บทที่ 504.2 ไม่ฟังเหตุผลย่อมดีที่สุด

กระบี่จงมา! Sword of Coming

เฉินผิงอันชำเลืองตามองเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่อยู่ด้านหน้า “คนที่เหมือนแม่เล้าแก่ๆ ในหอโคมเขียวโลกมนุษย์เช่นนี้ เหตุใดถึงได้ดิบได้ดีอยู่ในทะเลสาบชางอวิ๋นขนาดนี้?”

ตู้อวี๋ถามหยั่งเชิง “คาดว่าคงมีเพียงคนแบบนี้เท่านั้นกระมังถึงจะได้ดิบได้ดี?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “พี่น้องตู้อวี๋ เจ้าพูดจาภาษาคนได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว”

ตู้อวี๋พยายามทนไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจึงแผดเสียงหัวเราะดังลั่น นี่เป็นครั้งแรกของค่ำคืนนี้ที่เขาอารมณ์เบิกบานขนาดนี้

เฉินผิงอันเห็นว่าเขาเริ่มหลงระเริงแล้วจึงกระตุกมุมปาก “ตลกขนาดนี้เชียว?”

ตู้อวี๋เหมือนถูกคนบีบคอ รีบหุบปากเก็บเสียงทันที

เฉินผิงอันเงียบไปนาน ก่อนถามว่า “หากเจ้าเป็นบัณฑิตคนนั้น จะทำอย่างไร? แบ่งเป็นสามข้อแล้วกัน ข้อแรกเมื่อโชคดีหนีออกจากเมืองสุยเจี้ยไปได้ ไปพึ่งพาผู้อาวุโสที่สนิทสนมกับครอบครัวมานาน จะเลือกอย่างไร ข้อสอง สอบติดเคอจวี่ได้อย่างราบรื่น มีรายชื่อติดอยู่บนประกาศ เข้าไปอยู่ในสำนักบัณฑิตฮั่นหลินของแคว้นอิ๋นผิง ข้อที่สาม ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ เส้นทางอนาคตยาวไกล ไปเป็นขุนนางต่างถิ่น ย้อนกลับมายังมาตุภูมิ ผลกลับกลายเป็นว่าถูกศาลเทพอภิบาลเมืองจับตามอง พาตัวเข้าไปในหลุมพรางลึกจนต้องตาย”

ตู้อวี๋แสยะปากยิ้ม

คราวนี้เฉินผิงอันกลับไม่ต้องการให้เขาพูดออกมาตามตรง จึงกล่าวว่า “ลองคิดโดยพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์นั้นดู ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอบข้า”

คนเราเมื่ออยู่อาศัยใต้ชายคาคนอื่นก็จำต้องก้มหน้ายอมรับ ตู้อวี๋จึงตั้งใจคิดอย่างจริงจังอยู่นานมาก แล้วเขาก็เอ่ยเนิบช้าว่า “อย่างแรก หากข้ามีโอกาสรู้ว่าเหนือคนยังมีคน บนโลกใบนี้ยังมีผู้ฝึกตนดำรงอยู่ ก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฝึกวิชาตระกูลเซียน ช่วงชิงเส้นทางการฝึกตนมาให้ตัวเอง หากไม่ได้จริงๆ ก็มุมานะตั้งใจเรียนหนังสือ พยายามเป็นขุนนางให้ได้ วิธีการที่ใช้เหมือนกับบัณฑิตคนนั้น แน่นอนว่าแค้นต้องชำระ แต่ชีวิตคนเราก็ยังต้องดำเนินต่อไป ยิ่งมีชีวิตดีเท่าไหร่ โอกาสแก้แค้นก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ข้อที่สอง หากรู้มาก่อนว่าเรื่องนี้ศาลเทพอภิบาลเมืองมีเอี่ยวด้วย ข้าจะยิ่งระวังตัวมากกว่าเดิม หากไม่ได้เป็นขุนนางระดับสูงของหกกรมในแคว้นอิ๋นผิงจะไม่มีทางออกไปจากเมืองหลวงเด็ดขาด และยิ่งไม่มีทางย้อนกลับมายังเมืองสุยเจี้ยง่ายๆ เมื่อเลือกจะโจมตีอีกฝ่ายแล้วก็ต้องให้ตายในคราวเดียว หากก่อนหน้านั้นไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันอย่างลึกล้ำถึงเพียงนี้ ตอนนั้นยังคงถูกปิดหูปิดตาอยู่ บางทีก็อาจจะไม่ต่างจากบัณฑิตคนนั้น รู้สึกว่าในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าเป็นขุนนางใหญ่ที่ปกครองพื้นที่ศักดินาแห่งหนึ่งได้แล้ว อีกทั้งยังหนุ่มและมีความสามารถ เป็นตัวเลือกขุนนางคนสำคัญในอนาคตของฮ่องเต้ คิดจะเล่นงานกลุ่มโจรที่ก่อคดีมาอย่างโชกโชน ต่อให้เป็นคดีเก่าแก่นานปี ก็ยังทำได้อย่างเหลือเฟือ ข้อที่สาม ขอแค่มีชีวิตอยู่รอดต่อไป ท่านเทพอภิบาลเมืองต้องการให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำอย่างนั้น จะไม่มีทางพาตัวไปตายง่ายๆ เด็ดขาด”

เฉินผิงอันกล่าว “ดังนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่า พวกเรายากที่จะเอาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ของคนอื่นได้อย่างแท้จริง”

ตู้อวี๋รู้สึกอับอายเล็กน้อย

น่าจะเป็นเพราะตนคิดอย่างตื้นเขินเกินไป เพราะถึงอย่างไรผู้อาวุโสข้างกายนี้ก็เป็นยอดฝีมือบนภูเขาที่แท้จริง การมองคนและเรื่องราวในโลกมนุษย์จึงคู่ควรกับคำว่าลึกล้ำยาวไกล

หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็ไม่เปิดปากพูดอะไรอีก

ตู้อวี๋ยินดีที่เป็นเช่นนี้ ในใจของเขาผ่อนคลายขึ้นมาก

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ก็มีคืนนี้นี่แหละที่สมองของตนแล่นได้เร็วที่สุดและเปลืองแรงที่สุดแล้ว

เมื่อเทียบกับคูน้ำเสาซีของศาลสุ่ยเซียนก่อนหน้านี้ คูน้ำจ่าวซีลึกกว่าและกว้างกว่า หมู่บ้านใหญ่หลายแห่งที่เดิมทีสร้างขึ้นเลียบคูน้ำเสาซี ตลอดเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาต่างก็เริ่มพากันย้ายมาอยู่ที่คูน้ำจ่าวซีซึ่งสภาพน้ำดียิ่งกว่า นานวันเข้าควันธูปของศาลสุ่ยเซียนคูน้ำเสาซีจึงเบาบางลงไป จวนลวี่สุ่ย (น้ำเขียว/น้ำใส) ที่อยู่ด้านหลังสามารถสร้างได้อย่างงดงามโอ่อ่าขนาดนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาศัยควันธูป เรือนไม้ทั่วไปอาศัยเงินขาว

เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีที่หนีกลับไปถึงวังมังกรใต้ทะเลสาบได้นั้น พ่ายแพ้ให้แก่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านหน้าเฉินผิงอันตอนนี้ในทุกๆ ด้าน ไม่อย่างนั้นปีนั้นเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นก็คงไม่สั่งให้เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีเป็นคนไปจัดการจดหมายลับฉบับนั้น อีกทั้งยังมอบป้ายคำสั่งแทนตัวเทพของเจ้าแห่งทะเลสาบ ทำให้นางสามารถออกจากอาณาเขตของตัวเองอย่างคูน้ำจ่าวซี เดินทางขึ้นเขาลงห้วยไปเชื่อมสัมพันธ์ที่เมืองหลวงได้ ตู้อวี๋รู้รากฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายในทะเลสาบชางอวิ๋นดี ตามคำบอกของผู้ฝึกตนสำนักการทหารตำหนักขวานผีผู้นี้ วังมังกรของทะเลสาบชางอวิ๋นก็คือสถานเริงรมย์บนภูเขาแห่งหนึ่ง มีไว้ให้เจ้าแห่งทะเลสาบใช้ผูกมัดใจลูกหลานชนชั้นสูงต่างถิ่นที่ทั้งมีเงินและมีเวลาว่างโดยเฉพาะ ส่วนสาวใช้อ่อนเยาว์หน้าตางดงามในวังมังกรที่มีชื่อเสียงระบือไกลเหล่านั้น มาจากไหน? แน่นอนว่านอกจากร่องน้ำเสาซีที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าถูกทิ้งร้างแล้ว อุทกภัยที่เกิดจากสามลำคลองหนึ่งคูน้ำที่เหลือ ในอดีตเคยได้มีเซียนซือที่ผ่านทางมาถ่ายทอดวิธีการแก้ไขให้แล้ว นั่นคือจำต้องเลือกเด็กสาวอายุสิบหกปีที่ยังบริสุทธิ์คนหนึ่งให้มากระโดดน้ำขอไถ่โทษ ช่วงเวลาที่เกิดภัยแล้ง ขุนนางในท้องถิ่นจะไปขอฝนจากศาลเจ้าแห่งทะเลสาบในเมือง ซึ่งค่อนข้างจะศักดิ์สิทธิ์อยู่มาก หลังจากที่มีฝนตกลงมาอย่างที่ต้องการแล้วก็จำเป็นต้องจับสตรีโยนลงน้ำเพื่อตอบแทนพระคุณของเจ้าแห่งทะเลสาบ

ตู้อวี๋บอกว่าแผนการเหล่านี้ล้วนเป็นคุณความชอบของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี

นางมักจะแต่งกายเป็นสตรีออกเรือนแล้วเหมือนขุนนางที่ปลอมตัวไปเยี่ยมเยียนชาวบ้าน แอบท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ภายใต้เขตการปกครองของทะเลสาบชางอวิ๋น เพื่อตามหาเด็กสาวชาวบ้านที่พรสวรรค์การฝึกตนดีเยี่ยมและหน้าตางดงาม รอจนพวกนางอายุประมาณสิบแปดถึงยี่สิบปี สามทะเลสาบสองคูน้ำก็จะมีฝนตกกระหน่ำลงมาจนน้ำเอ่อล้นท่วมทะลัก หรือไม่ก็จะร่ายใช้วิชาอภินิหารขับไล่เมฆฝนออกไป เป็นเหตุให้ภัยแล้งลุกลามไกลพันลี้ กฎเกณฑ์เก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี ขุนนางในแต่ละพื้นที่ก็เคยชินกันมานานแล้ว เรื่องที่โยนเด็กสาวลงน้ำจึงกลายเป็นเรื่องที่แม้แต่ชาวบ้านก็ยังต้องยอมรับชะตากรรม นานวันเข้าก็เคยชินกับการที่คนหนึ่งเจอหายนะเพื่อขอให้ลมฟ้าลมฝนตกต้องตามฤดูกาล กลับกลายเป็นว่าเห็นการทำเรื่องนี้เป็นเรื่องมงคล จัดงานอย่างเอิกเกริก ทุกครั้งจะจับสตรีที่ถูกเลือกมาสวมชุดเจ้าสาว แต่งหน้าประทินโฉมให้พวกนางอย่างงดงามน่าหลงใหล ส่วนครอบครัวของหญิงสาวเหล่านั้นก็จะได้เงินก้อนใหญ่ อีกทั้งพวกชาวบ้านยังชอบพูดว่าหลังจากสตรีกระโดดน้ำไปแล้ว อีกไม่นานก็จะถูกนายท่านเจ้าแห่งทะเลสาบรับตัวไปที่วังมังกรใต้น้ำ จากนั้นก็จะกลายไปเป็นคนในตระกูลเซียนของดินแดนเซียนในน้ำที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินการอยู่ ได้แต่งกายงดงามหรูหรา ช่างเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

การสร้างสะพานเชื่อมเส้นสายความสัมพันธ์กับลูกหลานชนชั้นสูงในเมืองหลวงและในท้องถิ่น การต้อนรับขับสู้ การคบค้าสมาคมกับพวกเขา ก็ล้วนเป็นเจ้าแม่เทพวารีท่านนี้ที่จัดการเองกับมือ นางเป็นคนที่เชี่ยวชาญรอบด้าน ดังนั้นจึงได้รับความสำคัญจากเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น เพียงแต่ว่ามีเรื่องเดียวที่นางไม่อาจเทียบกับเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นั้นได้ นั่นคือฝ่ายหลังคือขุนนางผู้ติดตามมังกรที่แท้จริง ก่อนหน้าที่เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นจะได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากแคว้นอิ๋นผิง นางก็ได้ติดตามอยู่ข้างกายเจ้าแห่งทะเลสาบแล้ว

ก่อนหน้านี้ตอนที่เดินทางมาศาลคูน้ำจ่าวซี ตู้อวี๋ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง ยามที่เอ่ยถึงฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำซึ่งเล่าลือกันว่ามีรูปโฉมงดงามเหนือฮองเฮาและพระสนมของหนึ่งแคว้น น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจะแสดงความนับถือ บอกว่านางคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สมองเป็น จนถึงตอนนี้ยังเป็นได้แค่แม่ย่าลำคลองเล็กๆ คนหนึ่งก็นับว่าอยุติธรรมต่อนางแล้ว หากเปลี่ยนตนไปเป็นเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น ป่านนี้คงช่วยวางแผนให้นางช่วงชิงตำแหน่งเทพแห่งลำคลองมาแล้ว ส่วนเทพแม่น้ำนั้นคงไม่ต้องหวัง ในแคว้นอิ๋นผิงแห่งนี้ไม่มีแม่น้ำใหญ่ สตรีที่ต่อให้จะมีฝีมือปรุงอาหารแค่ไหน แต่ไม่มีวัตถุดิบก็แสดงฝีมือไม่ได้ และก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาน้ำของหนึ่งแคว้นจะถูกทะเลสาบชางอวิ๋นยึดครองไปเกินครึ่งแล้ว

ห่างจากทะเลสาบชางอวิ๋นอีกไม่ถึงสิบลี้แล้ว

แต่เฉินผิงอันกลับหยุดเดิน

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหยุดเดินตามไปด้วย

นางหันหน้ามา ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมีไอน้ำเอ่อออกมาเป็นธรรมชาติ นางคล้ายจะฉงนสนเท่ห์ ท่าทางขลาดกลัวบอบบางที่อยากถามแต่ไม่กล้าถามนั้น มองดูแล้วน่าสงสารนัก ทว่าความจริงแล้วในใจนางกลับหัวเราะเสียงหยันไม่หยุด ทำไมไม่เดินแล้วเล่า? ก่อนหน้านี้ยังพูดจาวางโตอยู่เลย ตอนนี้รู้แล้วหรือว่าหนทางเบื้องหน้ามีแต่อันตรายรออยู่?

ตู้อวี๋ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่า เขาจะรอชมงิ้วอย่างเดียว ผู้อาวุโสเป็นคนบอกให้เขาทำแบบนี้เอง

เฉินผิงอันหันตัวกลับไปมอง

ก็เห็นว่าเป็นเยี่ยนชิงผู้นั้นที่เดินตามมา

เหอลู่ไม่ได้ติดตามมาแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะซ่อนตัวอยู่ห่างไปไกล เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนผู้นี้น่าจะเชี่ยวชาญวิชาการหลบหนีในระยะไกล หรือไม่ก็วิชาการอำพรางตัว

เพียงแค่ร่างกายบอบบางไปหน่อย

ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันจะต้องรู้สึกยุ่งยากมากแน่นอน

ผู้ฝึกตนหญิงอายุยังน้อยของดินแดนเซียนเป่าต้งที่สวมชุดสีขาว บนศีรษะสวมมงกุฎจิ๋วสีทองทะยานลมมา เมื่อเปรียบเทียบกับตู้อวี๋ที่อยู่ข้างกายแล้วก็จำต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนชายหรือหญิง หากหน้าตาดีสักหน่อย เรือนร่างเวลาที่เหยียบอยู่กลางอากาศเดินทางไกล มองดูแล้วก็สบายตาสบายใจกว่ามากจริงๆ

ตู้อวี๋สังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสชำเลืองตามองตนแวบหนึ่ง แววตานั้นคล้ายจะเวทนา?

ทำไม หรือผู้อาวุโสคิดจะให้ตนถืออาวุธบุกเดี่ยวพาตัวไปตกหลุมพรางที่ทะเลสาบชางอวิ๋น?

ผู้อาวุโส ไหนบอกว่าให้ข้ายืนดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้างก็พออย่างไรเล่า? ปากของท่านผู้อาวุโสอมกฎแห่งสวรรค์ ปากทองคำนี้เมื่ออ้าออกแล้ว หากจะผิดคำพูดของตัวเองก็คงไม่ค่อยดีกระมัง?

เฉินผิงอันกล่าว “เยี่ยนชิงไล่ตามมาแล้ว”

ตู้อวี๋มองตามเส้นสายตาของเขาไปก็เห็นว่ามีจุดแสงเล็กๆ คล้ายข้าวสารปรากฎอยู่สุดปลายการมองเห็นของตัวเองจริงๆ เขาจึงกล่าวอย่างตกตะลึง “เทพธิดาเยี่ยนผู้นี้คงไม่ได้เสียสติไปแล้วหรอกกระมัง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก็เลยคิดจะมา…งัดข้อกับพี่น้องเฉินให้ได้?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ความคิดบางอย่างของคนบางคน ไม่ว่าข้าจะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ”

ในใจของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีสงบมั่นคงขึ้นมาก

เมื่อเทพธิดาเยี่ยนชิงมาถึง ต่อให้ยังไม่ไปถึงทะเลาบชางอวิ๋น ตนก็ไม่น่าจะมีอันตรายสักเท่าไรแล้ว

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดทั้งสองฝ่ายถึงไม่ได้ตีกันเอาเป็นเอาตายตั้งแต่ตอนอยู่ที่ศาล แต่ในเมื่อเทพธิดาเยี่ยนชิงไล่ตามมาอย่างไม่ยอมเลิกรา ก็หมายความว่าขอแค่ผู้ฝึกตนอิสระพันธ์ผสมผู้นี้กล้าลงมืออีกครั้ง สองฝ่ายก็จะแตกหักกันอย่างสิ้นเชิง การเข่นฆ่ากันที่จวนลวี่สุ่ย บางทีอาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่อยู่ที่นี่ซึ่งห่างจากทะเลสาบชางอวิ๋นแค่ไม่กี่ก้าวนี้ ผู้ฝึกตนอิสระหยาบกระด้างคนหนึ่ง กับผู้ฝึกตนตำหนักขวานผีที่ดีแต่ประจบสอพลอบรรพจารย์รองของดินแดนเซียนเป่าต้งคนหนึ่ง จะสร้างคลื่นลมมรสุมได้ใหญ่โตสักแค่ไหนกัน?

ในมือของเยี่ยนชิงถือกระบี่สั้นไร้ฝัก นางพลิ้วกายลงกับพื้น ห่างจากคนหนุ่มสวมงอบชุดเขียวนั้นแค่สิบกว่าก้าวเท่านั้น อีกทั้งนางยังก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างเชื่องช้าอีกด้วย

เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่คิดว่าตัวเองพอจะมีความสามารถในการอนุมานเรื่องราวอยู่บ้างยิ่งสาแก่ใจมากกว่าเดิม เห็นไหม เทพธิดาเยี่ยนชิงไม่เห็นคนผู้นี้อยู่ในสายตาจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญการต่อสู้ประชิดตัว แต่ก็ยังไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย

ตู้อวี๋มองเทพธิดาสาวที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปสี่ดินแดนผู้นี้ ทุกคนต่างก็พูดกันว่านางกับเหอลู่คือหงส์และมังกรในกลุ่มคน คือคู่สร้างคู่สม

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะอิจฉาตาร้อนแค่ไหนก็ได้แต่ยอมรับ คืนนี้เวลานี้มาลองมองดูอีกครั้ง ดูเหมือนว่าหากละเหอลู่เอาไว้ไม่พูดถึง เทพธิดาเยี่ยนชิงก็หน้าตางดงามมากจริงๆ

นี่ทำให้ตู้อวี๋ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร

อาหารเลิศรสที่มาวางอยู่ตรงปาก แต่กลับไม่อาจกินได้ เทียบกับการถูกคนคนหนึ่งกดหัวให้กินอาจมร้อนๆ แล้วยังน่าสะอิดสะเอียนเสียยิ่งกว่า

เฉินผิงอันถาม “มีธุระอะไรอีก?”

นางสีหน้าเย็นชา ยังคงเดินมาข้างหน้า สายตาเด็ดเดี่ยว จิตแห่งเต๋าของผู้ฝึกตนที่ถูกขูดขีดจนเกิดร่องรอยความเสียหายเสี้ยวเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อริ้วคลื่นกระเพื่อมผ่านก็ได้จางหาย กลับคืนมาใสกระจ่างดังเดิมอีกครั้ง

เฉินผิงอันยกไม้เท้าเดินป่าชี้ไปยังเทพธิดาที่ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือท่าทางก็แทบไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ผู้นั้น “หยุดได้แล้ว”

เยี่ยนชิงไม่ได้ดึงดันจะเดินหน้าต่อ นางหยุดยืนนิ่งตามคำบอกของเขาจริงๆ

ตู้อวี๋แอบสูดจมูกลอบดมกลิ่น ไม่เสียทีที่เป็นเทพธิดาซึ่งถูกขนานนามว่ามีครรภ์แห่งเต๋ามาตั้งแต่กำเนิด กลิ่นหอมของกล้วยไม้ที่ติดตัวมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาประเภทนี้ ไม่อาจหาดมได้ในโลกมนุษย์

เยี่ยนชิงเปิดปากกล่าว “เขาหวังดีขอให้เจ้าหยุดมือ เหตุใดเจ้าถึงยังลงมือกับเขาอย่างอำมหิตเช่นนี้?”

ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่เดิมทียังเอ้อระเหยลอยชายมุมปากกระตุก

ลงมืออำมหิต?

ผู้ฝึกตนที่ไม่ว่าจะขอบเขตสูงหรือต่ำ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์น้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้กับภูเขาติดกับสายน้ำ ไหนเลยจะมีคนที่โง่อย่างแท้จริง

หางตาของฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำชำเลืองไปยังคูน้ำจ่าวซีที่อยู่ใกล้ระยะประชิด คิดจะโคจรวิชาอภินิหาร กลายร่างเป็นไอหมอกที่หลบหนีไป

เฉินผิงอันที่หันหลังให้กับตู้อวี๋และเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีบิดหมุนข้อมือ ไม้เท้าเดินป่าในมือก็ปลิวกระเด็นออกไป กระแทกโดนหน้าผากของฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำพอดี ไม้เท้าที่กระแทกมาเต็มแรงทำให้ดาวสีทองหมุนติ้วอยู่เบื้องหน้าเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี ร่างโอนเอนจะล้มมิล้มแหล่

ไม้เท้าพุ่งกลับมาที่เดิม ถูกเฉินผิงอันกุมไว้ในมืออีกครั้ง “เยี่ยนชิง คืนนี้เจ้ามาดื่มชาอยู่ในศาลเทพวารีของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีผู้นี้ น้ำชาอร่อยไหม?”

แม้ว่าเยี่ยนชิงจะยังเยาว์วัย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นหยกงามในการฝึกตนที่มีจิตใจละเอียดอ่อน ได้ยินความหมายเย้ยหยันในคำพูดของอีกฝ่ายก็เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “น้ำชาอร่อยก็คืออร่อย แต่จะดื่มชากับใครที่ไหนเมื่อไหร่ ล้วนเป็นเรื่องนอกกาย ผู้ฝึกตนสภาพจิตใจบริสุทธิ์ไร้มลทิน ต่อให้ตัวตกอยู่ท่ามกลางดินโคลนก็ยังไม่เป็นปัญหาใดๆ”

เฉินผิงอันโบกมือ คร้านจะพูดจาไร้สาระกับนาง

เยี่ยนชิงกลับเอ่ยว่า “เจ้าจะไปวังมังกรทะเลสาบชางอวิ๋นก็เชิญตามสบาย บนมหามรรคา ต่างคนต่างเดินบนเส้นทางของตัวเอง ข้าจะไม่มีการกระทำใดๆ ที่เกินความจำเป็นอีก”

เฉินผิงอันหมุนตัวกลับ ทำท่าบอกเป็นนัยให้เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่กำลังนวดคลึงหน้าผากตัวเองนำทางไปต่อ

เยี่ยนชิงเดินตามมาด้านหลังพวกเขา

เฉินผิงอันเองก็ไม่ถือสา

ครู่หนึ่งต่อมา เยี่ยนชิงที่จ้องมองกระบี่ยาวด้านหลังบุรุษชุดเขียวผู้นั้นอยู่ตลอดเวลาก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “เจ้าคือผู้ฝึกกระบี่ที่จงใจใช้ตัวตนของผู้ฝึกยุทธลงเขามาหาประสบการณ์งั้นหรือ?”

น่าเสียดายที่คนผู้นั้นมีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบให้นาง

ตู้อวี๋หัวเราะหึหึ ฝีเท้าแผ่วเบาล่องลอย สามารถทำให้เทพธิดาเยี่ยนชิงเดินกินฝุ่นตามหลังก้นตัวเองได้ ทำให้เขารู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนดื่มสุรารสนุ่ม

เดินกันไปได้อีกประมาณหนึ่งลี้ เยี่ยนชิงก็เอ่ยถามอีกครั้ง “เหตุใดเจ้าถึงดึงดันจะถามเรื่องเก่าแก่ในอดีตของโลกมนุษย์ล่างภูเขาให้จงได้? หรือว่าได้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับสมบัติประหลาดชิ้นนั้นมา?”

ยังคงไม่มีคำตอบใดๆ

เยี่ยนชิงสีหน้าเป็นธรรมชาติ ยังคงถามอีกว่า “เจ้าชื่อแซ่อะไร? ในเมื่อเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งก็คงไม่ถึงขั้นต้องปิดบังอำพรางตัวตนหรอกกระมัง?”

ตู้อวี๋อดไม่ไหว ตัดสินใจว่าจะปั่นหัวเทพธิดาเยี่ยนชิงผู้นี้เล่นดูสักครั้ง จึงเดินพลางหันหน้ามายิ้มกล่าวว่า “ไม่กล้าปิดบังเทพธิดาเยี่ยน พี่ชายของข้าคนนี้แซ่ว่าเฉิน นามว่าคนดี (ฮ่าวเหริน) แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่ง แต่กลับมีจิตใจรักความเป็นธรรมของจอมยุทธมากที่สุด สะพายกระบี่ท่องไปทั่วทิศ ไม่ว่าบนโลกมนุษย์มีเรื่องอยุติธรรมใด ก็จะต้องเข้าไปจัดการดูแล ข้ารู้จักกับพี่เฉินมาหลายปีแล้ว คราวนั้นที่อยู่ในยุทธภพก็ถือว่าหากไม่ตีกันก็คงไม่ได้รู้จักกัน หลังจากประมือกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือนิสัยใจคอ ข้าก็ล้วนเลื่อมใสพี่ชายคนดีอย่างสุดจิตสุดใจ ทุกครั้งที่เป็นช่วงเวลาค่ำคืนผู้คนเข้านอนกันหมด มักจะทบทวนถามใจตัวเองว่าเหตุใดบนโลกถึงได้มีบุรุษที่อัศจรรย์เช่นนี้อยู่?! ข้าตู้อวี๋มีคุณธรรมความสามารถใดถึงได้โชคดีรู้จักกับเขา?”

เฉินผิงอันยังคงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอยู่เหมือนเดิม

เยี่ยนชิงชำเลืองตามองตู้อวี๋ที่เป็นดั่งโคลนเหลวไม่ติดกำแพงแล้วหัวเราะหยัน “รู้จักกันในยุทธภพมาหลายปี? ในศาลสุ่ยเซียนของเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีนั่นน่ะหรือ? หากไม่เป็นเพราะคืนนี้ถูกคนเขาเล่นงานจนสมองมีปัญหา ตอนนี้เจ้าจะยังมาพูดจาเหลวไหลอยู่อีกไหม?”

ตู้อวี๋หัวเราะฮ่าๆ อย่างไม่ใส่ใจ

—–