บทที่ 668 เรื่องแต่งงานของโจวอู่นี

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่​ 668 เรื่องแต่งงานของโจวอู่นี

 

เห็นได้ชัดว่าท่านแม่โจวรู้จักนิสัยหลานสาวคนนี้อยู่

 

พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ ในฐานะครอบครัวเดียวกันแล้ว ใครจะไม่รู้จักนิสัยของคนในครอบครัวบ้าง?

 

นางไม่สนใจใคร่รู้เรื่องที่ว่าทำไมหล่อนถึงหย่า อย่างไรเสียก็หย่าไปแล้ว มัวแต่ว้าวุ่นใจก็เปล่าประโยชน์ แต่เรื่องที่หลานสาวคนนี้ขออยู่ที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องที่นางต้องยุ่ง

 

ถ้าให้นางยุ่งจริง ๆ​ แล้วทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เชื่อฟังนางล่ะ ตอนมีของกินแย่งเก่งยิ่งกว่าใคร เรียกให้ทำงานอ้างนู่นอ้างนี่ ตามแบบฉบับวัวขี้เกียจมูลเยอะ

 

“คุณย่าคะ ทุกคนมาอยู่นี่กันหมดทำไมหนูถึงมาไม่ได้? อาสี่อาสะใภ้สี่ดูแลหลานสาวหลานชายมากขนาดนั้น แต่ไม่คิดจะแยแสหนูเลยเหรอ?” โจวลิ่วนีเอ่ย

 

“ฉันไม่ชอบที่เธอพูดเลยนะ” ท่านแม่โจวได้ฟังก็มองหน้าหล่อนพลางเอ่ย “ไม่ใช่พ่อใช่แม่เธอ ทำไมต้องดูแลเธอด้วย อาสี่อาสะใภ้สี่ติดหนี้เธอไว้หรือยังไง? พวกเขาดูแลหลานชายหลานสาวคนอื่นก็จริง แต่ทำไมถึงไม่สนใจเธอ เรื่องนี้เธอไม่รู้บ้างเลยเหรอ? ตั้งแต่เด็กจนโตเธอนี่เหมือนแม่เธออย่างกับแกะ สายตามองเห็นแค่นิดเดียว คิดจริง ๆ​ เหรอว่าในโลกนี้มีแต่คนโง่แล้วมีเธอฉลาดอยู่คนเดียวน่ะ? ”

 

“คุณย่า หนูรู้ค่ะว่าเมื่อก่อนเป็นความผิดของหนู ตอนนี้หนูรู้ตัวและยอมรับผิดแล้ว หนูแค่อยากอยู่ปักกิ่ง ไม่อยากกลับไปอีกแล้ว” โจวลิ่วนีกล่าว

 

ปักกิ่งในตอนนี้อยู่ในช่วงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ในเมื่อชาติก่อนมาไม่ทัน ชาตินี้มาทันแล้วหล่อนจะยอมพลาดไปได้อย่างไร?

 

ต่อให้ไม่ทำอะไรเลย แค่หาผู้ชายที่นี่สักคนแต่งงานด้วยได้ อนาคตคงได้ดีแน่นอน

 

“เธอไม่ต้องมาบอกฉัน ฉันไม่มีห้องให้เธออยู่หรอก รีบกลับไปให้แม่เธอหาสามีใหม่ให้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นผ่านไปอีก 2-3 ปีเธออยากแต่งงาน​ ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครเอาเธอแล้ว” ท่านแม่โจวบอก

 

สุดท้ายหล่อนมาหาท่านแม่โจวก็ไม่ได้อะไร คำสัญญาสักคำก็ไม่ได้

 

ตกกลางคืนตอนที่โจวเอ้อร์นีและหวังหยวนพาลูกชายลูกสาวกลับบ้าน​ท่านแม่โจวก็มาถามหล่อนที่บ้าน

 

โจวเอ้อร์นีย่อมไม่ปิดบังนาง “หนูคุยโทรศัพท์กับแม่แล้ว เห็นว่าหล่อนขโมยเงินที่บ้านแล้วหนีออกมาน่ะค่ะ”

 

ท่านแม่โจวหน้าเสียทันที

 

“พรุ่งนี้ไปบอกอาสี่อาสะใภ้สี่เธอเลยว่าไล่ยัยนี่กลับบ้านไปซะ อย่ารับไว้ ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยไม่รู้จะก่อเรื่องอะไรอีกบ้าง” ท่านแม่โจวเอ่ย

 

โจวเอ้อร์นีจึงเอาคำพูดนี้ไปบอกหลินชิงเหอ

 

“ไปบอกย่าแกว่าให้สบายใจได้ ฉันไม่เลี้ยงยัยลิ่วหนีไว้หรอก” หลินชิงเหอบอก

 

ผู้มาเกิดใหม่คนนี้ ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะมาด้วยจุดประสงค์อะไร เธอก็ไม่เลี้ยงไว้

 

สุดท้ายโจวลิ่วนีก็ได้อยู่ที่นี่ 3 วัน พอครบ 3 วัน หลินชิงเหอก็บอกให้โจวชิงไป๋ซื้อตั๋วรถไฟให้หล่อน แล้วส่งขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปทางมณฑลบ้านเกิด

 

ส่วนโจวลิ่วนีจะกลับบ้านหรือไม่นั้นหลินชิงเหอไม่สนหรอก โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่มีใครต้องบูชาใคร

 

เงินก็ไม่ให้ ให้แค่ค่ารถ ส่วนตัวหล่อนเองขโมยเงินออกมาเท่าไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

ต่อมาหลินชิงเหอจึงได้รับโทรศัพท์จากพี่รองโจว พี่รองโจวขอโทษมาตามสาย หลินชิงเหอได้ยินก็ไม่โกรธเคืองเขา แต่เคยเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น เธอไม่ไปรับภาระอย่างโจวลิ่วนีไว้หรอก

 

ในขณะเดียวกับที่โจวลิ่วนีขึ้นรถไฟ อาซิ่วและโจวอู่นีก็กลับมาจากเซี่ยงไฮ้ด้วยกันกับเจียงเกิง

 

หลินชิงเหอเอ่ย “ทำไมไม่อยู่นานกว่านี้หน่อยล่ะ”

 

“อยู่ที่นั่นไปก็ไม่มีอะไรทำ ฉันเลยกลับมาก่อนน่ะค่ะ” โจวอู่นีหน้าแดงเล็กน้อย

 

“พี่หมิ่นอยากกลับบ้านเกิดไปทำเรื่องย้ายงานค่ะ” หลินซิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ย้ายงาน?” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว

 

“พ่อผมคุยกับโรงเรียนที่โน่นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว โรงเรียนมัธยมในเขตเราเนี่ยแหละครับ” เจียงเกิงยิ้ม “อีกหน่อยพี่หมิ่นก็ไปสอนหนังสือที่นั่นได้​แถวนั้นเป็นถิ่นบ้านเราเอง ไม่มีปัญหาแน่นอน”

 

หลินชิงเหอส่งยิ้มให้โจวอู่นี ทว่าไม่ได้พูดอะไร รอไว้มาคุยเรื่องนี้กับโจวอู่นีเป็นการส่วนตัว

 

โจวอู่นีหน้าแดงระเรื่อ “ฉันแค่อยากลองดูน่ะค่ะ”

 

“ดีแล้ว” หลินชิงเหอพยักหน้า “ไปนู่นแล้วพักในบ้านไปก่อน บ้านนั้นอาสี่เธอซื้อไว้สมัยที่อาท้องมี่มี่ กว้างขวางสะดวกสบายดี”

 

“พวกเราจะพยายามซื้อบ้านให้เร็วที่สุดค่ะ” โจวอู่นีบอก

 

“คุยกันถึงเรื่องซื้อบ้านแล้วหรอ” หลินชิงเหอเอ่ยยิ้ม ๆ

 

โจวอู่นีหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที หลินชิงเหอยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “สถานการณ์ที่บ้านเขาเป็นไงบ้าง? ”

 

โจวอู่นีเล่าสิ่งที่เผชิญให้อาสะใภ้สี่ตัวเองฟัง

 

เจียงเหิงเป็นลูกคนรองของบ้าน มีพี่ใหญ่อยู่คนหนึ่งแต่งงานแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนคบยาก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะหลังแต่งงานแล้วพวกเขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน

 

แม่ของเจียงเหิงไม่ได้ทำงาน จึงมีพ่อของเจียงเหิงที่ทำงาน ที่บ้านยังมีน้องชายน้องสาวที่เรียนหนังสืออยู่ ถ้าจะบอกว่าภาระที่บ้านไม่หนักก็เป็นไปไม่ได้

 

“เจียงเหิงคุยกับเธอเรื่องปัญหานี้ว่ายังไงบ้างจ๊ะ” หลินชิงเหอถาม

 

“เจียงเหิงบอกว่าจะออกเงินค่าเลี้ยงดูให้พวกเขาไปก่อนแต่งงานน่ะค่ะ หลังจากแต่งงานแล้วฉันจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะให้เท่าไหร่” โจวอู่นีบอก เห็นได้ชัดว่าเธอพึงพอใจมากกับเรื่องนี้

 

หลินชิงเหอหัวเราะ “แล้วเธอคิดจะให้เท่าไหร่”

 

“ฉันไปสอนหนังสือที่โน่นมีรายได้เหมือนกัน เจียงเหิงเองก็มี ในเมื่อบ้านเขาลำบาก ฉันให้ได้เดือนละ 30 หยวนค่ะ​ ถือว่าช่วยกัน” โจวอู่นีกล่าว

 

หลินชิงเหอพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าโจวอู่นีตัดสินใจได้แล้ว เธอไม่ต้องพูดอะไรอีก “แล้วจะกลับไปเมื่อไหร่? ”

 

“ฉันจะนั่งรถไปพรุ่งนี้บ่ายค่ะ” โจวอู่นีพูดเขิน ๆ

 

ในเมื่อเตรียมจะแต่งงานหน้าร้อนนี้แล้วก็ต้องเร่งมือหน่อย กลับไปครั้งนี้หล่อนจะรับพ่อแม่ไปที่เซี่ยงไฮ้ และจะได้แวะทำเรื่องย้ายงานด้วย

 

หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ “งั้นพรุ่งนี้ให้เจ้าสามไปส่งเธอขึ้นรถนะ”

 

เจียงเหิงไม่ว่าง เพราะเขาต้องทำงาน ออกมาข้างนอกนานขนาดนี้กลับไปแล้วต้องตั้งใจทำงาน

 

แต่เจียงเกิงว่าง เขาจึงฝากเจียงเกิงเอาของขวัญมาให้ไม่น้อย และให้เขาส่งว่าที่พี่สะใภ้โจวอู่นีกลับไป และแวะจัดเตรียมสินสอด

 

เจียงเหิงกลับไปจัดซื้อของที่โน่น ซื้อเสร็จแล้วจะส่งไปให้ ที่บ้านมีทีวีสีแล้ว แต่ยังไม่มีตู้เย็นและเครื่องซักผ้า

 

นอกเหนือจากนั้นเจียงเหิงยังซื้อสร้อยทองให้โจวอู่นีหนึ่งเส้น เรียกได้ว่าจริงใจสุด ๆ

 

การแต่งงานครั้งนี้ทำให้เขาใช้เงินเก็บไปจนเกือบหมดแล้ว แต่ได้ภรรยากลับบ้านก็ถือว่าคุ้ม

 

ตอนนี้เจียงเหิงกำลังวิ่งเต้นขายชาอย่างขยันขันแข็งที่เซี่ยงไฮ้ เขาคิดจะเพิ่มอัตรากำไรตัวเองจะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม

 

จะเอาแต่อาศัยอยู่ในบ้านน้าหลินคงไม่ได้ ต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง

 

บ่ายวันต่อมา โจวอู่นีก็หิ้วของขวัญมากมายกลับบ้านเกิดไปกับเจียงเกิง

 

หลินชิงเหอก็รีบโทรบอกพี่สะใภ้สามโจวในทันที

 

…………………………………………………………………………………………………………………………