บทที่ 992 งานควบคุมสัตว์เริ่มขึ้น

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 992 งานควบคุมสัตว์เริ่มขึ้น
เวินเส้าหยียิ้มอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงประดุจดังสายน้ำใสสะอาดเย็นชุ่มฉ่ำ ไพเราะ

“พวกท่านอายุมากกว่าเวินฉู่ ข้าเป็นคนรุ่นหลังจะนั่งหน้าได้อย่างไร ขอเรียนเชิญ…..”

เขาไม่พูดยังดี เมื่อพูดออกมาผู้หญิงทุกคนต่างหลงใหลอีกครั้ง

เสียงนี้ไพเราะมากเลย ราวกับเสียงจากสวรรค์

ที่แท้…..

หัวหน้าตระกูลเวินมีชื่อเรียกว่าเวินฉู่

ชื่อเรียกเหมือนอย่างตัวเขา อ่อนโยนถ่อมตน มีเสน่ห์น่าหลงใหล

เสด็จอาเสวี่ยกับประมุขอีกสามคนพยักหัวอย่างชื่นชม

ถึงเวินฉู่จะอายุไม่เยอะ มารยาทกลับไม่เลว

หัวหน้าตระกูลไป๋หลี่นั่งลงบนที่นั่งด้านขวาอย่างไม่เกรงใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อหัวหน้าตระกูลเวินไม่นั่ง งั้นข้าตระกูลไป๋หลี่นั่ง คนอื่นไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”

หัวหน้าตระกูลซ่างกวนพูดขึ้นมาอย่างเหน็บแนมว่า “คนบางคนหน้าหนาจริงๆ ไม่กลัวที่จะอายุสั้น ยังไงก็จะแย่งชิงความสูงต่ำ เราพูดโน้มน้าวเจ้า คนที่รู้คือหวังดีต่อเจ้า คนไม่รู้จะคิดว่าแย่งชิงอันดับหนึ่งกับเจ้า”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ พวกผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่ต่างไม่พอใจ แม้แต่พวกลูกศิษย์ก็ไม่พอใจ

จู่ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป กลิ่นเขม่าควันจากดินระเบิดปลายปืนค่อยๆฟุ้งกระจาย

หัวหน้าตระกูลไป๋หลี่พูดขึ้นอย่างฝืนยิ้มว่า “คนบางคนกินองุ่นไม่ถึง แล้วเที่ยวพูดว่าองุ่นนั้นเปรี้ยวมั้ง เขาอยากแย่งอันดับหนึ่ง ก็ต้องมีความสามารถนั้น”

หัวหน้าตระกูลซ่างกวนยังไม่ทันพูดอะไร ซ่างกวนชิงก็พูดขึ้นมาอย่างโมโหว่า “เจ้าหมายความว่าตระกูลซ่างกวนเราไม่มีความสามารถหรือ?”

ผู้เฒ่าหนิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าว่าพวกเจ้าสองคน สู้กันมาเกือบทั้งชีวิตยังสู้กันไม่จบหรือ? หากยังสู้กันไม่จบก็ค่อยไปสู้กันเป็นการส่วนตัว วันนี้เป็นวันงานชุมนุมควบคุมสัตว์ เป็นช่วงเวลาของคนหนุ่มสาว พวกเจ้าคนแก่สองคนระงับอารมณ์หน่อย”

พวกนักเรียนที่อยู่ด้านล่าง ต่างคนต่างมองตากันปริบๆ

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า เป็นถึงหัวหน้าตระกูลใหญ่ ต่อหน้านักเรียนกลับทำตัว….แบบนี้…..

กู้ชูหน่วนสะกิดหนิงเทียนโย่ว พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลไป๋หลี่กับตระกูลซ่างกวนไม่ดีหรือ?”

“ก็ไม่ดีมาตลอด คนทั่วทั้งแผ่นดินปิงหลิงล้วนรู้หมด โดยเฉพาะครั้งนี้ตระกูลไป๋หลี่คิดว่าตระกูลซ่างกวนขโมยสิ่งของในหอสมบัติของพวกเขาไป ยังปล่อยสัตว์อสูรที่พวกเขาสะสมมานาน ส่วนตระกูลซ่างกวนก็คิดว่าตระกูลไป๋หลี่แย่งยาชั้นเลิศของพวกเขาไป จึงทำให้…..เจ้าเข้าใจดีแหละ…..”

กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง

อันนี้…..ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของนาง

เสด็จอาเสวี่ยพูดกล่อมขึ้นว่า “ประมุขทั้งสอง หัวหน้าตระกูลหนิงพูดถูก วันนี้เป็นวันงานชุมนุมควบคุมสัตว์ที่มีขึ้นในทุกๆสิบปี ความบาดหมางของพวกเจ้าทั้งสองคน รอให้งานชุมนุมควบคุมสัตว์เสร็จสิ้นก่อนค่อยจัดการเป็นการส่วนตัว”

“ที่นั่งทางด้านซ้ายยังไม่มีคนนั่ง หรือว่า….ยกให้หัวหน้าตระกูลซ่างกวน?” ตอนที่เสด็จอาเสวี่ยพูดขึ้นนั้น สายตามองดูผู้เฒ่าหนิง กลัวผู้เฒ่าหนิงไม่เห็นด้วย

ผู้เฒ่าหนิงตรงไปตรงมา เดินไปนั่งตรงที่นั่งรองขวา พร้อมถอนหายใจพูดขึ้นว่า “ข้าแก่ขนาดนี้แล้ว นั่งตรงไหนก็เหมือนกัน ที่นั่งหลักซ้ายยกให้เจ้า”

ถึงหัวหน้าตระกูลซ่างกวนจะไม่พอใจ แต่ก็ยังคงอดทนไว้ นั่งลงบนที่นั่งหลักซ้าย

ผู้จัดงานพูดขึ้นอย่างเสียงดังว่า “งานชุมนุมควบคุมสัตว์ที่จัดขึ้นในทุกๆสิบปีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ขอเพียงเป็นนักเรียนวิทยาลัยอี้เหอ ล้วนสามารถเข้าไปในหุบเขาสัตว์วิเศษร่วมงานชุมนุมควบคุมสัตว์ โดยมีกฎกติกาดังต่อไปนี้”

“หนึ่ง หุบเขาสัตว์วิเศษมีสัตว์อสูรมากมาย หากใครสามารถปราบพร้อมผูกสัญญา ก็จะได้สัตว์อสูรไปครอบครอง หากไม่รู้วิชาผูกสัญญา แล้วสามารถปราบสัตว์อสูรได้ สามารถออกมาให้อาจารย์ช่วยผูกสัญญาได้”

“สอง หากปราบสัตว์อสูรไม่ได้ ถูกสัตว์อสูรทำร้าย ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัย ทุกคนรู้จักประมาณกำลังตนเองด้วย”

“สาม ในหุบเขาสัตว์วิเศษนอกจากสัตว์อสูรแล้ว ยังมีหญ้าเซียนเห็ดหลินจือมากมาย ตลอดจนอาวุธวิเศษชั้นยอด ได้มาก็ยกให้เป็นของคนนั้น”

“สี่ ใครผูกสัญญากับสัตว์อสูรมากที่สุด คนคนนั้นก็คือผู้ชนะเลิศในงานชุมนุมควบคุมสัตว์ในครั้งนี้ ผู้ชนะเลิศ สามารถได้เป็นลูกศิษย์สี่ตระกูลใหญ่ กลายเป็นลูกศิษย์สายตรงของสี่ตระกูลใหญ่”

บทที่ 991 ตื่นตาตื่นใจ

บทที่ 993 มีแรงอาฆาต