ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 705 ตีหญ้าให้งูตื่น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หอสักการะหลักสำนักความมืดถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำลาย หอสักการะย่อยส่วนใหญ่เองก็พินาศไปด้วย

พวกโจวฮ่าวเซิงที่เป็นยอดฝีมือสำนักความมืดและลูกศิษย์ในสำนักส่วนใหญ่ ในตอนนี้ต่างพักอยู่ในที่ต่างๆ เช่นหอกระบี่ทะเลเหนือและเกาะมนุษย์สำริดชั่วคราว

ปัจจุบันราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพ คนในสำนักความมืดพากันแยกย้าย เพื่อยึดครองดินแดนกลับมา และเริ่มทำงานก่อสร้าง

หอสักการะหลักสำนักความมืดเมื่อครั้งอดีตซ่อนอยู่ในมิติ นั่นเป็นประโยชน์เมื่ออยู่ในสถานการณ์พิเศษ

หลังจากโดนทำลาย ก็ยากจะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิม ทว่าหอสักการะย่อยของแต่ละที่ สามารถสร้างขึ้นมาได้ใหม่

พวกเยี่ยนจ้าวเกอและโจวฮ่าวเซิง หลังจากบอกลากู้หงแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือแล้ว ก็ผละจากเกาะเพิงหินโม่ทันที

หอสักการะย่อยสำนักความมืดก่อนหน้ายังเหลืออยู่หอหนึ่งที่รอดมาได้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอมายังที่นี่ก่อน

เมื่อมาถึงก็หาที่พัก จอมยุทธ์สำนักความมืดต่างส่งคนออกไปสืบข่าว เพื่อยันยันถึงการเคลื่อนไหวของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องและสำนักแสงสว่าง

ตัวโจวฮ่าวเซิงได้สร้างแท่นพิธีกรรมขึ้น เริ่มเตรียมการเป็นครั้งสุดท้าย

แสงที่สลัวแต่กลับหนาหนักเหมือนกับม่านราตรี ขยายออกกลางอากาศ ครอบคลุมหอสักการะย่อยสำนักความมืดแห่งนี้ไว้ ดูเหมือนมีผลคล้ายกับค่ายกลป้องกัน

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านในกลับรู้สึกได้ว่า ฉากกำบังที่เหมือนกับม่านราตรีนี้ ยังสามารถกั้นเสียงได้ด้วย

ภายใต้ม่านราตรี ยอดฝีมือระดับสูงของสำนักความมืดที่มีโจวฮ่าวเซิงเป็นผู้นำ ทุกคนต่างถือชิ้นส่วนที่หลุดออกมาในตอนที่สร้างสุสานจักรพรรดิประกายกาฬไว้คนละชิ้น พร้อมกับถ่ายเทญาณจริงแท้ของตนเข้าไปกระตุ้น

ชิ้นส่วนโลหะครึ่งดำครึ่งขาวที่เยี่ยนจ้าวเกอครอบครอง วางอยู่ตรงกลาง

บัดนี้ชิ้นส่วนโลหะที่ดูธรรมดาในตอนแรกค่อยๆ ลอยขึ้น แล้วหยุดนิ่งกลางอากาศ

ลวดลายแสงสว่างที่ลี้ลับงดงามอันหนึ่งซึ่งค่อยๆ กลายเป็นรูปเป็นร่างโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง

แสงสว่างบนลวดลายค่ายกลเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด กะพริบด้วยจังหวะของตัวเอง แค่มองชิ้่นส่วนนี้ก็ทำให้รู้สึกได้แล้วว่าจิตพลังที่อยู่ด้านใน พัฒนากลายเป็นความลี้ลับของการตัดสลับระหว่างแสงและความมืดแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้อย่างเงียบๆ เห็นจุดสีดำที่เล็กกระจ้อยร่อยแต่กลับหนักอึ้งจุดหนึ่ง โผล่ขึ้นด้านในมิติอีกครั้ง

หลุมดำปรากฏขึ้นอีกหนึ่งแห่ง มิติที่อยู่รอบๆ บิดเบี้ยวแตกร้าว แต่ภายใต้ผลของลวดลายค่ายกล กลับมีเส้นทางเส้นหนึ่งโผล่ขึ้นอยู่รำไร

เส้นทางนั้นลวงตาไร้รูปร่าง การใช้ตาเนื้อมองดูไม่อาจสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของมันได้

แต่ว่าในความรู้สึก นั่นเป็นเส้นทางเส้นหนึ่งที่รอให้คนก้าวขึ้นไป มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ทอดไปถึงตัวตนบางอย่าง

โจวฮ่าวเซิงกล่าว “ศิษย์น้องอู๋ พวกเจ้ารักษาค่ายกลไว้ นอกจากนั้นให้เฝ้าอาณาเขตด้านนอกไว้ด้วย ป้องกันไม่ให้สำนักแสงสว่างหรือคนอื่นลอบโจมตี”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดส่วนหนึ่งที่มีอู๋จื่อซิวเป็นผู้นำตอบ “ขอรับท่านเจ้าสำนัก”

โจวฮ่าวเซิงสูดหายใจลึก พาผู้อาวุโสสำนักความมืดอีกส่วนหนึ่งไปยังด้านในมิติที่แตกร้าว

เยี่ยนจ้าวเกอตามไปด้วย หลังจากก้าวเข้าไปในมิติ กลับถูกกระแสปั่นป่วนของมิติที่หยุ่งเหยิงรอบๆ รบกวน เหมือนถูกพลังไร้รูปร่างกั้นไว้

ด้านในมิติที่สับสน มีเส้นทางไร้รูปร่างที่มองไม่เห็นอยู่สายหนึ่งจริงๆ

ทุกคนมุ่งหน้าไป มิติสีดำตรงหน้านี้แยกแยะทิศทางได้ยาก ไม่อาจจำแนกซ้ายขวา มืดสลัว ไร้แสงสว่าง

คิดจะพิจารณาทิศทางในการมุ่งหน้า ได้แต่ก้าวไปตามเส้นทางที่เหมือนไม่มีอยู่นั้นเท่านั้น

ถ้าหากคนที่ร่วมทางไม่พูดอะไร เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ในมิติความมืด

การข้ามผ่านสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบ ความจริงเป็นการเคี่ยวกรำจิตใจของผู้คนอย่างหนึ่ง หากผ่านไปนานเข้า จะทำให้ผู้คนที่มีจิตใจแน่วแน่คลุ้มคลั่งได้

แต่ว่าพวกโจวฮ่าวเซิงกลับมีสีหน้าสงบนิ่ง รู้สึกสบายใจยิ่ง

สำหรับจอมยุทธ์สำนักความมืดอย่างพวกเขาแล้ว คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้มากที่สุด

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกบางอย่างได้ในขณะที่เดินทาง ‘ความมืดถึงขีดสุดให้กำเนิดสรรพสิ่ง ความมืดสุดขีดก่อเกิดแสง ต้อนรับแสงสว่างถึงขีดสุด นี่เหมือนกับความมืดก่อนแสงสว่าง’

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ที่เดินทางกับเขา ต่างก็รออยู่ในวังฝูงมังกร ไร้อุปสรรคใด

หญิงสาวพูดว่า “จักรพรรดิประกายกาฬกับยอดฝีมือระดับสูงจำนวนมากของสำนักประกายกาฬไปแล้วไปลับ กำแพงเอียงผู้คนผลักซ้ำ ไม่เพียงแต่คู่แค้นในวันวานมาทวงแค้นเท่านั้น ยังมีคนที่หมายตาของวิเศษที่อยู่ในสำนักประกายกาฬมาช่วงชิง เร่งการล่มสลายของสำนักประกายกาฬ”

“ของวิเศษส่วนใหญ่ในสำนักประกายกาฬล้วนถูกผู้คนชิงไป จนกระทั่งตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักอย่าง สำนักความมืดถึงกับไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยคุ้มครองสำนัก สำนักแสงสว่างเองก็มีแค่กงจักรสุริยันจันทราชิ้นเดียว”

“แต่สุสานจักรพรรดิประกายกาฬในตำนานที่น่าจะซ่อนสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักประกายกาฬเอาไว้ กลับไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมาโดยตลอด” เฟิงอวิ๋นเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “เกรงว่าจะมีคนไม่น้อยจับตาดูสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ในเมื่อพวกเขาหาไม่เจอ สายตาย่อมอยู่ที่สำนักแสงสว่างและสำนักความมืด”

ถึงแม้ว่าการล่มสลายของสำนักประกายกาฬจะผ่านมานานแล้ว ถึงแม้สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดจะไร้การพัฒนามาหลายปี

แต่คนที่หมายตาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ สมควรไม่ละทิ้งการจับตามองสำนักแสงสว่างและสำนักความมืด

ถึงอย่างไรสองสำนักนี้ก็เป็นการสืบทอดของสำนักประกายกาฬที่ดั้งเดิมที่สุด

หลักการที่ทุกคนทราบดีก็คือ หากคิดจะตามหาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ เบาะแสสมควรอยู่ที่สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืด

การเคลื่อนไหวของพวกโจวฮ่าวเซิงในตอนนี้ เหมือนกำลังยืนยันมุมมองนี้อยู่

เยี่ยนจ้าวเกอมองเงาหลังของโจวฮ่าวเซิง แอบพูดว่า “พวกโจวฮ่าวเซิงคงจะไม่ใช่ไม่ทราบถึงหลักการข้อนี้ สุสานจักรพรรดิประกายกาฬถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนา แต่พวกเขาก็สมควรทราบว่า ของต้องมาอยู่ในมือตนก่อน ถึงจะนับได้ว่าความฝันกลายเป็นจริงโดยสมบูรณ์ ไม่ควรหน้ามืดตามัว แบ่งลำดับความสำคัญไม่ถูก

“ถ้าหากข้าคิดไม่ผิด พวกเขาคงจะมีแผนการพิเศษแล้ว”

ขณะที่พูดอยู่ ก็เห็นโจวฮ่าวเซิงที่อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มใช้มือข้างหนึ่งแนบติดหน้าอก อีกข้างหนึ่งผลักออกไปด้านหน้า

ในมิติที่มืดมัวเบื้องหน้า พลันมีแสงจุดหนึ่งสว่างขึ้นมา

เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัว ‘เบาะแสที่อยู่ในมือของพวกเรา ไม่น่าจะยืนยันตำแหน่งที่แม่นยำของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬได้ถึงจะถูก…’

ครั้นคิดถึงตรงหนี้ จิตใจของเขาก็สั่นไหว คาดเดาได้คร่าวๆ ว่าโจวฮ่าวเซิงคิดทำอะไร

แทบจะในเวลาเดียวกัน มิติที่มัวซัวพลันสั่นไหวเล็กน้อย

เหมือนกับม่านสีดำถูกมีดเฉือนออกในชั่วพริบตา จากนั้นเปลวเพลิงสายหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาส่องสว่างมิติที่มืดสลัว ม้วนเข้าหาจุดแสงที่ปรากฏขึ้นในมิติอย่างกะทันหันนั้น

ทว่าในยามนี้ มิติอีกด้านหนึ่งก็สั่นไหวขึ้นเช่นกัน มีฝ่ามือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากความมืด

ฝ่ามือข้างนั้นใหญ่สุดเปรียบปาน แค่งอนิ้วก็เหมือนกับขยำดวงดาวได้ พร้อมกับที่หงายมือขึ้นบังแสงเพลิง ก็คว้าใส่แสงสว่างจุดนั้นไปด้วย

ต่อหน้าเปลวเพลิงและฝ่ามือนี้ ต่อให้เป็นโจวฮ่าวเซิง เจ้าสำนักความมืดที่อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย ก็ได้แต่รอคอยอย่างว่าง่าย ไม่กล้าลงมือวู่วาม

กระนั้นโจวฮ่าวเซิงก็ไม่ได้กระวนกระวาย สายตากลับลึกล้ำอย่างหยั่งคาด ตั้งใจกวาดมองรอบๆ

เมื่อเห็นท่าทางของเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็วางใจลงโดยสิ้นเชิง ‘คนที่วางแผนจะให้พวกเรานำทาง กลับไม่รู้ว่าพวกเราก้าวหน้าในการตามหาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬขนาดไหน ไม่รู้ว่าความจริงแล้วพวกเรายังไม่อาจยืนยันตำแหน่งที่แม่นยำของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬได้’

แสงสว่างจุดนั้นที่จู่ๆ ก็โผล่มาในความมืดก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่โจวฮ่าวเซิงแอบทำเอง!

การตีหญ้าให้งูตื่นของเขาเมื่อครู่ เป็นความจงใจ

เปลวเพลิงกับมือยักษ์ปะทะกันในมิติที่ไร้ขอบเขตอย่างรุนแรง ไม่มีใครยอมใคร กระจายทั่วสี่ทิศ

ทันใดนั้น ในความมืดที่คล้ายกับไร้จุดสิ้นสุด พลันมีความผันผวนที่รุนแรงส่งมา

กลิ่นอายที่น่ากลัวกว่าเดิมเหมือนกับถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล

วินาทีถัดมา แสงสว่างที่ะลานตาถึงขีดสุดสายหนึ่งสว่างขึ้น พลันครอบคลุมมิติเอาไว้ ทำให้เปลวเพลิงกับมือยักษ์ต่างสูญเสียสีสัน