ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 706 ไม่สำเร็จก็ขอตาย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

แสงสว่างที่ละลานตานั้นตอนแรกเป็นแค่จุดหนึ่งจุด สุดท้ายกับคลอบคลุมมิติไว้ทั้งมิติ

ไม่ใช่ประกายแสงส่องสว่างความมืดจากที่ไกลเข้าสู่ที่ใกล้อย่างละนิดๆ แต่มิติความมืดซึ่งอยู่โดยรอบเหมือนกับมีแสงสว่างเกิดขึ้นมา

โลกความมืดเบื้องหน้ากลายเป็นแสงสว่างในชั่วพริบตา

แสงและความมืดก่อเกิดการกลับตาลปัตรในช่วงสั้นๆ

เยี่ยนจ้าวเกอตาลุกวาว ‘นี่เป็นปฏิกิริยาของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬที่แท้จริง’

แสงละลานตาครอบคลุม กวาดทำลายเปลวไฟในชั่วอึดใจ อีกทั้งยังกระแทกมือยักษ์ที่เหมือนกับเด็ดดาวหยิบจันทร์ได้นั้นให้ถอยไป

ครั้งนี้ในมิติมีแสงสว่างจางๆ หมุนเวียนอีก ปราณสีเขียวหลายสายพลันปรากฏขึ้น จากนั้นก็รวมกันกันกลายเป็นต้นไม้สูงทะลุฟ้าขนาดยักษ์

ต้นไม้ต้นหนึ่งพุ่งลงมาในแสงสว่างด้านล่าง เหมือนทะลุฟ้าดิน

กลิ่นอายของต้นไม้ต้นนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเปลวเพลิงและมือยักษ์เสียอีก!

กระนั้นกลับถูกแสงละลานตาขวางกั้นไว้เช่นกัน พุ่งไปด้านล่างไม่ได้

ด้านในมิติพลันกระเพื่อมเหมือนกับคลื่นน้ำ มีตัวตนไร้รูปร่างอย่างหนึ่งแสดงร่างออกมาภายใต้การส่องแสงจากแสงสว่างที่กระจายไปทั้งสี่ทิศ

ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างไม่เคยพบเห็นคนผู้นี้มาก่อน

ในตอนที่โจวฮ่าวเซิงจงใจตีหญ้าให้งูตื่น คนผู้นี้ก็อดทนไม่ยอมเผยตัว

ทว่าขณะนี้ ภายใต้การส่องสว่างของแสง ในที่สุดเขาก็ไม่อาจซ่อนร่างได้อีก

ในเมื่อเผยร่องรอยออกมาแล้ว คนผู้นี้ก็ไม่ซ่อนตัวต่ออีก แต่เข้าใกล้พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับโจวฮ่าวเซิงโดยตรง

ร่างของเขามาถึงเบื้องหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนกับมองข้ามระยะห่างระหว่างมิติ ไม่มีการเว้นระยะใดๆ

แม้จะอยู่ในการส่องสว่างจากแสงที่ละลานตานั้น เขาก็มีแค่เค้าโครงเรียบๆ ยังคงเห็นหน้าตาไม่ชัด

เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาเคร่งขรึมขึ้น “คัมภีร์นภาความว่างเปล่า…”

บัดนี้แสงสว่างระยิบระยับเจิดจ้ามากกว่าเดิม ผลักคนที่คิดจะเข้าใกล้ผู้นี้ให้ออกไป

“หือ?” คนผู้นั้นแค่นเสียง กลิ่นอายที่เหมือนมีเหมือนไม่มีในตอนแรกระเบิดออกอย่างสะเทือนเลือนลั่น แข็งแกร่งถึงขีดสุด ทำให้มิติไร้ขอบเขตสั่นไหวไปพร้อมกัน

ทว่าพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ยังชนใส่แสงสว่างละลานตานั้น ถูกแสงขวางทางไว้

แสงสว่างม้วนพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับโจวฮ่าวเซิง ออกห่างไปไกลในพริบตา หายไปอย่างไร้ร่องรอย

มิติที่เหมือนกับตอนกลางวันเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้มืดสลัวลง กลับสู่ความมืดอีกครั้ง

ในมิติมีเสียงถอนใจดังมา

นาทีถัดมา ต้นไม้สูงเทียมฟ้านั้นหายไป เปลวเพลิงสลายไปเช่นกัน ฝ่ามือยักษ์ก็หดกลับไปด้วย

ส่วนเงาคนที่เหมือนกับโปร่งแสงในมิติ กลับเหมือนไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านในแสงสว่าง พลางลูบมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิประกายกาฬสมคำร่ำลือจริงๆ แม้จะสวรรคตไปแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยหมายปองสุสานของท่าน”

คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน ถ้าไม่มีเหตุผลใดเป็นพิเศษ น่าจะไม่รบกวนการบรรทมหลังจากการสวรรคตของอิ่นเทียนเซี่ย

คนที่มีพลังฝึกปรือสู้อิ่นเทียนเซี่ยในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ไม่อาจทำลายผนึกในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬได้

โจวฮ่าวเซิงถอนใจเอ่ยว่า “ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ข้าคงไม่กล้านำทัพมาเสี่ยง”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดคนหนึ่งข้างเขายิ้มอย่างหนักใจ “คนที่ไร้รูปร่างซึ่งซ่อนอยู่ในมิติผู้นั้น คงไม่ใช่องค์รประมุขซีฟางกระมัง? ผู้ที่ใช้ต้นไม้เทพเทียมฟ้าน่าจะเป็นองค์ประมุขตงฟาง ครั้งนี้พวกเราล่วงเกินทั้งสองคนอย่างสาหัสเสียแล้ว”

“ส่วนคนที่ใช้เปลวเพลิง ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขตเหยียนเทียนใต้”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันเป็นประกายเล็กน้อย “องค์ประมุขซีฟางหรือ?”

อย่างอื่นยังบอกไม่ได้ แต่เขาแน่ใจว่าวรยุทธ์ของคนที่ซ่อนอยู่ในมิติคนนั้นฝึกฝน คือคัมภีร์นภาความว่างเปล่า หนึ่งในหกคัมภีร์หลังกำเนิด ถูกจัดอยู่ในชั้นเดียวกับคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต คัมภีร์นภากาลเวลา คัมภีร์นภาหยินหยางในคัมภีร์นภาแรกเริ่ม

โจวฮ่าวเซิงว่า “การตามหาสุสานขององค์จักรพรรดิในมิติไร้สิ้นสุดแห่งนี้ยังพอว่า สามคนนี้ยังไม่ถึงกับก้าวสู่เขตตะวันอาคเนย์อย่างแท้จริง ดังนั้นขอแค่ไม่ถูกพวกเขาขวางทางไว้ในตอนที่พวกเราออกจากสุสานจักรพรรดิ ก็ไม่มีปัญหา”

เขาส่ายหน้าเล็กน้อย “ผู้ที่น่าเป็นห่วงคือคนที่ญาณจริงแท้ของตัวเองกลายเป็นมือยักษ์เด็ดดาวก่อนหน้านี้ผู้นั้น คนผู้นั้นแม้พลังฝึกปรือจะสู้องค์ประมุขทั้งสองไม่ได้ กลับเป็นคนของเขตตะวันอาคเนย์”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดต่างยิ้มอย่างขื่นขม กวนลี่เต๋อ ‘ฆารวาสเด็ดดาว’ แห่งเขตตะวันอาคเนย์ เป็นหนึ่งในยอดฝีมือไม่กี่คน ซึ่งเป็นรองเพียงองค์ประมุขอาคเนย์เท่านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาโจวฮ่าวเซิงอยู่ด้านข้าง ในดวงตาปรากฏรอยยิ้มขึ้นหลายส่วน

เจ้าสำนักความมืดผู้นี้กลับไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันเช่นกัน

จงใจตีหญ้าให้งูตื่น หลอกให้กวนลี่เต๋อกับยอดฝีมืออีกคนลงมือ

ส่วนการลงมือของสองคนนี้ ในอีกความหมายหนึ่งก็เป็นการตีหญ้าให้งูตื่นอีกรอบ

สิ่งที่ตื่นคือสุสานจักรพรรดิประกายกาฬที่แท้จริง

เยี่ยนจ้าวเกอกับโจวฮ่าวเซิงแม้จะเจอเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังสุสานประกายกาฬแล้ว แต่ยังขาดอยู่อีกเล็กน้อย ไม่อาจยืนยันตำแหน่งที่แม่นยำของสุสานประกายกาฬเป็นครั้งสุดท้ายได้

โจวฮ่าวเซิงรู้ว่าพวกกวนลี่เต๋อสะกดรอยอยู่ด้านข้าง หลังจากหลอกให้พวกเขาลงมือ ก็ใช้สิ่งนี้กระตุ้นผนึกป้องกันของสุสานประกายกาฬ ยืนยันที่อยู่ของสุสานจักรพรรดิเป็นครั้งสุดท้าย

จากนั้นก็ใช้การนำทางจากผนึกของสุสานจักรพรรดิ หลบหลีกอย่างเงียบๆ

สุสานจักรพรรดิประกายกาฬเก็บแสงสว่าง ตัวมันเคลื่อนย้ายมิติ ทำให้พวกองค์ประมุขซีฟาง องค์ประมุขตงฟาง และกวนลี่เต๋อที่เป็นยอดฝีมือสูญเสียร่องรอย

แผนการครั้งนี้งดงามยิ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเกือบอดปรบมือให้เขาไม่ได้

แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะสาหัสยิ่ง เพราะล่วงเกินบุคคลที่ยิ่งใหญ่ไปไม่น้อย

โจวฮ่าวเซิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ดวงตาแน่วแน่ “แม้องค์ประมุขอาคเนย์จะไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน แต่พอจะดูออกว่า ท่านไม่อยากให้ใครรบกวนสุสานขององค์จักรพรรดิ การลงมือของฆราวาสเด็ดดาวในครั้งนี้ก็เป็นการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ เช่นกัน ไม่มีทางทำให้เรื่องวุ่นวายขึ้น

“แม้ว่าจะยังมีผลร้ายตามมามากมาย แต่ถ้าหากไม่เสี่ยง พวกเราจะทำให้เกียรติยศในอดีตของสำนักเดิมปรากฏขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร?

“ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้สามารถเข้ามาในสุสานขององค์จักรพรรดิได้ เกิดได้รับอะไรมา พลังของเราจะก้าวหน้ามาก ฆารวาสเด็ดดาวใช่ว่าจะกล้ารุกล้ำง่ายๆ”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ จอมยุทธ์สำนักความมืดที่เหลือต่างพยักหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอมองเหตุการณ์นี้อย่างสนอกสนใจ รู้สึกได้ถึงความแน่วแน่ชนิดที่ไม่สำเร็จก็ขอตาย ปรากฏขึ้นบนร่างของโจวฮ่าวเซิง

เขารู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่ของโจวฮ่าวเซิง นอกจากจะให้กำลังใจตัวเองแล้ว เกรงว่าจะตั้งใจพูดให้เขาได้ยินด้วย

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมากความ เพียงแต่กล่าวเตือนว่า “ท่านเจ้าสำนักโจว ถ้าหากความรู้สึกของข้าไม่ได้ผิดพลาด การเปลี่ยนแปลงของผนึกในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬเหมือนจะไม่ใช่แค่นำทางพวกเราเข้าไปเท่านั้น ยังมีคนอื่นด้วย”

แม้ว่าจะเป็นค่ายกลที่คนของสำนักความมืดใช้ แต่ชิ้นส่วนโลหะที่เป็นแกนกลางของค่ายกลชิ้นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอยังคงรักษาการเชื่อมต่อทางกระแสจิตกับมันไว้

ยามนี้ รู้สึกได้ว่าเหมือนกับมีของแปลกปลอมปนเข้ามาในน้ำ ไม่ได้กระจ่างใสอีก แต่กลมกลืนเป็นอย่างยิ่ง

นี่หมายความว่า อีกฝ่ายไม่ได้ฝืนทำลายผนึกของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ แต่ในมือมีของวิเศษที่ข้องเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ จึงฉวยโอกาสผสมเข้าไป ถูกผนึกของสุสานจักรพรรดิพาเข้ามาเช่นกัน

ผู้ที่มีความสามารถนี้ คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ย่อมเป็นคนในสำนักแสงสว่าง

โจวฮ่าวเซิงใบหน้าเคร่งขรึมลง พลางพยักหน้าอย่างช้าๆ “ข้าเองก็รู้สึกได้แล้วเช่นกัน น่าจะเป็นคนของสำนักแสงสว่างไม่ผิดแน่”

“กระนั้น สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราสามารถเข้ามาในอาณาเขตใจกลางด้านในสุสาน กระโดดจากผนึกรอบนอกมาได้แล้ว พวกทรยศอย่างสำนักแสงสว่างอย่างมากก็มาถึงแค่รอบนอก”

ขณะที่พูด แสงสว่างก็ค่อยๆ สลายไป

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจมอง ภาพตรงหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น สุสานขนาดยักษ์แห่งหนึ่งโผล่ขึ้นในครรลองสายตา