ตอนที่ 2127

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,127 : หวังติ่งชัน!

 

ตงกั๋วจื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่ใบหน้าถมึงทึงของมันจะผ่อนคลายลง ตามองต้วนหลิงเทียน ปากกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “ท่านชุดดำ…หากใจข้ามีจิตมุ่งร้ายต่อท่านจริง ไฉนข้าต้องปรากฏตัวออกมากล่าวเตือนท่านแต่แรกด้วย?”

 

“ท่านรู้หรือไม่ ว่าข้ามาถึงที่นี่นานแล้ว เพียงแค่ยังมิได้ปรากฏตัวออกมาเท่านั้น…”

 

วาจาต่อมาขณะกล่าว สองตาของตงกั๋วจื่อยังเผยเจตนาฆ่าฟันเยียบเย็นวูบหนึ่ง! ซึ่งเจตนาฆ่าฟันนี้ย่อมเพ่งเล็งไปยังต้วนหลิงเทียน!!

 

ถึงแม้ว่าเจตนาฆ่าฟันจะปรากฏออกมาพริบตาก่อนหายไปดุจละอองไฟวาบดับ ยากที่ใครจะจับสังเกตเห็นได้

 

หากแต่ด้วยการสังเกตอันน่าทึ่งของต้วนหลิงเทียน เขาย่อมแลเห็นเจตนาดังกล่าวได้ทันท่วงที

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้เขามั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

ตั้งแต่แรก ตงกั๋วจื่อผู้นี้ไม่เคยมีเจตนาดี!

 

“หากข้าเดาไม่ผิด…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองตงกั๋วจื่อด้วยสายตาลึกล้ำ กล่าวว่า “เจ้าสมควรเป็นคนของพันธมิตร ‘พันสารท’ ใช่หรือไม่? นอกจากนั้นแม้ฟังแล้วจะเหมือนเจ้ากล่าวเตือนข้า แต่ที่จริงเจ้าคิดยืมมือข้าฆ่าโอวฉิงกระมัง?”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ลูกตาตงกั๋วจื่อก็กระพริบวูบด้วยความประหลาดใจ ใบหน้ามันเผยอาการผิดแปลกออกมาวูบหนึ่งค่อยหวนคืนสู่ความปกติ

 

แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นความประหลาดใจที่ผุดขึ้นจากส่วนลึกในแววตา หรือใบหน้าที่แลดูผิดแปลกล้วนถูกซ่อนไว้ได้แทบจะทันที

 

อย่างไรก็ตามคิดซ่อนตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์อะไรสืบไป เพราะต้วนหลิงเทียนรู้ว่ามันมีเจตนาไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว

 

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีประสบการณ์ไม่น้อย กระทั่งระวังเรื่องนี้มาตลอด

 

อาศัยเรื่องที่เคยเป็นถึงทหารรับจ้างมือพระกาฬเมื่อชีวิตที่แล้ว ทำให้ทักษะการสังเกตของเขาเรียกว่าบรรลุถึงจุดที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไป ก็มากพอจะจับผิดมัน

 

“ท่านชุดดำ เรื่องนี้ท่านคิดมากเกินไปแล้ว…”

 

ตงกั๋วจื่อที่สงบลงแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง กระทั่งใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม แลดูเป็นมิตรไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสรรพชีวิตทั้งมวล

 

น่าเสียดายที่ไม่ว่ามันจะเสแสร้งปั้นหน้าเป็นมิตรอย่างไร หากแต่เจตนาของมันก็ถูกต้วนหลิงเทียนมองออกหมดสิ้น ยากจะตบตาอะไรได้อีก

 

“ท่านชุดดำ…”

 

ตอนนี้เอง ลู่จิ้น ที่อยู่ด้านหลังโอวฉิงพลันกล่าวคำออกมากับต้วนหลิงเทียนว่า “ตงกั๋วจื่อผู้นี้ คือนายน้อยของพันธมิตรพันสารทอย่างที่ท่านคิด…ซึ่งพันธมิตรพันสารทของมันก็ไม่ลงรอยกับพันธมิตร 7 สังหารของพวกข้ามาโดยตลอด ที่มันคิดให้ท่านฆ่าพวกข้าไม่เลิกรา ล้วนคิดยืมมีดฆ่าคนทั้งสิ้น!”

 

“ฮึ่ม!”

 

ลู่จิ้นกล่าวไม่ทันขาดคำดี ตงกั๋วจื่อพลันพ่นลมออกมาด้วยความรังเกียจ “ยืมมีดฆ่าคน? ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่โอวฉิงนั่นมันฝีมือกระจอกไม่มีปัญญาสู้ข้ามาทั้งชีวิต…ต่อให้เจ้าร่วมมือกับฉีคุนที่ถูกท่านชุดดำฆ่าตายไปก่อนหน้า หรือยังเป็นคู่มือผู้เฒ่าหวังที่อยู่ข้างๆข้าได้?”

 

ขณะกล่าวตงกั๋วจื่อก็เชิดหน้าเหลือบมองไปยังชายชราด้านหลัง

 

“มิผิด ต่อให้ข้ากับผู้เฒ่าฉีร่วมมือกันก็มิใช่คู่มือของผู้เฒ่าหวัง…”

 

ลู่จิ้นมองไปยังชายชราที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังตงกกั๋วจื่อด้วยสายตาหวั่นเกรง ค่อยพูดว่า “แต่เจ้ากับผู้เฒ่าหวังยังจะกล้าฆ่าพวกข้างั้นเหรอ?”

 

“ตราบใดที่พวกเจ้าลงมือข้าพวกข้า เช่นนั้นด้วยยันต์กระจกเงาลูกของข้ากับนายน้อยโอว…ย่อมส่งเรื่องราวทั้งหมดไปยังยันต์กระจกเงาแม่ที่อยู่ในมือท่านผู้นำ! ถึงตอนนั้นพันธมิตร 7 สังหารของพวกข้า ไม่ฆ่าพวกเจ้าให้ตายย่อมไม่มีวันเลิกรา!!”

 

“และถึงตอนนั้น หากพันธมิตร 7 สังหารของข้ารบกับพันธมิตรพันสารทของเจ้าจนบาดเจ็บล้มตายไปทั้งคู่ พันธมิตรหมื่นโบราณย่อมเป็นดั่งเฒ่าประมงพบนกกระสาสู้หอยกาบ ไหนเลยยังจะละเว้นพันธมิตรของพวกเรา!”

 

“นายน้อยตงกั๋ว ท่านเองก็มิใช่ชนชั้นขลาดเขลา…ไหนเลยจะไม่คิดถึงเรื่องนี้แต่แรก!”

 

ฟังจากวาจาของลู่จิ้น เรียกว่าไม่เหลือช่องให้ตงกั๋วจื่อแก้ตัวใดๆเลย พาลให้สีหน้าของมันมืดคล้ำดำลงขึ้นเรื่อยๆ

 

อย่างไรก็ตามลู่จิ้นยังไม่คิดจะปล่อยมันไปง่ายๆแต่เพียงเท่านี้ “ท่านชุดดำ ข้ากับนายน้อยได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าโดยไม่มีช่องโหว่ใดๆแล้ว เช่นนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเราจะแพร่งพรายเรื่องในวันนี้อีกต่อไป”

 

“ทว่าตงกั๋วจื่อ นายน้อยพันธมิตรพันสารทผู้นี้ที่มักกลัวโลกยังวุ่นวายมิพอ ไหนเลยจะห้ามใจไม่ให้เผยแพร่เรื่องราวในวันนี้ออกไปได้?”

 

“เพราะทันทีที่มันกล่าวเรื่องนี้ออกไปท่านย่อมกลายเป็นศัตรูของพันธมิตร 7 สังหารของพวกข้าทันที! และหากท่านเป็นศัตรูกับพวกข้า เกรงว่าคนของพันธมิตร 7 สังหารเรามิแคล้วต้องตกตายไปไม่น้อยเพราะไล่ล่าท่านแน่นอน!!”

 

“สำหรับมันแล้ว เรื่องนี้มีแต่จะได้กำไร ไม่เสียอันใดแม้แต่น้อย!”

 

“หากพวกมันมิเต็มใจกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าจริงๆ…ข้าขอแนะนำให้ท่านชุดดำฆ่ามันรวมถึงชายชราด้านหลังมันไปเลยเถอะ!”

 

หลังจากที่ลู่จิ้นกล่าวมานานสองนาน ทีแรกก็เหมือนจะเป็นการเตือนต้วนหลิงเทียน แต่ไปๆมาๆสุดท้ายวาจาของมันก็ไม่ต่างอะไรกับตงกั๋วจื่อ คิดยืมมีดฆ่าคนเช่นกัน!

 

แน่นอนว่าแม้ลู่จิ้นจะคิดยืมมีดฆ่าคน แต่มันก็หวั่นใจไม่น้อย

 

เพราะมันไม่อาจยืนยันได้ว่า ที่แท้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจกว่า หรือชายชราด้านหลังตงกั๋วจื่อร้ายกาจกว่ากัน!

 

อย่างไรก็ตามมันยังยืนยันได้เรื่องหนึ่ง ก็คือพลังฝีมือของชายชุดดำผู้นี้สูงส่งกว่ามันแน่นอน หากไม่ใช่เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ก็ต้องเป็นตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนแล้ว!

 

คิดถึงจุดนี้ลู่จิ้นก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งกล่าวเสริมออกมาว่า “อาวุโสหวังที่อยู่ด้านหลังนายน้อยตงกั๋วคนนั้น ก็คือยอดฝีมือคนหนึ่งของพันธมิตรพันสารท มันเรียกว่า หวังติ่งชัน ยังเป็นเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน รั้งอยู่ในอันดับที่ 159 ของรายนามยอดเซียน!!”

 

หลังกล่าวจบคำสองตาลู่จิ้นก็มองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง คล้ายจะรอดูว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบสนองอย่างไร

 

เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้มันก็ได้เปิดเผยพลังฝึกปรือของหวังติ่งชันออกไปหมดสิ้น

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานลู่จิ้นก็จำต้องผิดหวัง

 

นั่นเพราะชายชุดดำเบื้องหน้าไม่เพียงแต่จะสวมชุดคลุมลมดำที่ปกคลุมมิดชิดยากเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ กระทั่งใบหน้ายังถูกปกคลุมไปกว่าครึ่งไม่อาจแลเห็นความเปลี่ยนแปลงในแววตา

 

‘แต่จะอย่างไรร่างมันก็มิได้สั่นไหวอันใดสักนิดหลังข้าบอกอัตลักษณ์ของหวังติ่งชันออกไป…เช่นนั้นหมายความว่ามันก็มิได้กลัวหวังติ่งชันใช่หรือไม่?’

 

ถึงแม้ในใจจะคาดเดาไปแบบนี้ แต่ลู่จิ้นก็ไม่มีความมั่นใจเลย

 

ไม่เพียงแต่มันจะไม่มั่นใจ อีก 3 คนรวมถึงตงกั๋วจื่อก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

 

‘อันดับที่ 159 ในรายนามยอดเซียนงั้นเหรอ?’

 

หากเป็นคนอื่นอาจไม่คิดอะไรซับซ้อนเมื่อได้ยินคำพูดของลู่จิ้น หากแต่ความคิดในหัวต้วนหลิงเทียนพลันโบยบินออกไปอีกครั้ง ยังทำราวกับไปหยุดอยู่ในวันแรกที่เขาไปถึงลัทธิบูชาไฟ

 

‘จำได้ว่าวันแรกที่ข้ามาถึงลัทธิบูชาไฟ…ก็ได้รู้ว่าหลี่อันไม่เพียงแต่จะเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟ แต่ดูเหมือนมันจะอยู่ในอันดับที่ 139 ในรายนามยอดเซียนอีกด้วย?’

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหวนนนึกถึงหลี่อันขึ้นมา เพราะอันดับในรายนามยอดเซียนของหวังติ่งชานก็ใกล้เคียงกับหลี่อันอยู่บ้าง!

 

‘ตอนแรกต่อหน้าหลี่อันข้าไม่ต่างอะไรจากมด ที่เอาชีวิตรอดมาได้ก็ต้องพึ่งกฏของลัทธิบูชาไฟ…ทว่าตอนนี้ต่อให้หลี่อันมันมาอยู่ตรงหน้า ข้าก็ไม่กลัว!’

 

พอคิดถึงจุดนี้แววตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายประกายเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจออกมา

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ดึงความคิดที่โบยบินไปไกลให้กลับมาจดจ่อกับเรื่องราวเบื้องหน้า ค่อยถามลู่จิ้นออกไปอย่างไม่แยแสว่า “เจ้าเองก็คิดยืมมีดฆ่าคนเหมือนมันด้วย?”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่วาจาต้วนหลิงเทียนดังออกมา ยันต์กระจกเงาแม่ก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือของลู่จิ้น หากแต่ยังถูกซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้ออย่างเงียบงันยากที่จะมีใครสังเกตเห็น

 

และครู่ต่อมา

 

ฟุ่บ!

 

ก่อนที่ลู่จิ้นจะทันได้ทำอะไร ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบมาหยุดอยู่เบื้องหน้ามันแล้ว

 

“เคลื่อนย้ายจักรวาล!”

 

พริบตาดุจฟ้าแลบ ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นก่อนจะปรากฏไม้บรรทัดหนึ่งผุดจากความว่างเข้ามือ บรรทัดจักรวาลถูกตวัดออกไปทันที

 

ทันใดนั้นความว่างเปล่าโดยรอบก็เริ่มสะท้าน คราวีน้ไม่เพียงแต่จะมีแสงสว่างเจิดจ้า กระทั่งภาพเรื่องราวคล้ายบิดเบือนประหนึ่งบังเกิดระลอกคลื่นหลังทุ่มหินลงสระสงบ!

 

อย่างน้อยๆก็บิดเบือนในสายตาของโอวฉิง ตงกั๋วจื่อและหวังติ่งชาน

 

ปงง!

 

ครู่ต่อมาเสียงสนั่นพลันดังเข้าหูทั้ง 3 และความว่างเปล่าที่บิดเบือนดั่งระลอกน้ำ ก็หวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

 

ต่อมาทั้ง 3 ก็ได้แลเห็นร่างลู่จิ้นปลิดปลิวกระเด็นออกมาดั่งว่าวสายป่านขาด โลหิตแดงกระอักออกจากปากสาดพ่นรดฟ้าไปเป็นสาย ส่องประกายสีแดงสดยามต้องสะท้อนแสงตะวัน!

 

เห็นได้ชัดว่าเสียงระเบิดดังก่อนหน้าเป็นเสียงพลังของชายชุดดำวซัดกระแทกเข้าร่างลู่จิ้น

 

ในเวลาชั่วพริบตา ลู่จิ้น อันดับที่ 295 ของรายนามยอดเซียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส!

 

‘แข็งแกร่งนัก!’

 

โอวฉิงกับตงกั๋วจื่อลอบสะท้านในใจ ส่วนหวังติ่งชานที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังตงกั๋วจื่ออดไม่ได้ที่จะเผยความระวังขึ้นในแววตา

 

เพราะชายชุดดำไม่ทราบใช้กลวิธีอันใดทำให้ความว่างเปล่าโดยรอบกระเพื่อมไปดั่งระลอกน้ำราวห้วงมิติถูกบิดเบือนกันแน่ และมันก็ไม่อาจทราบได้เลยว่าที่แท้นั่นเป็นเวทย์พลังหรือความสามารถผีสางอันใด

 

แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นเกรงขึ้นมา

 

หลังซัดทำร้ายลู่จิ้นจนสาหัสแล้ว สายตาต้วนหลิงเทียนก็เบนออกจากร่างมันไปตกยังตงกั๋วจื่อ ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จะสาบานเหมือนพวกมัน…หรือตาย!”

 

แม้เสียงกล่าวคำช่วงแรกของต้วนหลิงเทียนจะฟังดูเฉยเมย หากแต่ท้ายประโยคคล้ายน้ำเสียงจะหนักขึ้นเล็กน้อย

 

หน้าตงกั๋วจื่อเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

ส่วนหวังติ่งชันที่อยู่ด้านหลังตอนนี้ก็เริ่มหน้าตึงขึ้นมา ร่างสูงใหญ่ของมันก้าวออกมาเบื้องหน้าด้วยคิดจะลงมือกับต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตามตงกั๋วจื่อกลับหยุดมันเอาไว้

 

“ทนไว้ก่อนผู้เฒ่าหวัง…จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่อาจ ‘หยั่งถึง’ ก้นบึ้งชายชุดดำได้ หากท่านลงมือวู่วามอะไรจะเป็นการยั่วโมโหมันเสียเปล่าๆ! เกิดพลังฝีมือของมันสูงส่งกว่าท่านขึ้นมา คงยากที่ท่านกับข้าจะรอดไปได้”

 

ตงกั๋วจื่อที่หยุดหวังต่งชินเอาไว้เร่งส่งเสียงกล่าวสืบต่อ “ตอนนี้พวกเราทำตามที่มันพูดไปก่อน…พอไปรวมตัวกับท่านพ่อและคนอื่นๆได้แล้วก็ไม่สายที่จะจัดการมัน! พวกเราเพียงกล่าวคำสาบานว่าจะไม่กล่าวบอกเรื่องราวทั้งหมดที่พวกเราแลเห็นกับใคร แต่ไม่ต้องกล่าวคำสาบานว่าจะไม่ทำให้มันเดือดร้อนหรือฆ่ามัน!”

 

เสียงผ่านพลังของตงกั๋วจื่อคราวนี้ บ่งบอกให้รู้ถึงความรอบคอบของมัน

 

มันเลือกที่จะกล่าวโน้มน้าวหวังติ่งชัน และอันที่จริงหวังติ่งชันก็ไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้

 

เพราะความมั่นใจที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมา ทำให้ใจมันต้องหวั่นๆอยู่บ้าง

 

“เอาตามนายน้อยว่าเถอะ”

 

จากนั้นหวังติ่งชันกับตงกั๋วจื่อก็กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมา ว่าพวกมันจะไม่กล่าวบอกเรื่องราวที่พบเห็นกับใครออกมาเด็ดขาด หาไม่แล้วขอให้พวกมันถูกอัสนีสวรรค์พิฆาตร่างตายตก!

 

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

 

ด้วยเสียงอัสนีลั่นดังจากฟากฟ้าทั้งสิ้น 9 รอบตงกั๋วจื่ออดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ด้วยคิดว่าจบเรื่องราวแล้ว

 

“ผู้เฒ่าหวั่ง พวกเราไปกันเถอะ”

 

ครู่ต่อมาตงกั๋วจื่อก็กล่าวชักชวนหวังติ่งชานและคิดจากไป

 

“ช้าก่อน!”

 

อย่างไรก็ตามตงกั๋วจื่อพึ่งชวนหวังติ่งชานให้จากไปไม่ทันจบคำดี ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

ได้ยินวาจารั้งตัวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าตงกั๋วจื่อก็มืดมนลงอีกครั้ง “ข้ากับผู้เฒ่าหวังก็ได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ตามคำขอท่านไปแล้ว…ตอนนี้ท่านยังต้องการอะไรจากพวกเราอีก?”

 

“ท่านชุดดำท่านอย่าได้บีบคั้นผู้คนให้มันมากเกินไป!”

 

กล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงของตงกั๋วจื่อก็แฝงโทสะไม่น้อย