ตอนที่ 1024 ชื่อเสียงจากการสู้รบ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมื่อเห็นกู้ไป๋อีกินยาวิญญาณระดับสูงไปทั้งขวดโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาเช่นนี้ เขาก็แทบจะกระอักเลือดแล้ว

สมกับที่เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง! กินยาวิญญาณเข้าไปโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลืองเลยแม้แต่น้อย

แต่ถึงกระนั้น วันนี้เขาก็ต้องตายอยู่ดี!

หากกู้ไป๋อีไม่ตายแล้วละก็ เมื่อพลังความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูกลับมา พวกเขาทุกคนล้วนแต่ต้องซวยเป็นแน่แท้

ตูม! การต่อสู้กลางอากาศนั้นดุเดือดมาก

ส่วนการต่อสู้ของมู่เฉียนซีกับชายชราชุดเทาก็เป็นไปอย่างคึกคักเร่าร้อนเสมือนไฟที่โหมไหม้เช่นกัน

ชายชราชุดเทาค้นพบเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีนักเข้าแล้ว นั่นก็คือการรับมือกับสาวน้อยผู้นี้ มันยากมากที่จะฆ่านางได้ด้วยการใช้ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีเช่นนี้

เรื่องนั้นว่าแย่แล้ว ทว่า สาวน้อยผู้นี้ยังสามารถต่อสู้ พลางเรียนรู้ทักษะวิญญาณไปด้วยได้อีก นางได้เรียนรู้ถึงทักษะวิญญาณนี้ของเขา และใช้มันโจมตีเขา

นี่มันวิปริตเกินไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพบเจอผู้ใดที่สามารถเรียนรู้ทักษะวิญญาณได้รวดเร็วเพียงนี้มาก่อน อีกทั้งยังนำไปแก้ไขให้ดีกว่าเดิมได้อีกด้วย ต่อให้เป็นท่านผู้นั้นก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้

ชายชราชุดเทารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของคนชุดคลุมยาวสีดำที่กำลังต่อสู้อยู่กลางอากาศเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ตนเองจำเป็นต้องจัดการกับสาวน้อยผู้นี้ได้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปช่วยเขาได้

ครั้นแล้ว เขาจึงเลิกใช้ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีโจมตีมู่เฉียนซี และใช้ทักษะวิญญาณอื่นโจมตีนางแทน

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “หากเจ้าคิดว่าใช้ทักษะวิญญาณอื่นลงมือกับข้าแล้วจะสามารถเอาชนะข้าได้ภายในชั่วพริบตาเดียวแล้วละก็ ข้าก็ขอบอกเจ้าเอาไว้เลยก็แล้วกัน ว่าเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!”

มู่เฉียนซีพุ่งตัวเข้าไปใกล้ชายชราชุดเทาผู้นี้ พลังการทำลายล้างพุ่งตัดผ่านอากาศไป

“ทักษะเทียนซวน!”

พลังอันท่วมท้นดุจดั่งพายุโหมพัดกระโชกมา ใบหน้าของชายชราชุดเทาเผยความตกตะลึงออกมา เขารีบหลบหลีก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

มู่เฉียนซีตามติดไปอย่างใกล้ชิด สีหน้าของชายชราเขียวคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฝ่ามือพิษเมฆา!”

เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้เข้า นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะไม่หลบหลีก พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่นรอบ ๆ ตัวนาง

“ทักษะโยวหลัว!”

ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่งและทรงพลังก็ได้พุ่งไปที่ชายชราชุดเทา

ตูม! เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นผืนดินดังสนั่นขึ้น

ชายชราชุดดำถลึงตากว้างจ้องมองไปที่ฝ่ามือนั้นของเขาที่ถูกพลังอันแข็งแกร่งขวางไว้ จากนั้นเขาก็ถูกทักษะการโจมตีของมู่เฉียนซีเข้าอย่างรุนแรง

ปัง! ร่างของเขากระเด็นลอยออกไป เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก

สีหน้าของชายชราชุดเทาดำคล้ำลงเรื่อย ๆ ในตอนนี้เขาไม่อาจช่วยพี่ใหญ่ที่กำลังรับมือกับกู้ไป๋อีได้แล้ว

ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้น เขาต้องการฆ่าสาวน้อยผู้นี้ให้จงได้

แต่ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อไปมากเท่าไหร่ พลังวิญญาณของเขาก็ยิ่งสูญเสียไปมากเท่านั้น ส่วนมู่เฉียนซีดูเหมือนว่าไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณไปเลยแม้แต่น้อย

ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีไม่สามารถทำให้มู่เฉียนซีบาดเจ็บได้ ส่วนทักษะวิญญาณอื่น เมื่อเปรียบเทียบกับทักษะโยวหลัวและทักษะเทียนซวนของมู่เฉียนซีนั้น มันช่างห่างไกลกันมากเหลือเกิน

เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังวิญญาณของเขานั้นเหนือกว่านางถึงแปดระดับ แต่ความห่างชั้นของทักษะวิญญาณนั้น กลับทำให้เฒ่าประหลาดที่มีชีวิตมานับพันปีผู้นี้หมดแรงไปได้

เมื่อเห็นสีหน้าของชายชราชุดเทาแย่ลงเรื่อย ๆ เช่นนี้ มุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกยิ้มขึ้น “ตาเฒ่า การต่อสู้ควรจบได้แล้วล่ะ!”

“บัวแดงพิฆาต!”

พลังอานุภาพของดอกบัวอัคคีสีแดงฉานนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ มันได้พุ่งออกไปโจมตีชายชราชุดเทาอย่างรุนแรง

ภายใต้การปกคลุมของดอกบัวอัคคีสีแดงฉานนั้นทำให้เขาไร้ซึ่งหนทางหนี

ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นคราหนึ่ง และร่างของชายชราชุดเทาก็กระเด็นลอยออกไปทันที

เขารู้สึกถึงความคาวที่อยู่ในคอ พรวด! เลือดสีแดงสดถูกกระอักออกมาคำโต

สีหน้าของเขาพลันซีดเผือดขึ้น

ส่วนการต่อสู้กลางอากาศในตอนนี้ แสงสีเงินของกระบี่ตัดผ่านไปและฟันแขนข้างหนึ่งของชายชราชุดดำผู้นั้นขาดสะบั้นลง

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา ชายชราชุดดำกล่าว “น้องรอง รีบถอยเร็วเข้า!”

“ทุกคน รีบถอย เร็ว!”

แม้ว่าพลังของท่านผู้นี้จะถดถอยลง แต่พวกเขาก็ยังประเมินกำลังในการต่อสู้ของเขาต่ำไป ฉะนั้นจึงได้พ่ายแพ้ไปในที่สุด

มู่เฉียนซีไม่ต้องการให้พวกเขาหนีไปได้ คราก่อนปล่อยให้เจ้าสำนักขวางโซ่วหนีรอดไปจนเขาไปตามผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้ามาช่วยได้ถึงสองคน หากปล่อยให้หนีไปได้อีก เกรงว่าคราต่อไปจะยิ่งอันตรายมากกว่านี้เป็นแน่

นางจะตามไปไล่ล่า ทว่า ในตอนนี้ฤทธิ์ของยาโชคลาภตี้หลินได้หมดลงแล้ว เห็นได้ชัดความเร็วของนางนั้นช้าลงกว่าเมื่อครู่มาก

กว่าจะรับมือกับคนผู้นั้นได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พลังวิญญาณกลับมาอยู่ในขั้นเดิม และสีหน้าของนางซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เจ้าสำนักขวางโซ่วที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสก็ฉวยโอกาสลอบโจมตีขึ้น

เขากล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “เจ้า ไปตายซะเถอะ!”

กู้ไป๋อีที่จะไล่ตามไปโจมตีกับชายชราสองคนนั้นจำเป็นต้องหันกลับมาลงมือกับเขา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทำร้ายมู่เฉียนซีได้!

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ไว้ชีวิตมันก่อน!”

กระบี่ของกู้ไป๋อีได้ขัดขวางการโจมตีของเจ้าสำนักขวางโซ่วเอาไว้ได้ และพลังของกระบี่เล่มนี้ได้โจมตีเจ้าสำนักขวางโซ่วจนร่างกระเด็นลอยออกไป

ในตอนนี้ อาการบาดเจ็บแต่เดิมก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้น และเจ้าสำนักขวางโซ่วไม่อาจลุกขึ้นมาได้แล้ว

กู้ไป๋อีวิ่งมาที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่า “คุณหนูใหญ่ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”

“ข้าไม่เป็นไร!”

“พวกมันหนีไปได้แล้ว!” กู้ไป๋อีกล่าวเสียงขรึม

มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่เจ้าสำนักขวางโซ่ว และกล่าวว่า “จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่วันยังค่ำ เจ้าหมอนี่ยังมีชีวิตอยู่ ก็น่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”

ปัง ปัง ปัง! ในตอนนี้ เย่เฉินยังคงต่อสู้กับเจ้าเมืองอันอยู่

เนื่องจากเย่เฉินมียาวิญญาณช่วยเสริม เขาจึงไม่ได้เสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือของเจ้าเมืองอันผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า

ทว่า เมื่อเจ้าเมืองอันเห็นผู้แข็งแกร่งของสำนักขวางโซ่วและพวกต่างถอยหนีไป ในใจของเขาก็สั่นสะท้านขึ้น

บัดซบ!

จะถอยหนีก็ไม่บอกไม่กล่าวกับเขาเลย สองคนนั้นวิปริตมาก แม้แต่ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็ยังเอาชนะได้ และเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย

เจ้าเมืองอันตัดสินใจตะโกนขึ้นทันทีว่า “รีบถอย เร็วเข้า!”

และแน่นอนว่าเย่เฉินคงไม่ปล่อยคนของเมืองแห่งความโกลาหลเหล่านี้ไปง่าย ๆ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามไป!”

ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองอันจะหนีไปแล้ว แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาเสียหายไปอย่างหนักมาก

คนทั่วทั้งทุ่งรกร้างล้วนแต่รู้ว่าเจ้าเมืองอันของเมืองแห่งความโกลาหลได้นำยอดฝีมือไปโจมตีเมืองเย่เซี่ยทางใต้ และทางตะวันของทุ่งรกร้าง แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้หนีหางจุกตูดกลับเมืองแห่งความโกลาหลไป

ครั้งนี้ เมืองแห่งความโกลาหลอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างยิ่ง!

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เย่เฉินเป็นอัจฉริยะที่ปรากฏขึ้นใหม่ ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทุ่งรกร้างแห่งนี้

หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่จบลง พวกเขาก็กลับมายังเมืองเย่เซี่ย

เย่เฉินมองไปที่คนชุดดำเหล่านั้น และกล่าวถามว่า “นายท่าน พวกเขาเป็นใครหรือขอรับ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะแนะนำพวกเขาให้เจ้าได้รู้จัก นี่คือมู่อี มู่ซาน…”

“คนนี้ ชื่อเย่เฉิน!”

ในตอนแรกที่นางได้เข้ามายังทุ่งรกร้างแห่งนี้ ไม่ได้ใช้กองกำลังของตระกูลมู่และหอหมอปีศาจ อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องการกำลังคนในการพัฒนาที่แดนตะวันออก

ในตอนนี้ก็มั่นคงแล้ว เผชิญหน้ากับการสู้รบที่สำคัญเช่นนี้ นางจึงนำกำลังคนมา

โชคดีที่นางได้เตรียมการเอาไว้ มิเช่นนั้นเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่ของสำนักขวางโซ่วเช่นนี้ คงต้องเสียหายอย่างหนักแน่

มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน เมืองแห่งความโกลาหลมอบให้เป็นหน้าที่เจ้าจัดการ ต้องเอามาให้เร็วที่สุด”

“เรื่องของสำนักขวางโซ่ว จะรอช้าไม่ได้แล้ว ข้าจะจัดการเอง!”

“มู่ฉือซานสอบถามเป็นเช่นไรแล้วบ้าง?” มู่เฉียนซีหันไปถามมู่อี

มู่อีตอบ “นายท่าน ฉือซานเป็นคนลงมือนายท่านวางใจได้! ได้คำตอบทุกเรื่องแล้ว และทราบตำแหน่งของสำนักขวางโซ่วแล้วด้วย!”

“ให้เขานำกำลังคนออกเดินทางได้”

หากยิ่งยืดเยื้อต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะหากองกำลังมาช่วยได้มากยิ่งขึ้น

ต้องถอนรากถอนโคนให้เร็วที่สุด

มู่อีกล่าว “ขอรับ!”

ลูกน้องคนอื่น ๆ ทิ้งเอาไว้ให้เย่เฉินรับมือกับคนของเมืองแห่งความโกลาหลเหล่านั้น ส่วนมู่เฉียนซีนั้นก็นำองครักษ์เงาของตระกูลมู่บุกไปยังสำนักขวางโซ่ว