เมื่อสิ้นเสียงนาง ก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้นภายในห้องก่อนจะมีคนโผล่ออกมาสิบกว่าคน เมิ่งชิงรู้จักคนที่อยู่แถวหน้าหลายคน เป็นหลี่เหล่าฮั่นและหลี่เซิ่งสามพี่น้อง
“ชิงเอ๋อร์เอ๋ย เจ้ากลับมาแล้ว”
หลี่เหล่าซานก้าวขึ้นมาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทักทายเขายิ้มๆ
คนที่เหลือก็ตามอยู่ด้านหลังเขา
เมิ่งชิงขมวดคิ้ว
หลี่ชุ่ยฮวาไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าของเขา เอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า “ชิงเอ๋อร์เอ๋ย เจ้า…”
“เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ในจวนของข้า”
เมิ่งชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เจือไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะก่อนที่จะโมโห
หลี่เหล่าซานตกใจจนหยุดฝีเท้า รอยยิ้มบนใบหน้าหลี่ชุ่ยฮวาก็เลือนหายไป
สถานการณ์ในเรือนขนาดใหญ่ยามนี้ไม่มีเสียงใดเลยแม้แต่น้อย
เมิ่งชิงกวาดสายตามองใบหน้าคนทั้งหมด สมองก็ยังคงมีภาพในปีนั้นปรากฏขึ้น
เมิ่งชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง “ข้าจะถามอีกครั้ง พวกท่านมาอยู่ในจวนของข้าได้เช่นไร”
ยังคงไม่มีใครกล้าส่งเสียง ทุกคนล้วนมองไปทางหลี่ชุ่ยฮวา
หลี่ชุ่ยฮวารู้สึกตัวขึ้นมา ก็อธิบายเสียงเบา “ชิงเอ๋อร์ เป็นข้าที่ให้คนไปส่งข่าวคราวให้กับคนในตระกูล ให้พวกเขามาที่นี่ ดีชั่วอย่างไร พวกเขาก็เป็นผู้อาวุโสของเจ้า เจ้าไม่สามารถพูดจาเช่นนี้กับพวกเขาได้”
“ผู้อาวุโสหรือ”
เมิ่งชิงยิ้มเยาะ “เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เคยรับรู้เลยว่าข้ามีผู้อาวุโสเหล่านี้ด้วยกัน ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน เพราะคิดว่าบนตัวข้ามีประโยชน์ให้ตักตวงสินะ!”
คนตระกูลหลี่เข้าหน้าไม่ติดด้วยความอับอาย หลี่ชุ่ยฮวารู้สึกว่าตัวเองขายหน้าต่อหน้าคนในตระกูล จึงไม่ยินยอม ตำหนิเมิ่งชิงเสียงแหลม “ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดจาแบบนี้ได้อย่างไร พวกท่านยาย ท่านตา ท่านลุง และท่านป้าสะใภ้ของเจ้า เพียงแค่พาลูกหลานของพวกเขามาอาศัยที่เมืองหลวงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้พูดว่าจะให้เจ้าเลี้ยงพวกเขา”
เมิ่งชิงหัวเราะพรืดออกมา หันไปมองหลี่ชุ่ยฮวา ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวังและเย้ยหยัน “พักอาศัยชั่วครู่ พักถึงเมื่อใดกันเล่า พรุ่งนี้? มะรืนนี้? หรือว่าปีหน้า?”
หลี่ชุ่ยฮวาหลบสายตา ในตอนนี้นางมีจวนหลังใหญ่ ในมือก็มีเงินไม่น้อย เดิมเพียงแค่อยากให้คนในครอบครัวได้มาเสพสุขด้วยกัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกเขากลับไปยังบ้านเกิดแม้แต่น้อย เมื่อครู่ก็แค่เอ่ยพูดกับเมิ่งชิงเพียงเพราะความโมโหเท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เมิ่งชิงก็รู้ว่าเขาทายถูกแล้ว โทสะในใจพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ เพื่อมารดาผู้ให้กำเนิดเขา เขายินยอมที่จะถูกท่านปู่ไล่ออกจากตระกูล ตัดขาดกับท่านพี่โยวเอ๋อร์ แต่นางล่ะ นางใช้ชื่อเสียงที่ดีงามของเขามาเสพสุขการใช้ชีวิตที่ร่ำรวย เช่นนี้ยังไม่พอ ยังจะพาคนในครอบครัวที่ไม่มีความสลักสำคัญอันใดกับเขาทั้งหมดมาด้วย
เดิมวันนี้ก็ดื่มสุรามากไปอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อโทสะพุ่งสูง จึงอดทนเอาไว้ไม่อยู่ เตะกระถางต้นไม้ที่อยู่ด้านข้างคว่ำไปกระถางหนึ่ง ชี้ไปที่คนตระกูลหลี่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ตวาดใส่อย่างมีโทสะว่า “ไสหัวออกไปให้หมด มิเช่นนั้นข้าจะจับพวกท่านทั้งหมดเข้าคุก”
คนตระกูลหลี่ตื่นตระหนก คนทั้งหมดล้วนมองไปทางหลี่ชุ่ยฮวาด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก
คนตระกูลหลี่มาถึงตั้งแต่ยามเช้าแล้ว หลี่ชุ่ยฮวาอวดอ้างให้พวกเขาฟังตลอดว่า ตอนนี้เมิ่งชิงปฏิบัติต่อตัวเองดีเช่นไร สิ่งใดล้วนเชื่อฟังตัวเอง ตัวเองบอกว่าหนึ่ง เขาก็ไม่กล้าพูดว่าสอง เมื่อถูกตบหน้าในตอนนี้ ในใจก็มีบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก ตวาดเสียงแหลมว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดกับพวกเขาเช่นนี้ได้อย่างไร รีบขอโทษเร็วเข้า!”
เมื่อก่อนหลี่ชุ่ยฮวาไม่กล้าพูดจาเช่นนี้กับเมิ่งชิง นางอยู่ในเมืองหลวงตัวคนเดียว สิ่งที่สามารถพึ่งพาได้ก็มีเพียงแค่บุตรชายของตัวเอง แต่หลายวันมานี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ล้วนถูกคนสรรเสริญเยินยอ มีสาวใช้ที่ปรนนิบัติในจวน และบ่าวรับใช้มากมาย จึงรู้สึกว่าตนเองเก่งกาจยอดเยี่ยม ทำให้นางมีพึ่งพิง ยามพูดจาจึงไม่ได้มีท่าทางเอาใจเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว
เมื่อได้ยินนางพูดจาเช่นนี้กับเมิ่งชิง คนตระกูลหลี่ก็เบิกตากว้าง
เมิ่งชิงที่ได้ยินก็ชะงักร่างไปชั่วขณะ ชี้มาที่จมูกตัวเอง และเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ท่านแม่ เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าอันใดนะ”
เห็นสีหน้าของเขาแล้ว หลี่ชุ่ยฮวาก็คิดว่าการระเบิดโทสะเมื่อครู่นี้ของตนเองถูกต้อง จึงแสดงอำนาจมากกว่าเดิม “ข้าพูดว่า ให้เจ้าขอโทษท่านตา ท่านยาย ท่านลุง และท่านป้าสะใภ้ของเจ้าเสีย!”
“หึๆ หึๆ…”
เมิ่งชิงที่ได้ยินอย่างชัดเจน ก็มีโทสะจนหัวเราะออกมา อดไม่ได้ที่จะผงกศีรษะ “ดีมาก ดีมาก”
เขาเอ่ย พร้อมกับชักกระบี่บริเวณเอวออกมา ชี้ไปที่คนตระกูลหลี่ และมองไปที่หลี่ชุ่ยฮวา “ขอโทษนั้น ข้าทำไม่ได้ มิสู้ข้าตัดศีรษะพวกเขาสักหลายคน เหลือไว้เป็นเพื่อนท่านแม่เป็นเช่นไร”
“เจ้ากล้า?”
หลี่ชุ่ยฮวากรีดร้องเสียงแหลม ยื่นมือทั้งคู่ออกมาขวางอยู่หน้าพวกเขา “หากว่าเจ้ากล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่นิดเดียว วันนี้ข้าจะสู้กับเจ้าสุดชีวิต”
เมิ่งชิงถลึงตามองนางด้วยความโมโห
หลี่ชุ่ยฮวาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ถลึงมองกลับไป
ในไม่ช้า แววตาของเมิ่งชิงก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นเย็นชา คล้ายกับว่ามองดูคนแปลกหน้าคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
หลี่ชุ่ยฮวาใจสั่นโดยไร้เหตุผล รู้สึกราวกับว่าจะต้องสูญเสียเมิ่งชิงไป ขยับริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ชิง…”
“ในเมื่อท่านแม่กล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นก็เลือกระหว่างข้ากับพวกเขา ท่านต้องการข้าหรือว่าพวกเขา”
หลี่ชุ่ยฮวาที่ได้ยินก็ตะลึงค้างไป นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งชิงเอ่ยวาจาที่ทำให้นางลำบากใจ หลังจากที่ยอมรับนาง
“ฮวา ฮวาเอ๋อร์ เจ้าอย่าทะเลาะกับเมิ่งชิงจนไม่สนใจกันเชียวนะ พวกข้ากลับไปดีกว่า”
มารดาของหลี่ชุ่ยฮวาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็เอ่ยเสียงสั่น
เดิมนางที่อายุมากขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ยินยอมที่จะเดินทางไกลมาถึงเมืองหลวง แต่ว่าตาเฒ่า บุตรชายอีกสามคน และลูกสะใภ้ล้วนเอ่ยกระตุ้นให้นางมา บอกว่าหลังจากพวกเขามาถึงเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะไม่ได้กลับไปอีก ทิ้งนางเอาไว้ที่บ้านคนเดียว ทั้งโดดเดี่ยวและลำบาก ไม่มีใครดูแล นางจึงจำเป็นต้องตามมาด้วย
แต่ในยามนี้ เมื่อเห็นว่าเมิ่งชิงไม่ชื่นชอบพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถฝืนทนอยู่ต่อไปได้
สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ นางต้องมองฮวาเอ๋อร์ถูกพี่สะใภ้ทั้งหลายขายให้เป็นอนุภรรยาแก่เศรษฐีหวัง ได้รับความทุกข์ทรมานมาหลายปีโดยที่ไม่สามารถทำอันใดได้ ในวันนี้ ฮวาเอ๋อร์เพิ่งจะได้เสพสุขไปไม่กี่วัน พวกเขาไม่สามารถสร้างความวุ่นวายให้นาง ทำให้ต้องผ่านคืนวันไปอย่างทุกข์ทรมานอีก
คนทั้งครอบครัว ก็มีเพียงแค่มารดาตนเองที่รักและทะนุถนอมตนเอง หลี่ชุ่ยฮวาหันศีรษะกลับไปมองนางที่มีผมขาวเต็มศีรษะ และความรู้สึกตรอมใจบนใบหน้า ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกลัว ชิงเอ๋อร์ถูกตาเฒ่าตระกูลเมิ่งไล่ออกมา โดยไม่มีเงินแม้แต่น้อย จวนแห่งนี้และเงินในมือของข้าก็เป็นสิ่งที่เศรษฐีหวังชดเชยให้จากการติดค้างข้ามาในหลายปีนี้ ข้าจะเลี้ยงพวกท่าน พวกเราไม่กินไม่ดื่มของของเขา”
เคร้ง!
เสียงกระบี่ของเมิ่งชิงร่วงลงกับพื้น จนเกิดเสียงแหลมเสียดแก้วหู
ร่างของคนทั้งหมดภายในเรือนล้วนสั่นระริกตามจิตใต้สำนึก หลี่ชุ่ยฮวาหันกลับไปมองเขาด้วยความหวาดกลัว
เมิ่งชิงแววตาคมปลาบ ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย “ท่านแม่ ในเมื่อท่านให้กำเนิดข้ามา เป็นมารดาแท้ๆ ของข้า ข้าจะขอเตือนท่านว่า หลังจากนี้หากท่านยังกล้าจะเรียกท่านปู่เช่นนั้นอีก ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
หลี่ชุ่ยฮวาตะลึงค้าง มึนงง อย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่า เมิ่งชิงจะเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา
คนตระกูลหลี่ก็ตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงใดออกมา
เมิ่งชิงกวาดตามองพวกเขาอย่างช้าๆ และตกอยู่บนร่างของหลี่ชุ่ยฮวา “ท่านแม่ ในเมื่อท่านกล่าวว่าจวนหลังนี้และเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับข้า เช่นนั้น นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะย้ายออกไปจากที่นี่ เหลือเอาไว้ให้พวกท่านตระกูลหลี่”