ตอนที่ 2125

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,125 : ขอบเขตเซียนสวรรค์!

 

ด้านหลังนายน้อยร่ำรวยไม่เอาไหนนั่น มีชายวัยกลางคนกับชายชรายืนอยู่

 

ชายวัยกลางคนสวมชุดสีฟ้าอ่อน รูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม หน้าตาแลดูธรรมดาไม่มีใดโดดเด่น มองผิวเผินก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปสักเท่าไหร่

 

กลับกัน ชายชราอีกคนนั้นมาในชุดสีแดงสด รูปร่างบึกบึนตัวสูง ทว่าพิกลนักศีรษะกลับเล็กยิ่ง! ไม่ได้สมกับขนาดตัวแม้แต่น้อย ช่วนให้แลดูตลกขบขันเหลือเกิน

 

และคนที่จุ๊ปากกล่าววาจาระคายหูก่อนหน้า ก็เป็นชายชราชุดแดงผู้นี้เอง

 

บัดนี้ชายชราชุดแดงที่ว่ากำลังมองมาที่ต้วนหลิงเทียนไม่วางตา สองตาเล็กหยีของมันฉายแววเยียบเย็นให้ความรู้สึกน่ากลัว คล้ายหากได้รับคำสั่งผู้เป็นนาย…มันจะพุ่งเข้ามาวัดกับต้วนหลิงเทียนสักครา! ว่าที่แท้ใช่ชายชุดดำตัวจริงเสียงจริงหรือไม่!!

 

“ในเมื่อผู้เฒ่าฉีว่ามาแบบนี้…เช่นนั้นท่านก็จัดไปเถอะ!”

 

เมื่อได้ยินวาจาอาสาบงมือของชายชราชุดแดงสด นายน้อยบ้านรวยไม่เอาไหนก็หันไปมองชายชุดคลุมลมดำเบื้องหน้า สองตาหรี่ลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

 

ทำราวกับกล่าวถึงเรื่องราวไม่สลักสำคัญอะไร

 

ทว่าเสียงของนายน้อยรุ่นที่สองผู้นี้ดังไม่ทันสิ้นคำดี

 

สีหน้าชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังพลันแปรเปลี่ยน ไม่อาจคงความสงบได้อีกต่อไป

 

“ขอรับนายน้อย!”

 

ทว่าแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่หน้าชายวัยกลางคนเปลี่ยนสี เสียงรับคำอย่างคึกคักของชายชราชุดแดงพลันดังขึ้น ร่างคนคล้ายแปรเปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบหนึ่ง โจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!

 

ความเร็วยังนับว่าไม่ใช่ชั่ว!

 

และในขณะที่โจนทะยานเข้าไป พลังกล้าแกร่งขุมหนึ่งพลันระเบิดออกทั่วร่างชราอย่างไม่คิดจะกักเก็บ! รัศมีพลังชั่วชีวิตเพาะสร้างเป็นแรงกดดันไร้สภาพกล้าแกร่งขุมหนึ่งกำจายออกไปกดดันในบรรยากาศ!!

 

“เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน?”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของชายชราชุดแดงสด คิ้วใต้โม่งคลุมดำของต้วนหลิงเทียนยักขึ้นเล็กน้อย ด้วยตระหนักได้ทันที ว่าชายชราผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ลูกตายังหรี่ลงเล็กน้อย

 

สองตาต้วนหลิงเทียนพึ่งหรี่ลงได้ไม่ทันไร ร่างชราก็โจนทะยานมาถึงตรงหน้าห่างไม่กี่ก้าวแล้ว

 

“มิว่าเจ้าจักเป็นชายชุดดำจริงหรือไม่ หากแต่วันนี้เจ้าถูกลิขิตให้ตกตายกลายเป็นผีด้วยน้ำมือข้า ฉีคุน ผู้นี้!”

 

ชายชราชุดแดงสดผู้ประกาศนามตัวออกมาว่า ฉีคุน สะบัดแขนทั้ง 2 ข้างกางออกปานอินทรีย์สยายปีก ก่อนที่มันจะควงแขนด้วยความเร็วสูงปานวงล้อ มวลพลังปะทุออกจนก่อเกิดพลังหมุนวนคล้ายวงล้อไฟ

 

“กรงล้อคู่อัคคีผกผัน!”

 

ชายชราฉีคุนคำรามออกคราหนึ่ง แขนทั้งสองที่หมุนควงปานกรงล้อไฟ ก็เริ่มหมุนวนเร็วรี่จนมวลอากาศโดยรอบสะท้านสะเทือน บังเกิดคลื่นพลังลี้ลับอีกหนึ่งขุมอุบัติขึ้นที่สองวงล้อ!!

 

พริบตาต่อมา

 

วู้ม! วู้ม!!

 

เสียงมวลพลังหมุนวนเร็วรี่ก่อเกิดอานุภาพเชือดเฉือนอันร้ายกาจดังสะท้านสะเทือนออกมา! ชายชราเหวี่ยงแขนซัดพลังสังหารร้ายกาจเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต!

 

กระบวนแรกที่ฉีคุนจู่โจมเข้ามาก็เป็นกระบวนท่าสังหารเสียแล้ว!!

 

นี่ทำให้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนมืดลงทันควัน

 

เขาลองถามตัวเองดู…ว่าก่อนหน้านี้เคยรู้จักกับฉีคุนหรือก็ไม่!

 

แต่ฉีคุนผู้นี้ไม่เพียงแต่อยู่ดีๆก็หาเรื่องลงมือเขาก่อน ยังลงมือด้วยกระบวนท่าสังหาร!

 

‘อย่างไรก็ตามแต่ ฉีคุนผู้นี้นับว่าไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน…’

 

แม้หน้าต้วนหลิงเทียนจะมืดลงเผยความไม่พอใจ แต่เรื่องนี้เขาก็ต้องยอมรับ

 

ด้วยเพราะกลิ่นอายพลังจากกระบวนท่าสังหารของฉีคุน มันแฝงเร้นไปด้วยไอฆ่าฟันอันอำมหิตนัก เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าสมควรมีผู้คนมากมายที่ตกตายด้วยน้ำมือมัน หาไม่แล้วไอฆ่าฟันคงไม่หนาแน่นขนาดนี้

 

‘จะยังไงก็แล้วแต่ นับว่ามันผสานวรยุทธ์เซียนกับเวทย์พลังได้อย่างลงตัวจริงๆ!’

 

เผชิญกับกระบวนท่าสังหารของฉีคุน ต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมออกมา

 

พลังฝีมือของเขาตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับเมื่อครึ่งปีที่แล้วอีกต่อไป

 

ทำให้สายตาของเขานั้นดีขึ้นมาก

 

ไม่เพียงเห็นว่าการลงมือของชายชราเบื้องหน้าไม่เลว พลังสังหารก็ไม่ได้อ่อนด้อยเลย

 

น่าเสียดายที่ต้วนหลิงเทียนไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ

 

‘มาได้ดี!’

 

ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวในใจอย่างเงียบงัน ร่างยังคงลอยตรงนิ่งไม่ไหวติง

 

ขวับ!

 

ทว่าทันใดนั้นเองในมือไม่ทราบปรากฏไม้บรรทัดอันแลดูเรียบง่ายไร้ใดโดดเด่นเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้ตั้งแต่เมื่อใด ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเหมือนไม้บรรทัดที่ครูในโรงเรียนเมื่อชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียนใช้งานผิดประเภทนำมาทุบตีมือเด็กๆ

 

เป็นดั่งอาวุธทำลายล้างของเหล่าเด็กซน!

 

ทันทีที่ไม้บรรทัดปรากฏขึ้น ‘พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด’ ที่โคจรพร้อมพรั่งทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็หลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวไม้บรรทัดฉับไวไร้ติดขัด!

 

ทันใดนั้นตัวไม้บรรทัดก็สะท้านไปคราหนึ่งยังบังเกิดเสียงกู่ร้องออกมาฟังชัด

 

กลิ่นอายพลังกล้าอันน่าสะพรึงกลัวขุมหนึ่งปะทุออกมาทันที ฉีคุนที่อยู่ใกล้กับต้วนหลิงเทียนมากที่สุด ย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงนี้ได้ก่อนใคร!

 

กลิ่นอายพลังดังกล่าว ยังทำให้มันรู้สึกเหน็บหนาวจับขั้วหัวใจ!!

 

อาวุธของศัตรูกลับเป็น ไม้บรรทัด?!

 

ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายพลังกลับน่าสยดสยองนัก!

 

จังหวะนี้ฉีคุนแทบจะมั่นใจได้เต็มสิบส่วน!

 

ชายชุดดำเบื้องหน้า สมควรเป็นชายชุดดำตัวจริงเสียงจริงไม่แปลกปลอม!!

 

“บิดกลับจักรวาล!”

 

ไม่ว่าฉีคุนจะครุ่นคิดอันใดอยู่ก็ตาม หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำเสียงเย็นในใจ ไม้บรรทัดในมือขยับโบกออกไปตามอำเภอใจ

 

ทว่าบรรทัดที่โบกไปตามอำเภอใจ กลับบันดาลให้ความว่างเปล่าที่หุ้มร่างฉีคุนเอาไว้กระเพื่อมสั่นไหวไปดั่งระลอกน้ำ

 

ยิ่งมาความว่างยิ่งสะท้านสะเทือน มองไปไม่ต่างก้อนน้ำที่กำลังบิดๆเบี้ยวๆ อีกทั้งยังหดเล็ก ย่นย่อขนาดลง!

 

ฉากเรื่องราวดังกล่าวย่อมตกอยู่ในสายตาของชายวัยกลางคนและนายน้อยรุ่นสองไม่เอาไหนชัดถนัดตา

 

จังหวะนี้พวกมันเสมือนได้ชมภาพอันน่าตื่นตะลึงแสนละลานตายากจะพบพานได้อีกชั่วชีวิต…

 

“มะ…มันคือชายชุดดำตัวจริง!?”

 

นายน้อยไม่เอาไหนนั่น มองเห็นไม้บรรทัดที่อยู่ในมือต้วนหลิงเทียนได้แทบจะทันทีที่ปรากฏออกมา และมันยังจดจำรูปแบบการลงมือของต้วนหลิงเทียนเมื่อ 6 เดือนที่แล้วได้ชัดเจน!

 

ฟังว่าวันนั้นตอนที่ชายชุดดำสังหารรองผู้นำกองกำลังพันธมิตรอีกาทมิฬเจียวจ้าน อาวุธสังหารที่ใช้ก็คือ…ไม้บรรทัดเล่มหนึ่ง

 

นอกจากนั้นไม้บรรทัดของชายชุดดำยังแลดูธรรมดาถึงขีดสุด!

 

ไม่ต่างอะไรจากไม้บรรทัดทั่วไปที่ไว้ใช้ขีดเส้น! ทว่ากลับร้ายกาจถึงขั้นตัดหัวเจียวจ้านได้ราวปลิดขั้วผลสุก!

 

การกระทำเช่นนั้นอาจฟังดูง่ายดาย หากแต่สามารถผนึกพลังสังหารตัวตนอย่างเจียวจ้านได้ในพริบตา เช่นนั้นย่อมไม่ง่ายดายแล้ว

 

และในขณะที่มันกำลังตื่นตระหนกตกใจ

 

ทันใดนั้นเอง

 

ฟู่ววว!

 

ฟุ่บบ!!

 

เสียงดั่งสายลมแรงพัดกรรโชกผ่านหูดังขึ้น ก่อนที่เสียงเสมือนมวลอากาศวูบหายไปในพริบตาดังขึ้น

 

พร้อมกันนั้นความว่างเปล่ารอบกายชายชราชุดแดงที่บิดเบี้ยวๆก่อนหน้า ในที่สุดก็สงบลง

 

หากแต่ฉากเรื่องราวตอนนี้ ทำให้สองตาของนายน้อยไม่เอาไหนถึงกับโบกโพลง หน้ายังซีดลงปานไก่ต้ม เม็ดเหงื่อแตกพลั่กจนหลังเปียก

 

และหากมองสังเกตให้ดี

 

จะพบว่ายามนี้ร่างกายของนายน้อยไม่เอาไหนกำลังสั่นระริก…และหากผู้ใดมายืนอยู่ใกล้ๆมันยังจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนกึกแทงจมูกกลิ่นหนึ่ง…กลิ่นปัสสาวะ!

 

สหายผู้นี้หวาดกลัวจนปัสสาวะราด!!

 

แล้วฉากแบบใดถึงทำให้สหายผู้นี้หวาดกลัวได้ถึงขนาดนั้นกัน?

 

ห่างออกไปไม่ใกล้ไม่ไกล ร่างต้วนหลิงเทียนในคราบชายชุดดำยังคงลอยร่างอยู่อย่างสงบไม่เคลื่อนไหหวใดๆ ไม้บรรทัดในมือก็ไม่ทราบเก็บไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

หากทว่าร่างชายชราชุดแดงสดนาม ฉีคุน ที่ก่อนหน้าโจนทะยานพร้อมออกกระบวนท่าสังหารดุร้ายนั้น บัดนี้ได้แยกออกเป็นสองเสี่ยงแล้ว

 

ราวกับทันทีที่ความว่างเปล่าถูกฉีกกระชาก ร่างมันก็เสมือนถูกจับบิดแล้วกระชากให้ขาดแยกออกจากกัน…

 

กล่าวคือ…

 

ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ต้วนหลิงเทียน ได้สังหารฉีคุนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย

 

“ฟืด! ฟืดด!!”

 

ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหกลังนายน้อยไม่เอาไหน ถึงกับสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ แต่ทว่าหลังสุดหายใจเข้าไปทีหนึ่ง ยังต้องสูดเข้าอีกครั้งเสียงดัง

 

นั่นเพราะคราแรกที่มันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บนั้น มันกลับสูดเอากลิ่นปัสสาวะฉุนกึกเข้าไปเฮือกใหญ่! ถึงกับต้องรีบหันไปสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าอีกเฮือกทันที

 

และมันก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้นายน้อยของมันถึงกับปัสสาวะราด!

 

อย่างไรก็แล้วแต่ไม่ว่าจะนายน้อยไม่เอาไหนหรือชายวัยกลางคน ตอนนี้ต่างตกตะลึงกับความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนแสดงออกมานัก!

 

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ กลับสังหารฉีคุนที่รั้งอยู่ในอันดับที่ 313 ของรายนามยอดเซียน…ด้วยพลังฝีมือระดับนี้น่ากลัวว่าต่อให้ไม่ใช่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ก็ต้องเป็นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่บ่มเพาะพลังมาถึงสุดปลายด่านพลังแล้ว

 

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น สุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน สามารถก้าวเข้าสู่ 200 อันดับแรกในรายนามยอดเซียนได้ด้วยซ้ำ

 

หากแต่พวกมันไม่ได้รู้เลย

 

อันที่จริงเวลาที่ต้วนหลิงเทียนใช้ในการสังหารฉีคุนจริงๆมันน้อยนิดนัก เวลาส่วนใหญ่ก่อนที่ร่าง 2 เสี่ยงของฉีคุนจะปรากฏขึ้นชัดเจนในสายตาพวกมัน ล้วนใช้ไปกับการดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณทั้งสิ้น

 

และดั่งที่กล่าวไปก่อนหน้า พลังในร่างกายของต้วนหลิงเทียนตอนนี้คือ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด

 

กล่าวคือหลังจากผ่านไปครึ่งปี ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณรวมถึงความช่วยเหลือจากชั้น 4 เจดีย์หลงหลง 7 สมบัติ ต้ววนหลิงเทียนก็ได้ทะลวงจากขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางจนถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ และกลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ที่แท้จริงแล้ว!

 

หลังจากที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็สามารถสัมผัสถึงรากวิญญาณของผู้อื่นได้ด้วยตัวเอง

 

เช่นนั้นเขาจึงกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่นด้วยตัวเอง และด้วยความที่เขากระทำมาจนชำนาญ เรียกว่าไม่เพียงแต่จะช่ำชองเชี่ยวชาญ ยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากกาลก่อนนัก เพียงไม่ถึง 2 ลมหายใจเขาก็สามารถกลืนกินรากวิญญาณแต่กำเนิดของผู้อื่นจนหมดสิ้นแล้ว

 

“พวกเจ้า…”

 

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่คล้ายสายตาของต้วนหลิงเทียนจะมองทะลุมิติ สามารถทะลวงผ่านโม่งดำและอากาศห่างไกลมายังร่างนายน้อยและชายวัยกลางคนเขม็ง “อยากจะลองด้วยไหม?”

 

พวกเจ้า…

 

อยากจะลองด้วยไหม?

 

ต้องกล่าวเลยว่าวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนช่างเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสถือดี จนพาลให้ผู้อื่นมีโมโหหนักมากแล้วจริงๆ

 

อนิจาพอนึกถึงความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน แม้พวกมันจะโมโหเพียงใด ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้ครึ่งคำ

 

“นายท่านชุดดำ…”

 

ตอนนี้เองเป็นชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังนายน้อยไม่เอาไหนก้าวออกมากล่าวคำกับต้วนหลิงเทียน “นายน้อยของข้ากลับพลั้งเผลอล่วงเกินท่านอย่างมิได้ตั้งใจแล้ว…ขอนายท่านได้โปรดอภัยให้นายน้อยข้าด้วย”

 

“แน่นอนว่าหากท่านคิดลงโทษพวกเราเพราะเป็นฝ่ายล่วงเกินท่านก่อนก็สมควร ทว่าขอนายท่านชุดดำได้โปรดละเว้นชีวิตของนายน้อยข้าด้วย”

 

ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงใจ

 

“เจ้า…”

 

นายน้อยไม่เอาไหนผู้นั้นไม่คิดเลยว่าชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ติดตามของมัน อยู่ๆจะกล่าวอ้อนวอนอีกฝ่ายออกมาแบบนี้ มันคิดอ้าปากกล่าวคำอะไรออกมาบางอย่าง แต่ทว่ามันต้องระงับวาจาลงทันที

 

เพราะตอนนี้พลันมีเสียงผ่านพลังของชายวัยกลางคนดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ

 

“นายน้อยข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจ แต่ตอนนี้มิใช่เวลาที่ท่านจักเปิดเผยตัวตน…หากท่านเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนออกมา ไม่พ้นต้องสร้างความหวาดกลัวให้แก่ชายชุดดำผู้นี้แน่…”

 

“คราวนี้ด้วยความกลัวว่าหลังจากนี้จะมีปัญหา…มันไม่พ้นต้องคิดตัดรากถอนโคน! ฆ่าท่านกับข้าให้ตายเพื่อให้พวกเรามิมีโอกาสรอดชีวิตไปกล่าวความ! และที่สำคัญถึงพลังฝีมือของข้าจะเหนือกว่าฉีคุน ทว่ามิได้เหนือกว่ามันมาก…ข้ายังห่างนักหากจะเทียบกับชายชุดดำผู้นี้!!”