ในระหว่างที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงกำลังมุ่งหน้าไปที่ป่าภูตนางฟ้าได้ครึ่งทาง จู่ ๆ กลุ่มของเขาก็เปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหัน

“นายท่าน ข้าจำได้ว่ามีอาณาเขตหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมีมหาวิถีเต๋าธาตุดินสถิตอยู่ ซึ่งตรงกับที่ท่านต้องการและอาณาเขตนั้นชื่อว่าอาณาเขตเหยาชาน” ชิวเจี้ยนปิงพูดขึ้น “แต่อาณาเขตเหยาชานที่ข้าพูดถึงนั้นถูกครอบครองโดยพวกภูตดิน ซึ่งพวกเผ่าภูตดินนั้นมีนิสัยรักสันโดษและไม่ชอบให้เผ่าอื่น ๆ เข้ามายุ่มย่ามในอาณาเขตของพวกเขา ดังนั้นหากพวกเราล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตเหยาชานแบบนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพวกเขาก่อน พวกเขาจะมองเราเป็นศัตรูทันที”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ไม่สนใจอะไรกับการที่เขาจะถูกเผ่าภูตดินมองว่าเป็นศัตรูเลยแม้แต่น้อย เขาสั่งให้หลงเฉินเปลี่ยนเส้นทางไปยังอาณาเขตเหยาชานในทันที

เหตุผลที่เขาจำเป็นต้องตามหามหาวิถีเต๋าแห่งดินก็เพราะเขาต้องการใช้มันบ่มเพาะร่างธาตุดินของเขา

ในเวลานี้ระดับการบ่มเพาะของเขาได้พุ่งทะยานมาถึงขอบเขตนภาระดับ 8 เป็นที่เรียบร้อย และมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเร็วมากไปอีกเรื่อย ๆ เพราะด้วยเหตุผลที่ความปรารถนาของเขาถูกกระตุ้น เมื่อเขาเข้าใจในความปรารถนาต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อไหร่ระดับการบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานระดับการบ่มเพาะของเขาจะขึ้นไปตันอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 15 อย่างรวดเร็ว

เมื่อไหร่ที่ระดับการบ่มเพาะของเขาขึ้นไปตันที่ขอบเขตนภาระดับ 15 แต่ถ้าเขายังคงบ่มเพาะร่างเบญจธาตุไม่สำเร็จ เขาก็จะยังไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ได้

ตอนนี้ร่างเบญจธาตุของเขานั้นมีเพียงธาตุวารีและธาตุไฟเท่านั้นที่บ่มเพาะสำเร็จ ส่วนธาตุทองหรือว่าธาตุโลหะนั้นเขามีแร่จักรพรรดิทองคำขาวเอาไว้ใช้ในการบ่มเพาะมันเรียบร้อยแล้ว ส่วนธาตุไม้นั้นเขาสามารถใช้พลังของในป่าภูตนางฟ้าบ่มเพาะร่างธาตุไม้ของเขาได้ ในทางกลับกันสำหรับร่างธาตุดินนั้นเขายังไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสมพอที่จะบ่มเพาะมัน

แต่แล้วเมื่อเขามาคิด ๆ ดูว่าเส้นชีพจรของเขตแดนอุดรทมิฬนั้นเป็นธาตุน้ำ ดังนั้นธาตุดินที่นี่มันจะต้องสมบูรณ์มาก ซึ่งมันเหมาะกับที่เขาจะนำมันมาบ่มเพาะร่างธาตุดินของตัวเขาเอง

ตอนนี้เมื่อเขารู้ว่าอาณาเขตเหยาชานมีมหาวิถีเต๋าธาตุดินอยู่ เขาจึงมุ่งไปทันทีโดยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้นาน

ด้วยความเร็วในขณะนี้ของหลงเฉิน ใน 2 ปีต่อมาพวกเขาก็เดินทางมาถึงอาณาเขตเหยาชาน

ในทันทีที่พวกเขาเข้ามาในอาณาเขตเหยาชาน สภาพแวดล้อมที่พวกเขาเห็นในอาณาเขตแห่งนี้นั้นมีแต่ผืนดินสีเหลืองและแอ่งโคลนตมกว้างสุดลูกหูลูกตา โดยที่ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่ต้นเดียว

เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็ยิ่งรู้สึกเบิกบานในใจ เนื่องจากการที่มันไม่มีพืชอื่น ๆ สามารถดำรงอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะสถานที่แห่งนี้มันมีแต่ธาตุดินที่หนาแน่นอยู่เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันตรงกับความต้องการของเขา

“นายท่านพวกเราจะเอายังไงต่อดี?” โม่หยูถังถามขึ้นด้วยสีหน้าระมัดระวัง

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “แน่นอนว่าเดี๋ยวข้าจะยืมพลังมหาวิถีเต๋าธาตุดินของที่นี่มาบ่มเพาะสักหน่อย…เฮ้! เผ่าภูตดินที่อยู่แถว ๆ นี้ออกมาคุยกับข้าหน่อยเร็ว ข้ารู้ว่าพวกเจ้าแอบมองอยู่ไม่ไกล ข้าอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาพวกเจ้าถึงที่นี่แต่พวกเจ้ากลับไม่ยอมออกมาต้อนรับข้าแบบนี้ มันถือว่าหยาบคายมากนะพวกเจ้ารู้ไหม?”

ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ ผืนแผ่นดินบริเวณรอบ ๆ ก็สั่นอย่างรุนแรง จากนั้นดินและโคลนที่อยู่ไม่ไกลก็ค่อย ๆ ก่อตัวรวมร่างกันเป็นยักษ์ดินที่สูงกว่า 100 เมตร

“เผ่าภูตดินของข้าไม่ต้อนรับพวกเจ้า จงออกไปจากแผ่นดินของพวกข้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงมือ!” ยักษ์ดินพูดขึ้นด้วยเสียงอันก้องกังวาล

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะต้อนรับข้าหรือไม่ต้อนรับ ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าจะยืมใช้มหาวิถีเต๋าธาตุดินของพวกเจ้ามาบ่มเพาะร่างกายข้า” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “เจ้าควรจะตกลงแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องหลั่งน้ำตาในภายหลัง”

‘ครืนนนนน….’

เสียงดังลั่นจากการก่อตัวของดินและโคลนดังขึ้นอีกครั้งในระยะไม่ห่างมาก และจากนั้นในเวลาไม่นานกลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็เห็นว่ามียักษ์ดินอีกตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น แต่ยักษ์ดินตัวนี้มีความสูงถึง 1,000 เมตร และเมื่อมันก่อร่างขึ้นเสร็จ มันก็ตะโกนในทันทีว่า “ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนี้พวกข้าจะไม่เตือนเจ้าอีกเป็นครั้งที่สาม!”…

เมื่อพูดจบยักษ์ดินทั้งสองก็ง้างกำปั้นขึ้นเตรียมพร้อมที่จะโจมตีทันทีหากหลิงตู้ฉิงปฏิเสธพวกมัน

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไร้มารยาทกันขนาดนี้ ถ้างั้นข้าคงต้องสั่งสอนพวกเจ้าสักหน่อย!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงแทรกแซงธาตุดินที่อยู่บนพื้นใต้ฝ่าเท้าของยักษ์ดินให้กลายเป็นแอ่งทรายดูด ส่งผลให้ร่างขนาดยักษ์ของยักษ์ดินจมลงไปในแอ่งทรายดูดอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าการกระทำแบบนี้ของหลิงตู้ฉิงมันยิ่งทำให้เหล่ายักษ์ดินยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น

พวกมันพยายามปีนป่ายสุดฤทธิ์ เพื่อที่จะไม่ถูกดูดลงไปในแอ่งทรายดูดที่หลิงตู้ฉิงสร้างขึ้น

หลังจากพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่อยู่ครึ่งวัน ในที่สุดมันก็เหลือแต่ยักษ์ดินสูงพันเมตรที่ยังสามารถฝืนทำให้ร่างของมันไม่ถูกดูดลงไปจนหมด ซึ่งตอนนี้มันเหลืออยู่ครึ่งตัวที่ไม่ถูกดูดลงไป และสิ่งแรกที่มันทำเมื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่มันถูกดูดได้แล้วก็คือมันเหวี่ยงแขนที่มีความยาวกว่า 300 เมตรฟาดลงไปยังจุดที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงยืนอยู่

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญ “เลิกทำตัวปัญญาอ่อนและปรากฏร่างที่แท้จริงออกมาได้แล้ว สลับขั้วแรงดึงดูด!”

ด้วยอำนาจของแรงดึงดูดที่ย้อนกลับ แขนอันใหญ่โตของยักษ์ดินก็ถูกผลักออกราวกับแขนเด็กที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต้านทาน

ยักษ์ดินเมื่อเห็นว่าวิธีการต่าง ๆ ของมันล้วนไม่ได้ผล จู่ ๆ แขนของมันก็สลายกลายเป็นผงดินทราย และจากนั้นดินทรายเหล่านั้นก็ก่อร่างเป็นลิงตัวหนึ่ง ซึ่งมีดวงตาสีแดงก่ำและหางยาวปรากฏกายขึ้น ไปยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์ดินและจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงพูดว่า “ข้าออกมาแล้ว เจ้าวางแผนจะทำอะไรกันแน่เจ้ามนุษย์!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าวางแผนว่าจะเข้าไปในสถานที่ที่มีพลังธาตุดินหนาแน่นที่สุดในอาณาเขตของเจ้าเพื่อบ่มเพาะร่างกายของข้า”

“ไม่มีทาง!” ลิงสีเหลืองตอบกลับด้วยสีหน้าฉุนเฉียวทันที “อย่าว่าแต่เจ้าจะได้เข้าไปที่นั่น แค่การที่เจ้าเป็นคนนอกเจ้าก็ไม่คู่ควรที่จะเข้ามาเหยียบในดินแดนของพวกข้าแล้ว!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ยินยอม แต่ถ้าข้าจะเข้าไปซะอย่างพวกเจ้าก็หยุดข้าไม่ได้หรอก! แต่ในฐานะที่พวกเจ้าอยู่ที่นี่มานาน ดังนั้นข้าจึงไม่อยากจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเจ้าสักเท่าไหร่ ฉะนั้นเจ้าจงยอมข้าแต่โดยดีไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ”

“เจ้าฆ่าพวกข้าได้งั้นเหรอ?” ภูตดินถามกลับด้วยท่าทีไม่ยินยอม “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างจริงของพวกข้าอยู่ที่ไหน เจ้าจะเอาปัญญาที่ไหนมาฆ่าพวกข้า?”

เมื่อพูดจบ ร่างของลิงที่ก่อตัวขึ้นมาจากดินก็หลอมรวมเข้าไปในร่างของยักษ์ดินทันที และจากนั้นก็มียักษ์ดินตัวใหม่ปรากฏขึ้นอีกเรื่อย ๆ นับสิบตัวกระจายตัวห่างออกไป

“พ่อบ้านโม่ เอาง้าวเทวะพินาศมาให้ข้า!” หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ

โม่หยูถังรีบยื่นง่าวเทวะพินาศให้กับหลิงตู้ฉิงทันที และเมื่อหลิงตู้ฉิงได้รับง้าวมาแล้วเขาก็ปักมันลงไปที่พูดและตะโกนขึ้นว่า “ในนามของข้า ข้าขอบงการให้บริเวณนี้พลังแห่งธาตุดินไม่อาจสถิตอยู่ได้!”

หลิงตู้ฉิงใช้เขตแดนประกาศิตอีกครั้งเพื่อปฏิเสธการดำรงอยู่ของพลังธาตุดินทั่วบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแน่นอนว่าการทำเช่นนี้มันใช้พลังมหาศาลเป็นอย่างมากจนทำให้ระดับการบ่มเพาะของหมิงยู่ลดลงไป 1 ระดับเต็ม ๆ!