ตอนที่ 1025 พลังกู้ไป๋อีฟื้นฟูกลับคืน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

สำนักขวางโซ่วซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ลึกลับมาก อยู่ใต้ดินที่ไร้มนุษย์ทางตะวันออกและตะวันตกของทุ่งรกร้างแห่งนี้

พวกเขาได้สร้างตำหนักใต้ดินขึ้นมาตำหนักหนึ่ง เพื่อเป็นฐานที่มั่นของสำนักขวางโซ่ว

บัดนี้ เจ้าสำนักขวางโซ่วได้ตกอยู่ในกำมือของพวกมู่เฉียนซีแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ยอมรับชะตากรรม

“ตกลงพวกขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเหล่านั้นเป็นพวกใดกันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

คำถามนี้มู่ฉือซานได้ถามไปแล้ว แต่เจ้าสำนักขวางโซ่วบอกไม่ได้

หากพูดออกไปเขาต้องซวยแน่นอน อีกทั้งในร่างกายของเขาก็ถูกวางยาพิษเอาไว้

ดูท่า หากอยากรู้ถึงตัวตนของคนเหล่านั้น ก็ทำได้แค่รอจับตัวพวกขั้นมหาจักรพรรดิระดับเก้าเหล่านั้นมาให้ได้

มีเจ้าสำนักขวางโซ่วเป็นคนนำทาง และเดิมทีสำนักขวางโซ่วก็ได้รับความเสียหายไปอย่างหนักในสนามรบครั้งก่อนแล้วด้วย

ทันทีที่เข้าสู่สำนักขวางโซ่ว ดูเหมือนว่าพวกเขาไร้ซึ่งกำลังที่จะตอบโต้กลับ

อีกอย่างสำนักขวางโซ่วก็อยู่ใต้ดินในที่ลับ มู่เฉียนซีวางยาพิษเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสแล้ว

ผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิธรรมดาไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อสู้แล้ว ส่วนขั้นมหาจักรพรรดิที่เหลือเหล่านั้น องครักษ์เงาของตระกูลมู่ก็พุ่งออกไปรับมือทันที

ทั่วทั้งสำนักขวางโซ่วดูเหมือนเป็นสถานที่ทดลองยาก็อย่างไรอย่างนั้น

ในที่แห่งนี้มีพิษแปลกประหลาดนับพันชนิด หากมู่เฉียนซีไม่เข้าใจเกี่ยวกับการปรุงยาแล้วละก็ ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปพวกนางก็คงจะตายเพราะโดนพิษแล้วเป็นแน่

ตูม ปัง ปัง!

ชายชราทั้งสองที่กำลังซ่อนตัวรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในสำนักขวางโซ่วตกตะลึงขึ้น บัดซบ! นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะมาได้เร็วเช่นนี้

มู่เฉียนซีได้นำกำลังคนมากวาดล้างสำนักขวางโซ่วแล้ว อาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้งสองยังไม่ทันรักษาให้หายดี ก็ต้องออกมาแล้ว

ร่างในชุดดำและชุดเทาทั้งสองเคลื่อนไหวกระโจนออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า มู่เฉียนซีเตรียมใช้ยาโชคลาภตี้หลินเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณ

แต่กู้ไป๋อีกลับห้ามเอาไว้ “คุณหนูใหญ่ สองคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ข้ารับมือได้! คุณหนูใหญ่ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองยา”

ถึงแม้ว่ายาเพิ่มพลังวิญญาณนั้นจะไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อร่างกายนาง แต่เม็ดยาที่ต้านสวรรค์เช่นนี้ก็ใช่ว่าจะได้มาโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรไปเลย

นี่เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ในยามวิกฤต เขาไม่อยากให้นางสิ้นเปลือง

นางกล่าว “เสี่ยวไป๋ ระวังตัวด้วย!”

รับมือกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงสองคน ถึงแม้ว่ากู้ไป๋อีจะต้องต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง แต่ก็สามารถจัดการได้อย่างสบายมือ

ส่วนมู่เฉียนซีก็เลือกที่จะไปฝึกฝีมือกับยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของสำนักขวางโซ่วแล้ว

ตูม เปรี้ยง ปัง! เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ของสำนักขวางโซ่ว มันเปรียบเสมือนฝันร้ายของสำนักขวางโซ่วเลยก็ว่าได้

“เงาจันทราคู่!”

วงล้อจันทราสีเงินสองวงฟันเข้าบริเวณเอวของชายชราสองคนนั้น

กู้ไป๋อีควบคุมพลังได้อย่างแม่นยำมาก เพียงแค่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ได้ฟันเอวของพวกเขาจนขาดสะบั้นแต่อย่างใด

พวกเขาทั้งสองล้มลงไปกับพื้นจมไปในกองเลือด

เสี่ยวไป๋จัดการสองคนนี้ได้รวดเร็วยิ่งนัก ทันใดนั้นร่างในชุดม่วงก็กระโจนมา

มู่เฉียนซีวางกระบี่มังกรเพลิงลงบนคอของคนผู้นั้น ก่อนจะกล่าวว่า “บอกมาเถอะ! ตกลงแล้วเป็นกองกำลังใดกันแน่ที่ส่งพวกเจ้ามา?”

อย่างน้อยก็ต้องเป็นกองกำลังระดับสองครึ่ง หรือไม่ก็ระดับสาม หนึ่งในนั้นคงเป็นตำหนักตงจี๋และตำหนักเป่ยหาน

ชายชราชุดดำมองไปที่กู้ไป๋อี และกล่าวว่า “ท่าน ข้าว่าท่านก็คงจะคาดเดาได้แล้ว”

แสงสีเงินสว่างวาบขึ้น ปลายกระบี่แทงทะลุไหล่ของชายชราชุดดำไปคราหนึ่ง

“ตกลงว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่สั่งให้เจ้ามากระทำเรื่องเช่นนี้?” ใบหน้าของกู้ไป๋อีเย็นยะเยือกขึ้น

น้ำเสียงอันแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้น “แน่นอนว่านี่เป็นการตัดสินใจของนายท่านตำหนักเหนือ พวกเราทุกคนล้วนแต่จะต้องทำภารกิจใหญ่นี้ของนายท่านให้สำเร็จเพื่อความดีความชอบ แต่ท่านทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะโกรธเอาหรือ?”

ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งเดินย่างกรายออกมา คนผู้นี้เขารู้จัก!

“เฮยเฉีย!”

เขาคือคนสนิทของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักเป่ยหาน

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่เช่นท่าน จะจำผู้น้อยอย่างข้าได้ด้วย”

“เจ้า ฆ่าตัวตายซะเถอะ!” เผชิญหน้ากับชายชราชุดขาวผู้เสแสร้งเช่นนี้ กู้ไป๋อีจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ต้องขออภัยท่านด้วย ข้าฟังเพียงแค่คำสั่งของท่านผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น ไม่ฟังคำสั่งของท่าน แต่หากท่านทำให้คนอื่นปลิดชีพเพื่อเป็นการขอโทษที่ล่วงเกินข้าได้ ข้าก็จะปล่อยให้ท่านหนีไปอย่างปลอดภัย”

“รนหาที่ตาย!” ชั่วครู่หนึ่งความเย็นยะเยือกก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใต้ดิน

เฮยเฉียกล่าว “พลังของท่านถดถอยลงมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่ง ท่านคิดว่าข้าจะเกรงกลัวท่านอย่างนั้นหรือ?”

ใบหน้าของกู้ไป๋อียิ่งทวีความเย็นยะเยือกขึ้น จากนั้นกระบี่เฉียนหานก็เคลื่อนไหวตัดผ่านอากาศไป

ไม่มีอันใดต้องพูดอีกแล้ว ในเมื่อได้รู้แล้วว่าผู้ใดเป็นคนบงการ เช่นนั้นก็จัดการคนผู้นี้ไปให้สิ้นซากได้

เมื่อเผชิญกับกระบี่เล่มนี้ เฮยเฉียก็รีบหลบหลีก จากนั้นแมงป่องขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน และพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี

“ได้ยินมาว่าสาวน้อยนางนี้เป็นคนที่ท่านใส่ใจยิ่งนัก เช่นนั้นข้าก็จะทำให้นางกลายมาเป็นอาหารของลูกข้าก็แล้วกัน!”

แมงป่องตัวนั้นรวดเร็วมาก อีกทั้งยังพ่นพิษรุนแรงออกมาอีกด้วย

และสิ่งที่จัดการได้ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ มัน…

มันคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!

อู๋ตี้เห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเข้าดวงตาก็เริ่มแดงก่ำขึ้น หมายความว่ามีผนึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกให้กินอีกแล้ว เพียงแต่ว่า…

สู้มันไม่ได้อ่ะ! ช่างอึดอัดใจยิ่งนัก!

เดิมทีไม่อยากจะสิ้นเปลืองยาโชคลาภตี้หลิน แต่ตอนนี้กลับจำต้องใช้มันแล้ว

มีเพียงแค่เพิ่มพลังวิญญาณให้ถึงขั้นมหาจักรพรรดิเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับแมงป่องตัวนี้ นางถึงจะมีกำลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้น!

ทว่า กำลังในการต่อสู้ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันแล้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งกว่ามาก และร่างของนางในตอนนี้ก็ปนเปื้อนไปด้วยพิษของแมงป่องไม่น้อยเลย

หากไม่ใช่เพราะว่าพิษทำอันใดนางไม่ได้ เกรงว่านางคงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว

“ทักษะโยวหลัว!”

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

เกราะป้องกันของแมงป่องพิษนี้สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นทักษะโยวหลัวก็ไม่สามารถทำลายมันได้

หมอกพิษที่มันได้พ่นออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้วังใต้ดินในตอนนี้เต็มไปด้วยพิษอันรุนแรง

มู่อีและพวกเห็นผู้นำตระกูลของตนเองถูกเจ้าสัตว์น่ากลัวตัวนี้ตามไล่ฆ่าอย่างน่าหวาดเสียวเช่นนี้ก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านผู้นำตระกูล!”

มู่เฉียนซีตะโกนกล่าว “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด! เฝ้าด้านนอกเอาไว้ หากมีผู้ใดกล้าหนีออกไปก็ฆ่าได้ทันที ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ห้ามเข้ามาเด็ดขาด!”

“ท่านผู้นำตระกูล แต่ว่า…”

มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “หรือแม้แต่คำสั่งของข้า พวกเจ้าก็ไม่ฟังอย่างนั้นเหรอ?”

“ขอรับ! ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! แม้ว่าจะเป็นกังวลมากเพียงใด แต่ในฐานะองครักษ์เงาของตระกูลมู่แล้ว พวกเขาจะขัดคำสั่งของท่านผู้นำไม่ได้เด็ดขาด

ท่านผู้นำตระกูลจะต้องไม่เป็นอะไร!

ในสายตาของกู้ไป๋อี เมื่อก่อนเฮยเฉียนั้นเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งความโดดเด่น แต่เขานั้นเข้าใจถึงพิษอันแข็งแกร่งของแมงป่องพิษตัวนี้ของเฮยเฉียเป็นอย่างดี และรู้ว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย!

กู้ไป๋อีที่ร้อนอกร้อนใจดุจดั่งไฟลุกโหมในตอนนี้ พลังชีวิตในร่างกายของเขานั้นโคจรรุนแรงมาก

พลังชีวิตทั้งหมดในบริเวณโดยรอบได้รวมตัวเข้าด้วยกัน

ถึงเวลาฟื้นฟูแล้ว!

เฮยเฉียสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกู้ไป๋อี สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที พลังของเขากำลังจะฟื้นฟูกลับมาแล้ว!

สีหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววดีใจขึ้น หากพลังของเสี่ยวไป๋ฟื้นฟูกลับมา ต่อไปก็คงจะรับมือได้ง่ายขึ้น

ตูม! เฮยเฉียฉวยโอกาสในตอนที่พลังของกู้ไป๋อียังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์เริ่มโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง

กู้ไป๋อีหลบหลีกได้ทุกการโจมตี ร่างชุดขาวเคลื่อนไหวออกไปท่ามกลางหมอกควันพิษ พลังขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้านั้นทำให้เฮยเฉียต้องถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว

ผู้แข็งแกร่งที่เคยทรงพลังเมื่อก่อนได้กลับมาแล้ว เขา…

กระบี่เฉียนหานพุ่งตรงไปที่หัวใจของเฮยเฉีย แม้ว่าจะไม่โดนหัวใจ แต่ร่างกายของเฮยเฉียก็ถูกแทงจนปรากฏรอยแผลขึ้น

กู้ไป๋อีกระวนกระวายใจอยากเข้าไปช่วยมู่เฉียนซีจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกตัวนั้น ดังนั้นเขายิ่งลงมือกับเฮยเฉียโหดเหี้ยมขึ้น

เผชิญหน้ากับกู้ไป๋อีที่พลังฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าแล้วเช่นนี้ เฮยเฉียไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย!

ไร้หนทางอื่นแล้ว มีเพียงแค่หนทางนี้ทางเดียว แววตาของเฮยเฉียฉายแววโหดร้ายขึ้น และกล่าวกับชายชราชุดดำว่า “เปิดค่ายกลเร็วเข้า! รีบเปิดค่ายกลเร็วเข้า!”