บทที่ 669 แต่งงานแล้ว

ตอนหลินชิงเหอโทรกลับมา ไม่ต้องพูดเลยว่าสะใภ้สามโจวจะดีใจขนาดไหน

ถึงจะไม่ได้แต่งงานไปอยู่ปักกิ่ง แต่แต่งไปอยู่เซี่ยงไฮ้ก็เหมือนกัน เป็นญาติที่เกี่ยวดองกัน แถมยังเป็นผู้จัดการที่ร้านขายชาของอาสี่กับอาสะใภ้สี่ พึ่งพาได้แน่นอน

“ที่บ้านเขามีฐานะธรรมดา ค่าใช้จ่ายในการแต่งงานจึงใช้เงินของเขาเองทั้งหมด เพราะฉะนั้นเรื่องของสินสอดอาจจะไม่มากนักนะคะ” หลินชิงเหอกล่าว

“เรื่องนั้นไม่เป็นไรจ้ะ ขอแค่พวกเขาสามีภรรยาใช้ชีวิตกันได้เป็นอย่างดีก็พอ ฝ่ายพี่แค่รับสินสอดไว้เป็นพิธีเท่านั้น” สะใภ้สามโจวบอก

สะใภ้สามโจวคุยกับหลินชิงเหออีกไม่กี่ประโยคก็วางสายไป แล้วจึงรีบค้นของในคลังสมบัติที่เหลืออยู่

ช่วงนี้หล่อนซื้อเครื่องประดับทองเก็บไว้ไม่น้อย

มีทั้งสร้อยทอง แหวนทอง ต่างหูทอง ปกติเก็บไว้ไม่ได้ใส่ รวม ๆ เข้าด้วยกันแล้วก็มีอยู่จำนวนนึง

หล่อนจึงเอาสร้อยทองเส้นหนึ่งที่น้ำหนักไม่เบาและแหวนทองคู่หนึ่งออกมา เพื่อไว้เป็นสินเดิมก้นหีบให้ลูกสาว

“คุณว่าเอาเงินไว้ให้อู่นีเก็บเป็นเงินส่วนตัวเท่าไหร่ดีคะ?” สะใภ้สามโจวถาม

หากไม่นับหลินชิงเหอแล้ว ในบรรดาพี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสาม คนที่ให้ความสำคัญชายหญิงเท่ากันที่สุดก็คือสะใภ้สามโจว

ปีนั้นสุขภาพหล่อนทรุดโทรมลงเพราะคลอดโจวอู่หนี จนกระทั่งหลินชิงเหอมา หล่อนถึงท้องลูกชายได้อีกคน ค่อยมีจุดยืนในบ้านขึ้นมาหน่อย

แต่ก่อนมีลูกชายหล่อนก็ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับลูกสาวอย่างโจวอู่นี ตรงกันข้าม หล่อนรักใคร่เอ็นดูลูกสาวมาก

ตอนนี้จะแต่งงานแล้ว หล่อนจึงให้ทั้งสร้อยทองแหวนทองเป็นสินเดิมติดตัว แล้วยังจะให้เงินด้วย

พี่สามโจวก็รักลูกสาวคนโตผู้เอาอ่าวคนนี้เหมือนกัน เขาเอ่ยขึ้น “อย่างนั้นให้ 1,000 หยวนไหม?”

“หนึ่งพันน้อยไปหรือเปล่า ตอนนี้ลูกกับเจียงเหิงอาศัยอยู่ในบ้านของชิงเหอ อีกหน่อยต้องซื้อบ้านของตัวเอง ราคาไม่น้อยหรอกนะ” สะใภ้สามโจวเอ่ย

ไม่ต้องพูดถึงเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ แค่บ้านในแถบที่พวกเขาอยู่ก็ราคาขึ้นสูงแล้ว แถมซื้อยากด้วย

“ถ้าพวกเขาเจอที่ถูกใจ คุณค่อยให้อู่นีมายืมเงินที่บ้าน แล้วค่อย ๆ คืนก็ได้” พี่สามโจวกล่าว

“ถึงอย่างนั้นหนึ่งพันก็น้อยไปอยู่ดี” สะใภ้สามโจวเอ่ย

“ถ้าหนึ่งพันน้อยไป คุณก็เอาให้หล่อนสองพันก็ได้” พี่สามโจวบอก

ถ้าเป็นครอบครัวทั่ว ๆ ไป ไม่มีใครให้เงินของขวัญแต่งงานลูกสาวแบบนี้หรอก แต่พี่สามโจวกับสะใภ้สามโจวกลับทุ่มเต็มที่

เดี๋ยวนี้ที่ร้านขายดิบขายดี แล้วยังเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผักผลไม้ด้วย ถ้าพี่สามโจวยอมเหนื่อยหน่อยเดือนเดียวก็ได้เงินคืนแล้ว

เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงกล้าให้เงินเป็นสินเดิมก้นหีบกับลูกสาวคนโตที่กำลังจะแต่งงาน

เรื่องราวหลังจากนั้นถือว่าราบรื่นมาก

หลังจากเจียงเกิงและโจวอู่นีกลับมา พวกเขาก็ไปซื้อเครื่องซักผ้าและตู้เย็นที่ห้างสรรพสินค้าแถวนั้น และใช้ของพวกนี้เป็นสินสอด

หลักจากนั้นจึงเตรียมตัวไปเซี่ยงไฮ้

ส่วนพี่สามโจวส่งข่าวให้พี่ใหญ่โจวกับสะใภ้ใหญ่โจว แล้วก็พี่รองโจวและสะใภ้รองโจว

หลังทั้งสองบ้านฝากเงินใส่ซองเรียบร้อย พี่ใหญ่โจวจึงบอกให้โจวหยางเป็นคนนำไปให้ ส่วนบ้านรองนั้นโจวเซี่ยเพิ่งรับงานมาจึงยุ่งเกินกว่าที่จะไปได้

ทางด้านปักกิ่ง โจวชิงไป๋ก็ถามภรรยาเขา “บ้านเราให้อะไรดีครับ?”

“ใส่ซองให้อู่นี 500 หยวนก็พอ” หลินชิงเหอบอก

โจวอู่นีและเจียงเหิงนั้นเรียกได้ว่าแต่งงานสายฟ้าแลบ ที่จริงแผนเดิมของหลินชิงเหอคือให้สองคนนี้คบกันไปก่อนยังไม่ต้องรีบ แต่รักต่างถิ่นดำเนินไปด้วยความยากลำบาก

หากไม่แต่งงาน โจวอู่นีจะย้ายงานไปอยู่เซี่ยงไฮ้ก็นับว่าไม่ดี การเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานแล้วอาศัยอยู่ในบ้านคนเดียวคงไม่ปลอดภัยแน่นอน

ในเมื่อพวกเขาสองคนตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงาน ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก

ตอนโจวอู่นีแต่งงานนั้นโจวชิงไป๋ไม่ได้ไป หลินชิงเหอพาเจ้าสามโจวกุยหลาย โจวเอ้อร์นีและโจวซานนีมากันหมด

โจวซื่อนีรู้ว่าโจวอู่นีจะแต่งงานแล้วก็อยากไปมาก ติดที่กำลังท้องอยู่ จะระหกระเหินเดินทางได้อย่างไร หล่อนที่ไปไม่ได้จึงอาศัยฝากซองไป และเลือกเสื้อผ้าใหม่สองชุดที่ร้านแม่สามีให้โจวอู่นีไปกับซองเงินด้วย

งานแต่งงานของโจวอู่นีครึกครื้นอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกันทางบ้านเจียงก็รู้สึกว่าครอบครัวโจวอู่นีช่างไม่ธรรมดา

หลังแต่งงานเข้ามาแล้วมันก็คงไม่แย่นัก

วันรุ่งขึ้นหลังจากจัดงานแต่ง พี่สามโจวและสะใภ้สามโจวได้ตามพวกหลินชิงเหอมาที่ปักกิ่ง

อย่างไรก็ต้องมาหาพ่อแม่ไม่ใช่หรือ? ลองคำนวณเวลาดูแล้วไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนาน ถึงแม้คุยกันในโทรศัพท์บ่อย แต่ไม่ได้พบหน้ากันนานมากแล้วจริง ๆ

ตอนที่พี่สามโจวเจอหน้าท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว เขาก็ตาแดงและคุกเข่าลง เรียกได้ว่าเป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวมาก

สองสามีภรรยาเดินเล่นชมทิวทิศน์อยู่แถวนี้อยู่อีกสองวันก่อนจะกลับ

ทุกคนมีหน้าร้านของตัวเองหมด และต้องรีบกลับไปทำการค้าขาย

“อู่นีแต่งงานครั้งนี้อาสามกับสะใภ้สามให้เงินไปเท่าไหร่หรือ?” ท่านแม่โจวถามโจวเอ้อร์นี

ท่านแม่โจวรักหลานสาวเหมือนกัน ครั้งนี้ใส่ซองไปให้ตั้ง 50 หยวน แต่ก็ยังถาม

“ไม่รู้สิคะคุณย่า ฉันไม่ได้ถามพวกเขาน่ะค่ะ” โจวเอ้อร์นีส่ายหัว

ที่จริงหล่อนรู้ว่าอาสามกับอาสะใภ้สามให้สินเดิมเป็นสร้อยทองหนึ่งเส้นและแหวนทองสองวง แล้วยังมี 2,000 หยวนเป็นเงินสินเดิมก้นหีบ

แต่นั่นเป็นเรื่องของอาสามกับอาสะใภ้สาม ไม่ต้องบอกคุณย่าหรอก แม่เฒ่ารักหลานสาวก็ส่วนรักหลานสาว แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายเงินด้วย

“อาสามอาสะใภ้สามเธอรักอู่นีมาก ต้องให้ไปไม่น้อยแน่ ๆ จริง ๆ สองสามีภรรยานั่นไม่ต้องให้เยอะก็ได้ ต้องให้พวกคนหนุ่มสาวไปฝ่าฟันเอาเองสิ” ท่านแม่โจวกล่าว

โจวเอ้อร์นีจึงเล่าเรื่องนี้ให้หลินชิงเหอฟัง หลินชิงเหอยิ้มพลางเอ่ย “ที่คุณย่าพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่รักลูกก็เป็นเรื่องปกติ”

โจวเอ้อร์นีบอกด้วยรอยยิ้ม “ฉันนึกว่าอู่นีจะไม่ไวขนาดนี้เสียอีกค่ะ คิดไม่ถึงว่าพอบอกจะแต่งงานก็แต่งเลย”

หลินชิงเหอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่งงานกันเร็วปานสายฟ้าจริง ๆ

แล้วเธอก็พลันนึกถึงเจ้าใหญ่กับเหม่ยเจี่ยที่หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้วยังไม่ได้แต่งงานเลย ทั้งโจวอู่นีและเจียงเหิงสองคนนี้ก็แซงหน้าคนมาก่อนอย่างเห็นได้ชัด

หลินชิงเหอจึงโทรไปคุยกับเซวียเหม่ยลี่ทีหลัง

เซวียเหม่ยลี่เล่าให้ฟังว่าเจียงเหิงและโจวอู่นีสองสามีภรรยายังไม่ได้ทำกับข้าวเองเลย พวกเขากินข้าวที่บ้านลุงเจียงป้าเจียง

เพราะทั้งคู่ทำกับข้าวเองไม่คุ้มเหนื่อย ทำแต่ละครั้งต้องทำเป็นหม้อ สู้มากินที่นี่เลยดีกว่า แค่ให้ค่าอาหารด้วยก็พอ

อย่างไรเสียนั่นก็ปู่ย่าแท้ ๆ แถมโจวอู่นีเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของหลินชิงเหออีก เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา กินที่นั่นได้เลย

ไม่ต้องพูดเลยว่าชีวิตของสามีภรรยาดีขนาดไหน

วันนั้นเจ้าใหญ่โจวข่ายโทรศัพท์มาพอดี หลินชิงเหอจึงเล่าเรื่องที่โจวอู่นีแต่งงานให้ฟัง

โจวข่ายตะลึง “ทำไมไวขนาดนั้นล่ะครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยได้ยินข่าวเลย?”

“ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ก็แค่หนึ่งเดือน ลูกจะไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องปกติ” หลินชิงเหอกล่าว และถามเขาอีก “ลูกกับเหม่ยเจี่ยจะกลับมาได้ตอนไหนล่ะ?”

“ต้องรอจนสิ้นปีเลยล่ะครับ” โจวข่ายบอก

หลินชิงเหอว่าแล้วว่าต้องรอจนสิ้นปีถึงจะมีวันหยุดกลับมาแต่งงานได้

……………………………………………………………………………………………………………………….