ตอนที่ 901: ความขัดแย้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 901: ความขัดแย้ง

เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินต้องการที่จะซื้อยุทธภัณฑ์ราชา ท่าทางของฉิงยี่หยวนจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเอ่ยออกมา “ข้าสนใจกระบี่นั่นก่อน ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์ที่จะซื้อมันก่อน เจ้าไม่มีโอกาสนั้นหรอก” ฉิงยี่หยวนเป็นจอมยุทธทางด้านกระบี่ รูปร่างของอาวุธเซียนที่นางใช้นั้นเกือบเหมือนกันเป๊ะกับยุทธภัณฑ์ราชานี้ มันจะทำให้นางยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก นางจะมีพลังที่จะเอาชนะระดับความแตกต่างในการฝึกฝนของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้

ดังนั้น ฉิงยี่หยวนจึงได้ปฏิญาณว่าจะเอายุทธภัณฑ์ราชานี้มาให้ได้ แม้ว่ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎจะมีอยู่ค่อนข้างมากในอาณาจักรทะเล แต่ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎก็ไม่เหมาะกับความแข็งแกร่งของนาง เฉพาะยุทธภัณฑ์ราชาและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเท่านั้นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้นางได้ แต่อาวุธทั้งสองประเภทนี้หายากมากในแม้แต่ในทวีปเทียนหยวน อย่าว่าแต่ในอาณาจักรทะเลที่ที่มีมนุษย์ประปรายเลย

“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านต้องการกระบี่ ทำไมท่านไม่ซื้อมันหลังจากที่จ้องมันอยู่นานขนาดนั้นล่ะ ? กระบี่อยู่ในมือข้าแล้วตอนนี้ ข้าจะเอามันไป” เจี้ยนเฉินพูดอย่างแน่วแน่ การใช้ยุทธภัณฑ์ราชาของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเอามันมาให้ได้ แม้ว่ามันจะต้องเป็นการทำให้ฉิงยี่หยวนโกรธก็ตาม เพราะทั้งสองคนก็เป็นศัตรูกันอยู่แล้ว เขาไม่สนใจว่ามันจะทำให้นางโกรธมากขึ้น

ฉิงยี่หวนโกรธจนหน้าซีด นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉินในด้วยตาที่เต็มไปด้วยไฟโทสะในขณะที่นางพูดอย่างเย็นชา “ข้าได้จองกระบี่เอาไว้แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นของข้า เข้าไม่สามารถซื้อมันได้จนกว่าข้าจะยกเลิกการซื้อมัน”

“ข้าต้องการกระบี่เดี๋ยวนี้ ข้าสงสัยว่าข้ามีสิทธิ์ที่จะซื้อก่อนคนที่จองหรือเปล่า ? ” เจี้ยนเฉินถามออกมาเสียงดัง แต่ตาของเขาจ้องไปที่ชายชราที่เดินเข้ามา พลังแห่งการมีอยู่ของเขารั่วไหลออกมา เขาเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 และเจี้ยนเฉินก็รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้านที่นี่

“ท่านนักรบทั้งสองมีสายตาที่แหลมคมจริงจริง ข้าเพิ่งได้รับยุทธภัณฑ์ราชานี้มาและพึ่งจะเอามาออกขายได้ 3 วัน ตอนแรกข้าคิดว่าจะไม่มีใครซื้อมันแล้ว ข้าเลยวางแผนที่จะเอามันไปเข้าร่วมการประมูลครั้งใหญ่ที่จะถึงในไม่อีกกี่วันนี้ ไม่คิดเลยว่าข้าจะเจอคนที่สนใจในมันเร็วขนาดนี้ มันทำให้ข้าคนนี้ประหลาดใจเสียจริง” เจ้าของร้านหัวเราะคิกคักในขณะที่เขาเดินมา เขาแอบดูเจี้ยนเฉินและฉิงยี่หยวนและเข้าใจว่าทั้งสองคนนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ทรงอิทธิพลแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะทำให้ทั้งสองคนนี้โกรธ

เจ้าของร้านมาถึงที่หน้ายุทธภัณฑ์ราชาและพูดต่อ “หญิงผู้นี้อาจจะสนใจในยุทธภัณฑ์ราชาก่อน แต่นางไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมในการจองหรือหารือกับร้าน ดังนั้นนักรบท่านนี้สามารถที่จะซื้อกระบี่นี้ได้ตามกฎ ตราบใดที่ท่านจ่ายเงินตามราคาที่บอก อาวุธก็จะเป็นของท่าน”

ฉิงยี่หยวนเริ่มกังวลทันทีที่นางได้ยินแบบนั้น นางพูดด้วยเสียงทุ้ม “เจ้าของร้าน ข้าต้องการกระบี่นั้นแต่ข้าไม่มีเหรียญผลึกมากพออยู่กับตัว ข้าจะติดต่อสหายสนิทของข้าเพื่อที่จะเอาเงินมา ดังนั้นท่านสามารถเก็บมันไว้ก่อนสักพักได้หรือไม่ ? “

“นี่…” เจ้าของร้านลังเลเล็กน้อย เขามีปัญหา

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนานหยุนลี่เมื่อเขาได้ยินว่าฉิงยี่หยวนไม่มีเงินมากพอ เขาพูด “ในเมื่อแม่นางชอบกระบี่ที่ถูกเรียกว่ายุทธภัณฑ์ราชานี้ ข้าจะซื้อมันเป็นของขวัญให้แก่ท่าน เจ้าของร้าน ข้าต้องการที่จะซื้อกระบี่นี้ เก็บเงินกับตระกูลหนานหยุนได้เลย มีคนที่มาพร้อมกับเงินในมืออยู่แล้ว” ในขณะที่หนานหยุนลี่พูด เขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางยั่วยุ เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้กระจอกแต่เขาก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะเขาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลหนานหยุนที่มีจอมยุทธ 15 ดาวถึง 2 คน

รอยยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปากของเจี้ยนเฉินเมื่อเขาสังเกตเห็นสายตาของหนานหยุนลี่ เขาสามารถบอกได้เลยว่าหนานหยุนลี่เป็นคนที่เสื่อมทรามที่มาจากครอบครัวร่ำรวยเพียงแค่มองปราดเดียว เขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายุทธภัณฑ์ราชาคืออะไร

“เจ้าของร้าน ข้าขอสอบถามราคาได้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม

“50 ล้านเหรียญผลึกชั้นยอด” เจ้าของร้านพูด

“อะไรนะ! หะ หะ ห้าสิบล้านเหรียญผลึกชั้นยอด” หนานหยุนลี่กระโดดตัวลอยด้วยความตกใจเมื่อเขาได้ยินราคาเข้า เขาถามอย่างเหลือเชื่อ “เจ้าของร้าน เจ้ามั่นใจใช่ไหมว่าราคาถูกต้องแล้ว ? กระบี่แบบนั้นจะไปมีราคาถึง 50 ล้านเหรียญผลึกชั้นยอดได้อย่างไร?”

“นายน้อยหนานหยุนลี่ ท่านอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับที่มาของอาวุธนี้ ถ้าอาวุธนี้อยู่ที่ทวีปเทียนหยวนล่ะก็ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการแย่งชิงนองเลือดใหญ่โตเลยหล่ะ 50 ล้านเหรียญผลึกชั้นยอดเป็นราคาที่ต่ำมากแล้ว” เจ้าของร้านอธิบาย

“หะ หะ ห้าสิบล้านเหรียญ ทำไมถึงได้แพงจัง ? ” หนานหยุนลี่เผยให้เห็นท่าทางหวาดกลัวออกมา เขารู้สึกแปลกอย่างมาก เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทวีปเทียนหยวนเลย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้คุณค่าของอาวุธนี้ ในตอนแรกเขาตั้งใจที่จะซื้อมันให้เป็นของขวัญแก่หญิงที่น่าดึงดูดใจข้าง ๆ เพื่อที่เขาจะได้เอาชนะใจนางได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่า ยุทธภัณฑ์ราชาจะแพงขนาดนี้และมีราคาถึง 50 เหรียญผลึกชั้นยอด แม้แต่ตระกูลของเขาเอง ราคานี้ก็ถือว่ามากเอาการอยู่ มันเป็นราคาที่เขาจ่ายไม่ได้

ฉิงยี่หยวนไม่แม้แต่แลตามองหนานหยุนลี่ นางโบกเหรียญตราต่อหน้าเจ้าของร้านแล้วพูด “เจ้าของร้าน นี่คือเหรียญที่ระบุตัวตนของข้า เจ้าให้เวลาข้าหน่อยได้หรือไม่ ? “

“นะ นี่..” ท่าทางของเจ้าของร้านเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาจำเหรียญตราที่อยู่ในมือของฉิงยี่หยวนได้

“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่มีอะไรแบบนั้น ข้าก็มีมันเช่นกัน เจ้าของร้าน นี่เป็นเหรียญแสดงตัวตนของข้า ข้าต้องการที่จะซื้อยุทธภัณฑ์ราชา” เจี้ยนเฉินตอบกลับพร้อมทั้งดึงเอาเหรียญตราสำหรับแขกของเขาออกมา

เจ้าของร้านหน้าซีดเมื่อเขาเห็นเหรียญตราของเจี้ยนเฉิน เขากระอักเลือดออกมาและถอยหลังกลับไปหลายก้าว สายตาที่เขามองเจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความกลัวในขณะที่ใจของเขาเริ่มวุ่นวาย

เขาเพิ่งได้เห็นร่างราง ๆ นั่งอยู่ที่โถงใหญ่จากในเหรียญตรานั่น มันเปล่งความกดดันอย่างมากออกมาที่สามารถสั่นไหวโลกได้ มันเหมือนพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และไร้เทียมทาน เขาจำร่างราง ๆ นี้ไม่ได้ แต่ตัวตนของร่างก็เหมือนจะเริ่มแวบเข้ามาในหัวของเขาเมื่อเขาเห็นร่างนี้ ร่างนั่นคือเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล หนึ่งในสุดยอดจอมยุทธของอาณาจักรทะเล

สายตาของเจ้าของร้านที่มองเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเพราะเขารู้ว่าคนที่เอาเหรียญแบบนี้ออกมาต้องเป็นคนที่สำคัญของศาลาแน่ แม้แต่คนที่คุมร้านอยู่เบื้องหลังก็ไม่กล้าที่จะทำให้คนแบบนี้โกรธ

“เจ้าของร้าน เจ้าจะขายยุทธภัณฑ์ราชาให้ใครในตอนนี้ ? ” เจี้ยนเฉินเก็บเหรียญตราและยิ้มในขณะที่เขามองไปที่เจ้าของร้านคนที่เพิ่งคืนสติจากการตกใจ

“ท่านนักรบที่เคารพ ข้ามีตาหามีแววไม่ ถ้าข้าทำตัวหยาบคายไปก่อนหน้านี้ ข้าหวังว่าท่านนักรบจะให้อภัยแก่ข้า แน่นอนว่าข้าจะขายยุทธภัณฑ์ราชาให้แก่ท่าน” ทัศนคติที่ของเจ้าของร้านที่มีต่อเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาสุภาพมากกับเจี้ยนเฉินในตอนนี้

หนานหยุนลี่อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาเห็นเจ้าของร้านปฏิบัติต่อชายหนุ่มนี่แบบนี้ มันทำให้แม้แต่เจ้าของร้านยังปฏิบัติตัวต่อชายหนุ่มผู้นี้อย่างสุภาพ แม้แต่ตัวตนของเขาในฐานะนายน้อยของตระกูลหนานหยุนยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกปฏิบัติอย่างสุภาพแบบนี้ได้

“และหญิงนางนี้คือใครกัน ? นางเพิ่งพูดว่านางต้องการที่จะซื้อยุทธภัณฑ์ราชานี้ที่มีราคาถึง 50 ล้านเหรียญผลึกชั้นยอด นั่นไม่ใช่ราคาที่ใครก็จ่ายได้แต่นางยังไม่แม้แต่จะสนใจเมื่อได้ยินราคานี้ และเหรียญตราที่นางแสดงขึ้นมาก่อนหน้านี้มันคืออะไรถึงได้ทำให้เจ้าของร้านตอบสนองแบบนั้น ? นั่นหมายความว่าตัวตนของนางนั้นยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรือ ? ” หนานหยุนลี่เริ่มคาดเดาก่อนที่เขาจะคิดบางอย่างได้ เขาดีใจในขณะที่คิดออกมา “ถ้าข้าผูกสัมพันธ์กับนางได้และได้กลายไปเป็นคู่หูในการฝึกฝนด้วยกัน สถานะของตระกูลพวกเราคงเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น” หัวใจของหนานหยุนลี่เริ่มพองโตไปด้วยความมั่นใจ พื้นฐานของเขานั้นดีมากและเขานั้นหล่อเหลามีเสน่ห์ เขาเชื่อว่าเขานั้นสามารถหลอมหัวใจที่เหมือนน้ำแข็งของหญิงคนนี้ได้ตราบใดที่เขาพยายาม

“แม่ทาง นี่ไม่ใช่แค่เพียงยุทธภัณฑ์ราชาหรอกหรือ ? ยังมีอาวุธอีกมากเช่นนี้ภายในอาณาจักรทะเล ข้าจะสั่งให้คนของตระกูลข้าไปตามหาของแบบนี้ทันทีที่ข้ากลับไป เจ้าน่าจะได้รับของที่เหมือนกับยุทธภัณฑ์ราชาแบบนี้โดยใช้เวลาไม่นาน ข้าขอถามชื่อและที่อยู่ของเจ้าได้หรือไม่ ? ถ้าข้าเจอยุทธภัณฑ์ราชาเข้า ข้าจะส่งมันไปให้กับท่านทันทีที่เป็นไปได้” หนานหยุนลี่เริ่มรุกคืบเข้าหาฉิงยี่หยวน

อย่างไรก็ตามปณิธานที่แน่วแน่ของหนานหยุนลี่ก็เป็นอันต้องพังทลายลง ฉิงยี่หยวนจ้องไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วพูดออกมา “ถ้าเจ้ากล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีกละก็ ข้าจะโยนเจ้าออกไปข้างนอกทันที”

หนานหยุนลี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อความกระตือรือร้นของเขาถูกหยุดด้วยคำพูดเย็นชานั่น เขาพูด “แม่นาง ข้าเป็น…” ในตอนที่เขากำลังจะพูดชื่อตระกูลให้ฉิงยี่หยวนตกใจ นางก็โบกมือขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ ทันใดนั้นเอง พลังที่มหาศาลก็ปะทะเข้ากับร่างของเขาและส่งเขาลอยไป เขากระแทกอย่างแรกเข้ากับหน้าต่างและหล่นลงไปที่ถนนด้านนอก

“เจ้ากล้าที่จะทำร้ายนายน้อยของตระกูลหนานหยุนได้อย่างไร!” องค์รักษ์ทั้งสองคนของหนานหยุนลี่คำรามออกมาทันที และพุ่งเขาไปที่นางพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ฉิงยี่หยวนก็โบกมือของนางเบา ๆ อีกครั้งและทั้งสองก็กระเด็นตามหนานหยุนลี่ออกไปด้านนอก พวกเขาถูกทำให้กระเด็นออกไปด้วยพลังมหาศาลและพุ่งออกทางหน้าต่างไปยังถนนด้านนนอก

แม้ว่าเจ้าของร้านจะเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นนนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหยุดนาง เพราะว่าเขานึกถึงเหรียญตราสำหรับแขกของนาง

เจี้ยนเฉินดึงเหรียญผลึกกองใหญ่ออกมาจากแหวนมิติของเขาก่อนที่จะยืนบางส่วนมาจากผู้อาวุโสสูงสุด เขารวบรวมเงิน 50 ล้านเหรียญผลึกชั้นยอดและเอายุทธภัณฑ์ราชาไป และเก็บเอาไว้ในแหวนมิติภายใต้สายตาที่เกรี้ยวกราดของฉิงยี่หยวน

“ลาก่อนผู้อาวุโส” เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่ฉิงยี่หยวนก่อนที่จะกระโจนออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับซี่หวังและผู้อาวุโสสูงสุด พวกเขาพุ่งขึ้นไปที่ท้องฟ้า

ฉิงยี่หยวนจ้องไปที่ร่างนั้นที่บินจากไปด้วยใบหน้าที่หมองหม่น ในตอนแรก เจี้ยนเฉินได้ขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดหลังจากนางได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเพื่อที่จะได้มันมา และในตอนนี้เขาก็ได้เอายุทธภัณฑ์ราชาที่มีค่าต่อนางมากไปอีก มันทำให้ความเกลียดของนางพุ่งไปถึงขีดสุด

“เจ้าเป็นไอ้หนูคนแรกที่กล้าทำโอหังอย่างตั้งใจแบบนี้ต่อหน้าข้า ต้องมีสักวันที่เจ้าจะเสียใจกับการที่เจ้าเลือกทำแบบนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเต่าแก่นั่นจะปกป้องเจ้าได้ไปตลอดชีวิต” ฉิงยี่หยวนกัดฟัน หลังจากนั้นนางก็หายไปจากอาคารในพริบตา

หนานหยุนลี่ที่สภาพแย่พุ่งขึ้นมาที่ชั้นห้าด้วยความโมโหทันทีที่นางจากไป เขาพูดอย่างมีโทสะ “นางกล้าที่จะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ได้อย่างไร นางไม่สนใจตระกูลหนานหยุนแม้แต่น้อย… หืม ? นางไปไหนกัน ? ” หนานหยุนลี่มองไปรอบ ๆ และเพิ่งรู้ว่าเจี้ยนเฉินและฉิงยี่หยวนได้หายไปแล้ว

“เจ้าของร้าน พวกนั้นไปไหนแล้ว ? พวกนั้นไปไหน ? หืม พวกมันคิดว่ามันไม่ง่ายไปหน่อยหรือที่จะหนีหลังจากที่ทำร้ายข้าไปแล้ว ? ” หนานหยุนลี่เรียกเจ้าของร้านในขณะที่เขาไม่มีใครให้ระบายโทสะของเขาเหลือแล้ว

เจ้าของร้านเหยียดหนานหยุนลี่ “นายน้อย คนเหล่านั้นดีมากแล้วที่ไม่ทำให้ท่านแย่ไปมากกว่านี้ ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว เจ้ายังต้องการที่จะไปหาพวกนั้นเพื่อล้างแค้นอีก ถ้าท่านต้องการที่จะทำเรื่องยุ่งยากให้พวกนั้น ตระกูลหนานหยุนของท่านก็ต้องถูกดึงเข้ามาเกี่ยวด้วยเช่นกัน ท่านรู้หรือเปล่าว่าหญิงนางนั้นเป็นใคร ? “

“ถ้างั้นก็บอกข้ามาว่าหญิงผู้นั้นเป็นใคร ข้าจะตามหานางแน่” หนานหยุนลี่เหยียดหยามออกมา

“หญิงคนนั้นมีเหรียญตราสำหรับแขกจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและนางไม่ใช่แขกธรรมดาของศาลาแน่ ข้าคิดว่านางคือฉิงยี่หยวน หนึ่งในแปดสุดยอดจอมยุทธมนุษย์ นักรบวิญญาณทะเล 16 ดาว” เจ้าของร้านเย้ยหยันออกมา

“อะไรนะ! เจ้าของร้าน จะ จะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ? หญิงผู้นั้นเป็นจอมยุทธ 16 ดาว?” หนานหยุนลี่ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดทันที