ส่วนที่ 5 สมรภูมิดอกไม้เหลือง ตอนที่ 69 ความฝันที่น่าชื่นชม ชะตาที่น่ายกย่อง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เรื่องคาดไม่ถึงเกิดขึ้นเพราะยอดฝีมือเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจบางคนปรากฏขึ้นในต้าลู่

ยอดฝีมือพวกนี้แข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งมากจนทั้งโลกประหลาดใจกับการปรากฏขึ้นของพวกเขา และพวกเขาดูถูกเผ่ามังกร

ยกตัวอย่างเช่น มหาบัณฑิตเผ่ามารทงกู่ซือนั้นชื่นชอบการวิจัยเลือดมังกร ในชีวิตที่ยืนยาวและน่าเบื่อของเขา มีมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนตายในห้องทดลองที่ไม่เคยเห็นแสงตะวันแต่อาบด้วยแสงเดือนตลอดปีของเขา เขามีชื่อเสียงน่ากลัวจนมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งที่อ่อนแอจะตกลงจากท้องฟ้าด้วยความตกใจเพียงแค่ได้ยินชื่อของเขาเท่านั้น อีกตัวอย่างหนึ่งก็คืออดีตเจ้าของกระบี่มหาสมุทรขุนเขาที่เคยสู้กับมังกรร้ายท่ามกลางภูเขาและมหาสมุทรมากมาย ว่ากันว่าปลิงทะเลที่จับมาจากมหาสมุทรที่ถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดนั้นมีค่ามากทีเดียว ยังมีมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายพันปีที่กลายเป็นเพื่อนกับราชามารแห่งเมืองเสวียเหล่า แต่ในที่สุดก็ถูกโจวตู๋ฟูเปลี่ยนไปเป็นเทือกเขาในสวนโจว

และอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือคนที่ชื่อซูหลี

ย้อนไปที่น้ำพุร้อนในทุ่งหิมะ เมื่อมังกรดำน้อยเห็นซูหลีเป็นครั้งแรก นางก็กลัวแทบตาย

นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้ฆ่ามังกรมาแล้วมากมาย

คนพวกนี้ที่กล้าฆ่ามังกรไม่จำเป็นต้องโหดร้าย และก็ยังมีโอกาสที่จะล้มเหลว มีแต่คนที่ฆ่ามังกรได้สำเร็จจึงเรียกได้ว่าแข็งแกร่งจริง

ถ้าอย่างนั้นคนอย่างซูหลีควรเรียกว่าอย่างไร คนที่เดินทางไปทะเลใต้ที่เผ่ามังกรอันแข็งแกร่งอาศัยอยู่และฆ่ามังกรไปนับไม่ถ้วนใต้กระบี่ของเขา

แหม เขาก็ยากจะบรรยายได้เสมอมา แทบจะเป็นตัวอย่างที่บ้าที่สุดซึ่งไม่อาจทำความเข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึก

มังกรดำน้อยไม่รู้ว่าซางสิงโจวเป็นใคร แต่นางสัมผัสได้ว่านักพรตที่แข็งแกร่งนี้ย่อมเป็นหนึ่งในคนที่คาดไม่ถึงพวกนั้น ดังนั้นนางจึงจงใจพูดเรื่องในอดีต แม้ว่าชื่อเสียงอันโหดร้ายของเผ่ามังกรไม่อาจทำให้คู่ต่อสู้ของนางถอยไป นามในตำนานอย่างหวังจื่อเช่อคงสามารถทำให้เขาเลื่อมใสอยู่บ้าง

การตอบสนองของซางสิงโจวสุขุมและเฉยชาอย่างมาก ขัดกับสิ่งที่นางคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง

“เจ้าในข่าวลือนั้นโหดร้ายมาก หากพูดผิดไปคำเดียวเจ้าก็จะกินคน หลังจากเจ้ามาถึงแดนใต้ เจ้าก็เปลี่ยนหมู่บ้านและเมืองนับไม่ถ้วนให้กลายเป็นซากปรักหักพัง” เขามองไปที่นางแบบที่ผู้อาวุโสมองไปที่เด็กซุกซนและกล่าวต่ออย่างเฉยชา “แต่ตอนที่ข้าพบเจ้าครั้งแรกที่ตลาดซวงฮวา ข้าก็รู้ว่าข่าวลือนั่นไม่ใช่เรื่องจริง”

ตลาดซวงฮวาเป็นสถานที่ที่ไร้ชื่อเสียงในจิงตู เฉินฉางเซิงรู้จักที่แห่งนี้เพราะสวนส้มจี๊ดของม่ออวี่อยู่ที่นั่น คนทั่วไปนั้นยากที่จะจดจำมันได้ แต่ทำไมมังกรดำน้อยจำได้ เมื่อหลายร้อยปีก่อนตอนที่นางถูกยอดฝีมือของราชสำนักจับตัว ก็เป็นที่นั่น ที่ซึ่งนางต้องอ้าปากหายใจไร้ซึ่งกำลัง สะพานน้อยที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของน้ำค้างแข็งบางๆ บัณฑิตบัดซบแซ่หวังก็เดินข้ามสะพานมา รอยเท้าเหมือนกับดอกไม้บาน…

บางทีนี่คือที่มาของชื่อ ‘ตลาดซวงฮวา[1]’

“เจ้า…เคยพบข้าตอนนั้นหรือ” มังกรดำจ้องกลับไปที่ซางสิงโจว ความกระวนกระวายและหวาดกลัวในใจของนางเปลี่ยนเป็นความระมัดระวังอย่างมาก

“แน่นอนข้าเคยพบเจ้ามาก่อน โซ่ที่หวังจื่อเช่อใช้มัดเจ้าก็ยืมมาจากข้า”

สายตาซางสิงโจวมองลงไปที่เท้าของนาง

โซ่ทั้งสองที่ข้อเท้าของนางดูค่อนข้างสั้น แต่อันที่จริงแล้วยาวอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เกิดเส้นที่ขัดกับหิมะขาว

เท้าเปลือยเปล่าของนางยืนบนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะราวกับว่านางไม่รู้สึกเย็น แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของซางสิงโจว นางก็เริ่มรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมา

ซางสิงโจวกล่าวต่อ “โซ่นี้เป็นสมบัติของพระราชวังหลี ศิษย์น้องสามารถดึงมันออกจากกำแพงได้ แต่ไม่อาจที่จะทำลายมันได้”

มังกรดำกับเฉินฉางเซิงมองหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก

ทุกคนบอกว่าเวลาเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดและประวัติศาสตร์หนักที่สุด และตอนนี้น้ำหนักทั้งหมดอยู่ในคำพูดของซางสิงโจว

ผู้เฒ่าความลับสวรรค์จากไปแล้ว สังฆราชกลับคืนสู่ทะเลดวงดาว ราชามารตกลงสู่นรก หวังจื่อเช่อซ่อนตัวจากโลก ไม่มีใครในตอนนี้ที่จะมีสิทธิ์พูดกับเขาเรื่องอดีต

ในบางแง่มุม เขาคือทั้งประวัติศาสตร์และกาลเวลา เพียงแค่เขาไม่ได้เขียนชื่อตัวเองลงไปตลอดช่วงที่ผ่านมา

“สหายและเพื่อนร่วมรบของข้าตายไปทีละคน ยังมีอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาราวกับผี ดังนั้นข้าจึงไม่อาจที่จะปิดบังตัวอีกต่อไป”

ซางสิงโจวมองไปที่ทั้งคู่และรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง เขากล่าวราวกับกำลังคิดถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้ว “เพราะพวกเราล้วนเป็นผู้คุ้มกัน”

เฉินฉางเซิงเข้าใจความหมายของเขา

ไม่ว่าพวกเขาจะวางแผนต่อกันอย่างไรหรือมีแผนโหดร้ายแค่ไหน ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าในตอนเริ่มแรก จักรพรรดิไท่จงและเหล่าขุนนางในหอหลิงเยียนต่างเป็นนักฝัน พวกเขาได้ยอมสละชีวิตตัวเองและหลังเลือดอันล่ำค่าเพื่อให้สิ้นสุดความโกลาหลของโลก เพื่อขับไล่เผ่ามาร ทำตัวเป็นผู้คุ้มกันของต้าลู่

ซางสิงโจวไม่ใช่แค่ผู้เห็นยุคอันน่าอัศจรรย์ เขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน

เขาก็เคยเห็นหนึ่งในนักฝันเหล่านั้น ชื่อของเขาไม่เคยโดดเด่นแต่เขาได้เล่นบทที่สำคัญอย่างมาก จักรพรรดิไท่จู่เป็นพันธมิตรกับสังฆราชในตอนนั้น การที่จักรพรรดิไท่จงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพระราชวังหลีในการยึดอำนาจที่สวนร้อยหญ้า และเรื่องราวโหดร้ายของหอหลิงเยียนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา

เพื่อนร่วมรบและเพื่อนได้ตายไป ไม่ก็ถูกตัวเขาเองกับจักรพรรดิไท่จงฆ่า ไม่ก็จากไป สรุปแล้วหลังจากเวลาหนึ่งพันปีอันยาวนาน เหลือแค่เขาเท่านั้น และเพราะเหลือเขาเพียงคนเดียว เขาจึงต้องแบกรับชะตาและความรับผิดชอบของเพื่อนไว้บนบ่าของตนเอง

เขาต้องการจะเป็นผู้คุ้มกันของต้าลู่ ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของจักรพรรดิไท่จง เพื่อทำให้ฝันของเพื่อนเป็นจริง

รวมมนุษยชาติให้เป็นหนึ่งเดียว ทำให้เผ่ามารก้มหัวยอมจำนน ทำให้โลกสงบสุขไปอีกหมื่นชั่วอายุคน

“ไม่มีใครหยุดข้าได้”

“ไม่มีใครควรหยุดข้า”

“รวมทั้งเจ้าด้วย”

ซางสิงโจวกล่าวกับเฉินฉางเซิงอย่างใจเย็นและหนักแน่น

เฉินฉางเซิงไม่รู้จะพูดอะไร

จากนั้นเสียงร้องของนกกระเรียนก็ดังไปทั่วฟ้าราตรี

กระเรียนขาวได้กลับมาจากแดนใต้อันห่างไกลและตอบคำถามให้เขา

……

……

สายลมพัด อาจหนาวเย็นมากกับคนธรรมดา แต่สำหรับคนทั้งสองกับหนึ่งมังกรที่ยืนอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ ลมก็แค่เย็นดีเท่านั้น

หิมะเหนือทะเลสาบปลิวไปเหมือนกับใบไม้แห้งที่ถูกฝังเอาไว้ใต้หิมะ

คืนไร้ดาวนี้ไม่หนาวเย็นหรือมืดมิด เป็นเพราะไม่ว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นไร แสงจากบ้านเรือนนับพันยังส่องสว่างให้กับโลก เหมือนกับที่มันทำมานานนับปีไม่ถ้วน

กระเรียนขาวนำจดหมายของสวีโหย่วหรงที่แสดงจุดยืนอันกล้าหาญของยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์

มู่ฮูหยินจากไปพร้อมราชรถ แสดงจุดยืนของเมืองไป๋ตี้

จุดยืนของหลีซานกับสำนักต้นไหวนั้นไม่ต้องพูดถึง

ส่วนจุดยืนของนิกายหลวงที่สำคัญ ต่อให้มีคนมากมายอยากสนับสนุนซางสิงโจวแต่ใครจะกล้าขัดแย้งกับเฉินฉางเซิงอย่างเปิดเผยต่อหน้าคำสั่งสุดท้ายของสังฆราช

หลังจากเงียบไปอย่างหนักใจอยู่บ้าง ซางสิงโจวก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“ย้อนไปตอนที่ข้าเก็บเจ้าขึ้นมาจากลำธาร ข้าพูดว่าชะตาของเจ้าแย่มาก”

เขามองไปที่เฉินฉางเซิงและกล่าว “ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะพูดผิดไป”

นักพรตหนุ่มจากเมืองซีหนิงตอนนี้ได้กลายเป็นสังฆราชที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

วงตะวันของเขาแตกสลายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบปี ตอนนี้เส้นลมปราณของเขาถูกสร้างขึ้นใหม่ การเชื่อมต่อกับดาวประจำตัวสมบูรณ์แบบและเส้นทางในการบำเพ็ญเพียรตรงหน้าก็ราบรื่น

เขาได้รับการสนับสนุนจากนิกายหลวงทั้งหมด การสนับสนุนจากขุมกำลังมากมาย และยังมีผู้คุ้มกันอีกด้วย

ใครก็เห็นว่าชะตาของเขานั้นดีมากคู่ควรกับให้ยกย่อง

แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป

[1] ตลาดซวงฮวา แปลตรงตัวว่า ตลาดดอกไม้น้ำค้างแข็ง