและทำให้ฝ่ามือของเขาบาดเจ็บ เลือดเริ่มไหลออกมาจากแผลทันที
เจี้ยนเฉินตกใจในใจเมื่อเขารู้สึกถึงความเจ็บบนมือของเขา พลังของกระบี่นั้นเหนือเกินกว่าที่เขาจินตนาการ เขาไม่คิดเลยว่าแค่ปราณกระบี่จะทรงพลังถึงขนาดทำลายการป้องกันของร่างบรรพกาลได้ ถ้าเป็นคนอื่น ผลลัพธ์คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้
แค่เขาคิด พลังบรรพกาลในปราณของเขาก็เริ่มที่สูบฉีดสายพลังบรรพกาลออกมา มันเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาไปจนถึงขีดสุด ก่อนที่เขาจะจับไปที่ด้ามของกระบี่อีกครั้ง
ในตอนที่เขาสัมผัสกับมัน ปราณกระบี่ที่แหลมคมก็พุ่งออกมา มันทิ้งรอยสีขาวไว้ที่มือของเขาแต่มันก็สร้างความเสียหายให้กับเจี้ยนเฉินไม่ได้แล้วในตอนนี้
แววแห่งความประหลาดใจเกิดขึ้นที่นัยน์ตาของฉิงยี่หยวนเพราะนางรู้ดีว่ากระบี่นี้ทรงพลังเพียงใด นางตกใจในความแข็งแกร่งของร่างกายของเจี้ยนเฉิน
“นะ นี่เป็นอาวุธที่เหลือทิ้งไว้จากจอมยุทธมนุษย์ที่ตายไปแล้วจากควาชรา มันน่าจะเป็นยุทธภัณฑ์ราชาที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9” ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่าประหลาดใจ เขาจ้องเขม็งไปที่กระบี่และสังเกตมัน
จิตใจของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่ในตอนที่เขาได้ยินอย่างนั้น เขายกกระบี่ขึ้นมาเพื่อสำรวจรายละเอียด และทันใดนั้นเองเขาก็เผยให้เห็นถึงท่าทีที่ประหลาดใจ เขาพึมพำ “ยุทธภัณฑ์ราชา มันช่างสมกับที่เป็นอาวุธที่เหลือทิ้งไว้จากเซียนราชาในชั้นสวรรค์ที่ 9 จริงจริง มันทรงพลังแบบไม่ธรรมดา กระบี่นี่เหมาะกับข้าดี”
“ปล่อยยุทธภัณฑ์ราชาไปเถอะ เจ้าไม่เหมาะกับมันด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้” ฉิงยี่หยวนพูดกับเจี้ยนเฉินในขณะที่นางมองเขาอย่างเย็นชา ความเกลียดของนางที่มีต่อเจี้ยนเฉินกัดเซาะหัวใจของนางแต่เขาอยู่กับผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่า ดังนั้นนางจึงทำอะไรเขาไม่ได้
“ใครบอกว่าข้าไม่เหมาะสมกับมัน ? ข้าจะเอายุทธภัณฑ์ราชานี้ไป เสี่ยวเอ้อ อาวุธนี่ราคาเท่าไหร่ ? ” เจี้ยนเฉินเทความสนใจลงไปในยุทธภัณฑ์ราชา เขาตื่นเต้นมาก กระบี่สังหารมังกรของเขาในตอนนี้ได้รับความเสียหาบเล็กน้อยและถ้าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นในอนาคต ผลของมันในการเพิ่มพลังให้กับเขาคงลดลงในอนาคต ถ้าเขาสำเร็จร่างบรรพกาลขั้น 3 กระบี่คงทนพลังบรรพกาลไม่ได้ ยุทธภัณฑ์ราชาที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 มาแก้ปัญหาในจุดนั้นได้พอดี
อีกทั้ง ยุทธภัณฑ์ราชายังทรงพลังมากกว่ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมาก เจี้ยนเฉินเชื่อว่าเขาคงต่อกรกับเซียนราชาได้ด้วยมัน ถ้าเซียนราชาผู้นั้นไม่ทรงพลังมากจนเกินไป