บทที่ 1883 กลับรัฐอิสระ
“ผู้นำ ฉันได้จัดให้พวกเขากลับไปก่อนตั้งนานแล้ว” ผู้อาวุโสสามก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “พวกเขาจากรัฐอิสระมานานเกินไปจนคิดถึงบ้านมาก สภาพดูไม่ค่อยดี ก็เลย…”
“ดีมาก” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
เมื่อเห็นอย่างนี้ผู้อาวุโสสามก็ยกยิ้มเล็กน้อยและหันไปชำเลืองมองผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างกวนบาทา
……
สนามบินรัฐอิสระ
เครื่องบินร่อนลงจอดอย่างราบรื่น หลังจากเปลี่ยนเครื่องมาหลายรอบ และเดินทางด้วยเรืออีกสองครั้ง ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นและทุกคนก็กลับมาถึงรัฐอิสระแล้ว
ทันทีที่มาถึงรัฐอิสระ เยี่ยหวันหวั่นก็ปลดปล่อยตัวเองทันที หญิงสาวถอดแว่นกันแดด หน้ากากอนามัยและเสื้อโค้ทโอตกูตูร์สีดำทิ้ง จากนั้นก็ถอดเครื่องประดับและสร้อยคอยี่ห้อดังออก และสวมเฉพาะชุดต่อสู้สีดำขาดรุ่งริ่งที่ใส่ประจำในรัฐอิสระ และสวมแค่รองเท้าแตะ
เฮ้อ การไม่ต้องสร้างภาพนี่มันดีจริงๆ
ตอนที่อยู่ประเทศจีน หญิงสาวต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้าศิลปินและแฟนๆ ของเธอ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ย้อนกลับไปปีนั้น ตอนที่เธอมายังรัฐอิสระครั้งแรก เธอกลัวไปหมดทุกอย่างจนตัวสั่นงกๆ ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเหมือนเดินบนผิวน้ำแข็ง ตั้งแต่เรื่องอาหารการกินไปจนถึงที่อยู่อาศัย แม้แต่คำพูดคำจาก็ต้องระวังไปหมด
แต่ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน จากคนนอกที่ลักลอบเข้ามา เธอได้เติบโตขึ้น จนค่อยๆ คุ้นชินกับชีวิตที่นี่ จนกระทั่งปรับตัวได้ดีเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ
แน่นอนว่า แม้ความทรงจำจะถูกเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่อยู่ภายในนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ในเวลาเดียวกัน ณ สำนักงานใหญ่อาชูร่า
หลินเชวียนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างสบายๆ ในสวนดอกไม้ และพูดกับคนที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ “ไอ้หยา ไม่ธรรมดาเลย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ยินดีกับพี่เก้าด้วยจริงๆ ในที่สุดก็ได้ผู้หญิงคนนั้นมาครอบครอง!”
ทีแรกนึกว่าจะหักมุมแน่ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่พี่เก้าเผยโฉมหน้าก็ทำสำเร็จแล้ว
หลินเชวียประจบต่อ “พี่เก้าสุดยอดไปเลย แค่พี่เสนอตัวออกมาโดยไม่ต้องพูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็เชื่อฟังแล้ว!”
ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง ก็ได้โทรไปหาเยี่ยหวันหวั่นเพื่อยืนยันแล้วหนึ่งครั้ง และยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหญิงสาวจะไม่ออกจากประเทศจีนแน่นอน จึงได้จากมาอย่างสบายใจ
ซือเยี่ยหานที่นานๆ ทีจะเหลือบมองหลินเชวียสักครั้ง ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“แจ้งเจียงเหยียนด้วย ให้เรียกหัวหน้าของแต่ละสาขามาประชุมในตอนบ่าย” ซือเยี่ยหานกล่าวเตือน
หลินเชวียถอนหายใจ “พี่ทำงานไม่หยุดเลยตั้งแต่กลับมา วันหนึ่งได้นอนแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น พี่กลัวไม่ได้เป็นเทวดาเหรอไง!”
จู่ๆ เขาก็พลันนึกถึงหญิงสาวคนนั้นขึ้นมา อย่างน้อยเธอก็กล้าทำให้เขาไปนอนได้…
……
เยี่ยหวันหวั่นและพรรคพวกเดินผ่านทางเดินพิเศษ และไม่ช้าก็เดินมาถึงประตูรับส่งด้านนอกห้องโถงสนามบิน
“โอ๊ย ฉันยังเที่ยวไม่หนำใจเลย แป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว!” เป่ยโต่วพึมพำอย่างเสียใจ
ชีซิงมองบนเป่ยโต่วและไม่ได้สนใจอีก เขาเริ่มรายงานสถานการณ์ของพันธมิตรอู๋เว่ยในช่วงนี้ให้เยี่ยหวันหวั่นฟังอย่างรวดเร็ว รวมถึงแผนการเดินทางในอนาคต
“อืมๆๆ…เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งตื่นจากการนอนหลับบนเครื่องบินจึงงัวเงียเล็กน้อย จากนั้นก็เกาหัวแกรกๆ และฟังอย่างไม่ตั้งใจ “เอาละ เข้าใจแล้ว! เออใช่ ชีซิง เรื่องที่ฉันให้ไปสืบเกี่ยวกับจี้หวงล่ะ?”
เหตุผลหลักในการกลับไปประเทศจีนครั้งนี้ก็เพราะปู่และพ่อ รวมถึงไปสืบหาร่องรอยของซือเยี่ยหาน ภารกิจของโรงเรียนสำเร็จแค่ภารกิจทำลายทหารรับจ้างที่หลบหนีซึ่งเป็นภารกิจระดับเอ และได้คะแนนเกียรติยศห้าพันคะแนน
ครั้งก่อนที่เธอเข้าแข่งขันในโรงเรียนชื่อเยี่ยน เธอสร้างสถิติและได้คะแนนเกียรติยศห้าพันคะแนน และหนึ่งหมื่นแต้มจากรางวัลชนะเลิศในการลงแข่งขันประลองวิทยายุทธ์ บวกอีกหนึ่งหมื่นคะแนนจากความสำเร็จของภารกิจทหารรับจ้างระดับเอ สองภารกิจสำเร็จ และได้รับรางวัลเกียรติยศรวมทั้งหมดสองหมื่นห้าพันคะแนน
——————————————————————
บทที่ 1884 ช่วยสุภาพหน่อยได้ไหม
อย่างไรก็ตามหากผู้อำนวยการสะกดจิตเธอเพียงครั้งเดียว จะต้องใช้คะแนนเกียรติยศห้าหมื่นคะแนน คะแนนทหารรับจ้างใช้หมดแล้ว แต่เธอยังคงเป็นหนี้ผู้อำนวยการอยู่สองหมื่นห้าพันคะแนน เธอต้องการสะกดจิตทั้งหมดสี่ครั้ง ดังนั้นตอนนี้เธอยังต้องการคะแนนเกียรติยศอีกหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันคะแนน มันเป็นตัวเลขที่สูงมากจริงๆ
เธอจะต้องหาวิธีเพิ่มคะแนนเกียรติยศให้เพียงพอ!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชีซิงก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่นและใบหน้าก็มืดมนลงเล็กน้อย “พี่เฟิง ผมคิดว่าพี่ไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ใหญ่คนนั้นมากเกินไปนะครับ”
เมื่อเห็นว่าชีซิงเริ่มจู้จี้อีกครั้ง เยี่ยหวันหวั่นก็ปวดหัวเล็กน้อย “ถ้านายไม่ช่วยฉันตรวจสอบ งั้นฉันจะไปที่ประตูใหญ่บ้านตระกูลจี้และเข้าไปถามเขาตรงๆ แล้วนะ!”
ใบหน้าของชีซิงแข็งทื่อ เขาเม้มปากและพูดทันใด “ผมไม่รู้ที่มาของแหวนที่จี้หวงชอบใส่ น่าจะเป็นแค่เครื่องประดับธรรมดาเท่านั้น เพราะผมเพิ่งได้ข่าวมาว่า อีกสามวันจะมีการประมูลเพื่อการกุศล และของที่จี้หวงจะนำมาประมูลก็เป็นแหวนวงนั้นที่เขาสวมอยู่”
หากว่าเป็นของสำคัญ เขาก็คงไม่นำมาประมูล
ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นเป็นประกายเมื่อฟังจบ “วิเศษไปเลย!”
พระเจ้าช่วยลูกแท้ๆ!
คะแนนเกียรติยศของเธอยังห่างไกล และยังกังวลว่าจะรักษามันไว้ได้อย่างไร!
เดิมทีเธอคิดว่า ถ้ามันไม่ใช่ของสำคัญมาก เธอจะขอซื้อมันจากจี้หวงตรงๆ
ตอนนี้จี้หวงจะนำแหวนไปประมูลเพื่อการกุศล เธอก็สามารถใช้โอกาสนี้ซื้อมันมาได้แล้ว
การได้แหวนส่วนตัวของจี้หวงเป็นภารกิจระดับเอส แค่แหวนวงนี้วงเดียวก็สามารถได้คะแนนเกียรติยศหนึ่งหมื่นแต้ม น่าประทับใจสุดๆ
“พี่เฟิง พี่คิดจะทำอะไร” ชีซิงถามอย่างเคลือบแคลงใจ
เยี่ยหวันหวั่นลูบคางและพูดอย่างแน่วแน่ “อีกสามวัน ฉันจะไปร่วมงานประมูลการกุศล แหวนวงนี้จะต้องเป็นของฉันเท่านั้น!”
เป่ยโต่วที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำตาลุกวาวและทำเสียงจิ๊จ๊ะ “พี่เฟิง พี่ถึงกับหลอกหัวหน้าตระกูลซือนั่นแล้วรีบกลับมา ก็เพื่อจี้หวงเหรอเนี่ย แล้วที่จะไปงานประมูลการกุศลที่มีการประมูลแหวนที่เขาใส่อะไรนั่น จุ๊ๆๆ นี่ไม่ใช่การสารภาพรักเขาต่อหน้าสาธารณะหรอกเหรอ…”
เมื่อเห็นผู้นำของตัวเองกำลังก่อปัญหาเก่า ชีซิงก็ปวดหัวขึ้นมาทันทีแล้วรีบกล่าวแนะนำ “พี่เฟิง ในวันนั้นจะมีสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีชื่อดังมาร่วมงานมากมาย แหวนวงที่จี้หวงใส่ราคาต้องสูงเสียดฟ้าแน่ ช่วงนี้พันธมิตรอู๋เว่ยมีภาระเยอะ ผมกลัวว่า…เราจะไม่มีปัญญาซื้อ”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อไง! แต่นี่ไม่ใช่งานประมูลเหรอ?”
ชีซิงฟังไม่เข้าใจ…
เป่ยโต่วที่นั่งพิงไหล่ชีซิงอยู่ข้างๆ ก็กล่าวว่า “เหล่าชี แกโง่หรือเปล่าเนี่ย ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไปประมูลของ ใครจะกล้ามาประมูลแข่ง ต่อให้พี่เฟิงขอประมูลไปแค่หนึ่งเหรียญ ก็ไม่มีใครกล้าทุบราคาสู้…ที่พี่เฟิงไปงานประมูลการกุศลครั้งนี้ ก็เท่ากับไปปล้นเขาไง…”
ชีซิงพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นก็พูดไม่ออก
แม้ว่าเธอก็คิดแบบนี้เช่นกัน แต่นายช่วยพูดให้สุภาพกว่านี้หน่อยได้ไหม?
แต่ที่เป่ยโต่วพูดมาก็ถูกต้อง ของที่ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยต้องการ ใครจะกล้าแย่งประมูล นั่นเป็นการหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวชัดๆ เยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจจะหน้าด้านให้ถึงที่สุด เมื่อเทียบกับความทรงจำของตัวเองแล้ว ยอมหน้าด้านนิดหน่อย ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
ไม่นานนัก ทั้งคณะก็มุ่งตรงไปยังพันธมิตรอู๋เว่ย
……
สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ย
เยี่ยหวันหวั่นเดินอาดๆ เข้ามาในสำนักงาน
“ต้าไป๋…เสี่ยวเฮย…”
ทันทีที่เข้ามาในสำนักงาน เยี่ยหวันหวั่นก็ตาเป็นประกาย เสือขาวและเสือดำหมอบอยู่ด้วยกัน สีดำกับขาวทาบทับกัน ไม่มีความรู้สึกขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่น บีรุสก็รีบลุกขึ้นทันที ความตื่นเต้นฉายในแววตาของสัตว์ร้าย มันเหยียดขาหลังยืนขึ้น แล้วรีบพุ่งไปทางที่เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่
………………………………………………………