ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 66.1 นางคิดเช่นนี้ (1)

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ยอดฝีมือในที่แห่งนี้มาจากกองทัพ หอความลับสวรรค์และกรมอาญา พวกเขามีประสบการณ์เป็นตายมานับไม่ถ้วน เห็นภาพสยดสยองมามากมาย ว่าตามเหตุผลภาพที่น่าตกใจที่สุดก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาหัวใจเต้นรัวด้วยความกลัวได้ แต่การที่เด็กสาวชุดดำเลียเลือดที่มุมปากนั้นทำให้พวกเขารู้สึกกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน

คนที่มีจิตอ่อนแอเริ่มตัวสั่น ความกลัวนี้เหนือว่าประสบการณ์และความมีเหตุผลที่ผ่านมาทั้งหมดที่มีต้นกำเนิดจากส่วนลึกในวิญญาณของพวกเขา เป็นเสมือนว่าหลายปีจนนับไม่ถ้วนก่อนหน้าที่พวกเขาจะเกิดความกลัวนี้ก็ได้ฝังไว้ในวิญญาณของพวกเขาในดินแดนเหนือท้องฟ้าพร่างดาวก่อนแล้ว

เด็กสาวยืนอยู่ในหิมะ เท้าเปลือยเปล่า ข้อเท้าทั้งสองมีโซ่มัดอยู่ นางเหมือนกับนักโทษดูน่าสงสารอย่างมาก ทว่าตอนนี้ทุกคนที่ปากตรอกไม่มีจิตใจไปสนใจรายละเอียดเหล่านี้ พวกเขาถูกแช่แข็งจนขยับไม่ได้เพราะดวงตานางและพลังที่นางแสดงออกมา

ในสายฝนเลือดเนื้อ ดวงตาผลึกแก้วสีคู่นั้น ที่เคยบรรจุไว้ด้วยความบ้าคลั่ง กระวนกระวาย ระลึกถึงหรือหวาดกลัวได้เปลี่ยนไปเป็นความเย็นชาเท่านั้น

เป็นความเย็นชาต่อความตาย

นี่น่าตกใจเกินไป นางเป็นใครกัน

หลายคนได้สังเกตเห็นว่าเด็กสาวนี้มีนัยน์ตาแนวตั้งที่งดงามชั่วร้าย หรือว่านางจะเป็นสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวจากโลกนี้ สิ่งนี้เกี่ยวกับเมืองไป๋ตี้หรือเปล่า

บางคนหันไปทางส่วนกลางของตรอกไป๋ฮวาอย่างลืมตัว เสี่ยวเต๋อยอดฝีมือเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นกลางก็อยู่ที่นี่

ตอนที่คนพวกนั้นหันไปทางเสี่ยวเต๋อ พวกเขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง

เสี่ยวเต๋อมีท่าทางประหลาดมากในตอนนี้ ราวกับเขาติดโรคร้ายบางอย่าง ใบหน้าขาวซีด แม้ว่าจะอยู่กลางฤดูหนาวเขาก็ยังเหงื่อไหลไม่หยุด ไอน้ำลอยขึ้นจากผมและเสื้อคลุมหนัง ละเหยไปในท้องฟ้าราตรี แต่ก็ไม่อาจปกปิดความตกใจและหวาดกลัวในดวงตาได้

ในฐานะยอดขุนพลของเผ่าปีศาจและยอดฝีมือบนประกาศเซียวเหยา เสี่ยวเต๋อย่อมต้องมีความมั่นใจในตัวเอง ต่อให้เขาเผชิญหน้ากับหวังผ้อผู้น่าเกรงขามที่เขาไม่เคยเอาชนะได้ เขาก็ไม่มีทางตกใจขนาดนี้…มีแต่ตอนที่เขาพบกับนักศึกษาวัยกลางคนที่เป็นราชามารตอนอยู่ริมลำธารบนหานซาน ที่เขามีปฏิกิริยาคล้ายคลึงกันนี้!

ฝูงชนตกตะลึงกับภาพนี้และตั้งคำถามในใจอีกครั้ง

นางเป็นใครกัน

ทุกคนมองไปทางเด็กสาวชุดดำที่ปากตรอกอย่างหวาดกลัว

สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น

เด็กสาวพลันโค้งตัวและเริ่มอาเจียน

นางอาเจียนอย่างต่อเนื่องราวกับว่ามีแต่การอาเจียนเอาของในร่างออกมาจนหมด จึงจะทำให้นางสบายขึ้นได้

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ดูดีขึ้นและเหยียดร่างขึ้น

แต่เมื่อนางเห็นความเละเทะบนพื้น สีแดงแห่งความโกรธสองจุดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวของนาง

นางเริ่มย่ำเท้าบ่นอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ผมสีดำของนางปลิวไปรอบกาย นางดูเหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกทำให้ขุ่นเคืองและดูเหมือนจะโกรธมาก

เท้าขาวเปลือยเปล่าย่ำไปบนหิมะอย่างต่อเนื่อง โซ่สงเสียงอยู่ตลอด

โครม โครม โครม โครม!

เหมือนกับสีฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่องในตรอก หิมะสะเทือนและโลกก็กระวนกระวาย ลมเย็นอัดตัวแน่นอย่างน่าทึ่งแล้วก็หนีหายไปไกล

ปราณที่ทรงพลังเกินจินตนาการปรากฏขึ้น ฉีกกระชากทุกอย่างตอนที่นางกระทืบเท้า ไม่ว่าจะเป็นหิมะที่อ่อนนุ่มหรือหินที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลที่เพิ่งวางไว้คืนนี้หรือกำแพงเก่าทิศใต้ของตรอกไป๋ฮวาที่สร้างขึ้นเมื่อสามปีก่อน ล้วนแตกกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยภายใต้ปราณอันน่ากลัวนี้

ยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ในหิมะและความมืดไม่กล้ารั้งอยู่ พวกเขาถูกบีบให้พุ่งตัวไกลออกไปทีละคน

ชั่วขณะหนึ่ง พื้นที่ด้านนอกสำนักฝึกหลวงเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนและร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็หยุดกระทืบเท้า นางยืนก้มหน้า หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ

หิมะรอบทางเข้าของตรอกได้หายไปจนหมด และสิ่งสกปรกจากอาเจียนของนางก็หายไป ทิ้งไว้แต่พื้นดินเท่านั้น

รอยแยกลึกสิบกว่ารอยเกิดขึ้นบนพื้น อากาศร้อนลอยออกมาจากรอยแยกพวกนั้น

หลังจากระบายความโกรธ นางก็สงบลง นางไม่ได้โกรธอีกต่อไป แต่เมื่อนางเห็นเลือดบนร่าง นัยน์ตาแนวตั้งของนางก็เป็นประกายด้วยความโกรธขึ้นมาอีก

ในครั้งนี้โดยไม่รอให้นางเคลื่อนไหว ยอดฝีมือของราชสำนักก็โดดหนีขึ้นสู่อากาศ ไม่ต้องการอะไรนอกไปจากหนีออกไปจากจิงตู

แม้แต่ยอดฝีมือนิกายหลวงที่ล้อมตรอกอยู่ห่างๆ ก็ถอยไปอย่างลืมตัวไปหลายสิบจั้ง

โชคยังดีนางไม่ได้บ้าคลั่งอีกครั้ง แต่รักษาท่าทีเอาไว้ได้

เพียงเหลียวมอง คราบเลือดบนร่างนางก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งด้วยความเย็นเยียบที่สุดและร่วงลงสู่พื้น

นี่ดูเป็นการกระทำที่เรียบง่ายอย่างมาก แต่ในสายตาผู้บำเพ็ญเพียรขั้นรวบรวมดวงดาวในความมืด มันช่างน่าเหลือเชื่อ

การที่สามารถลดอุณหภูมิมากขนาดนี้ในเวลาอันสั้น ต้องมีปราณแท้มากมายแค่ไหน บริสุทธิ์เพียงไร

ต่อให้ยอดฝีมือขั้นเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างแปดมรสุมอยู่ที่นี่ ใครจะเสียปราณแท้มากขนาดนี้เพื่อทำความสะอาดกัน

ฝูงชนตกตะลึงอีกครั้ง ตั้งคำถามในใจอีกครั้ง

นางเป็นใครกัน

……

……

เด็กสาวชุดดำไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไร ไม่สนเช่นกัน นางไม่สนเลยว่าพวกเขาคิดอะไรกัน

นางเดินตรงไปในตรอก โซ่ที่ข้อเท้าลากไปกับพื้นด้านหลัง เสียงครืดๆ ดังปานเสียงฟ้าร้อง

ร้านน้ำชาที่อยู่ร่วมการรุ่งเรืองตกต่ำของสำนักฝึกหลวงได้เห็นการต่อสู้มากมายในการประลองยุทธ์ระหว่างสำนักได้พังลงในที่สุด ร้านน้ำชาที่พังลงไม่ได้ส่งฝุ่นควันลอยขึ้นเพราะตอนที่มันถล่ม มีพายุหิมะพัดลงมาจากท้องฟ้าและฝังมันเอาไว้ใต้ชั้นหิมะหนา ปิดบังเศษหินและฝุ่นเอาไว้ด้านล่าง

นางเดินเข้าไปในลมหิมะ และลมหิมะก็เปิดทางให้

ในฐานะตัวแทนของสายโลหิตที่บริสุทธิ์และสูงส่งที่สุด บางทีอาจเป็นมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ นางมีอำนาจเหนือลมหิมะอยู่เสมอ

เมื่อนางปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำร้างนางไม่รู้ว่าจะไปไหน ดังนั้นนางจึงไปที่สำนักฝึกหลวง

แน่นอนว่าเป็นเพราะก่อนที่ใบไม้ครามเริ่มดึงโซ่ออกมาจากผนังหิน นางได้มอบคำสัญญาออกไป

แม้ว่านางเดินผ่านหิมะตลอดทางจากสะพานอุดรใหม่มาถึงที่นี่ นางก็ไม่เคยรู้สึกหนาวเลย ในทางกลับกันแก้มนางค่อนข้างร้อน

เป็นเพราะอิสรภาพนั้นรู้สึกดีจริงๆ หรือบางทีอาจเพราะนางจะไปพบเขาด้วยร่างที่เป็นอิสระ

แต่เมื่อนางมาถึงตรอกไป๋ฮวา นางก็รู้สึกกระวนกระวายและกลัว เพราะมีคนมากมายซ่อนตัวอยู่ในความมืด

คนพวกนี้อาจเป็นยอดฝีมือของมนุษย์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจข่มขู่นางได้ แต่ก็มากพอจะสร้างปัญหาให้กับนาง

ทว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับความกระวนกระวายและหวาดกลัวของนาง นางรู้สึกเช่นนี้ก็เพราะ…นางกลัวฝูงชน

หลายปีก่อนตอนที่นางเดินทางจากทะเลใต้อันอบอุ่นมายังดินแดนที่แปลกประหลาดเพื่อค้นหาบิดา นางก็ถูกฝูงชนล้อมไว้ครั้งหนึ่ง

นางไม่ชอบฝูงชนที่ล้อมรอบกายนางราวกับมด นางคิดว่ามันน่าขยะแขยงและทำให้นางกระวนกระวาย

นางรู้สึกว่าคำอธิบายที่เฉินฉางเซิงบอกนั้นถูกต้องทีเดียว สิ่งนี้เรียกว่า ‘ความกลัวฝูงชน’

นางรู้สึกรำคาญไม่ว่านางจะบินอยู่กลางอากาศหรือเดินบนพื้น จะมีคนชี้มาที่นางเสมอแล้วส่งเสียงตะโกนไม่ก็ร้องไห้

นางไม่เข้าใจ นางไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยแล้วทำไมมนุษย์พวกนี้ถึงร้องไห้

เพราะพวกเขาอ่อนแอและหวาดกลัวเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่านางต้องขอโทษที่ตัวเองแข็งแกร่งหรืออย่างไร

นางคิดเช่นนี้