ตอนที่ 674 ลางสังหรณ์ Ink Stone_Fantasy
“ประเทศไทยจริงๆ…”
สีหน้าของเยี่ยเทียนเคร่งขรึม เหลือบสายตาไปทางจั่วเจียจวิ้น กล่าวว่า “ศิษย์พี่จั่ว รู้ไหมว่าเมื่อครู่นี้ผมมองเห็นภาพของใคร?”
เดิมทีเยี่ยเทียนยังไม่กล้าตัดสิน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังเหวินหย่วนแล้ว เขาสามารถสรุปได้ว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ของถังเหวินหย่วน คงไม่อาจหลีกหนีความเกี่ยวข้องไปจากนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่
“ศิษย์น้องเล็ก เธอหมายถึงนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ?”
ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาของจั่วเจียจวิ้น เคยพลาดพลั้งที่ประเทศไทยหนเดียวเท่านั้น สาเหตุเพราะเมื่อในอดีตเขาไม่สามารถฝึกฝนข้ามขั้นพลังลมปราณแฝงได้ จึงยังฝังใจเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
“ถูกต้องครับ เขานั่นแหละ ผมเป็นคนฆ่าชาญ ทองทวน หลังจากเก็บตัวอยู่นานเขาคงตัดสินใจเคลื่อนไหว ออกมาแก้แค้นให้กับลูกศิษย์แล้ว!”
ตอนที่เยี่ยเทียนทำนายเมื่อสักครู่ ก็สัมผัสได้อย่างเบาบางว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา เมื่อครุ่นคิดโดยละเอียด จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าเหตุใดถังเหวินหย่วนถึงโดนหางเลขจากตนเอง
ด้วยสถานภาพของนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ยากลำบากนักที่จะตรวจสอบความสัมพันธ์ของถังเหวินหย่วนกับตัวเขา ดูท่าภัยพิบัติในดวงชะตาของถังเหวินหย่วนครั้งนี้ คงเป็นตัวเขาเองที่นำพามา
“ศิษย์น้องเยี่ย ถ้าอย่างไร…ให้พี่ไปดูด้วยดีไหม?”
พอพูดถึงนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จั่วเจียจวิ้นก็โกรธแค้นจนอยู่ไม่สุข คนผู้นี้แม้มีสถานะสูงส่ง แต่การกระทำชั่วร้ายเลวทราม ในอดีตถ้าหากไม่ถูกเขาลอบทำร้าย ตัวเองก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานถึงขนาดนั้น
“ไม่ได้ ศิษย์น้องจั่วไปไม่ได้”
เยี่ยเทียนยังไม่ทันตอบ โก่วซินเจียก็ส่ายหน้าเสียก่อน “ระหว่างคิ้วของน้องมัวหมอง ช่วงนี้ดวงชะตาก็ไม่ดีนัก อยู่ที่ฮ่องกงจะดีกว่า”
แม้มีคำกล่าวว่าไม่อาจดูชะตาให้ตนเอง อีกทั้งระหว่างผู้ร่วมอาชีพการดูดวงชะตาให้กันเป็นสิ่งต้องห้าม
แต่คนไม่กี่คนภายในห้องนี้ นอกจากโจวเซี่ยวเทียนกับถังเหวินหย่วนแล้ว ล้วนมีวิชาอยู่ในขั้นจุดสูงสุดที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถไปถึง แต่พอเป็นเรื่องของกฎแห่งสวรรค์ ยังคงสัมผัสได้แค่เพียงเลือนราง
“ศิษย์พี่ใหญ่พูดไม่ผิด ศิษย์พี่จั่ว โอกาสครั้งนี้ไม่ดีนัก พี่อย่าไปเลย”
เยี่ยเทียนเองก็พยักหน้าเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “เหล่าถังครับ สิ่งใดสำคัญกว่าผมไม่ขอพูดแล้ว คุณเข้าใจดีกว่าผม เรื่องประเทศไทย ให้พวกเขาไปกันเองเถอะ!”
“ตกลง ฉันเชื่อเธอ เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาเหล่าต่ง!”
ถังเหวินหย่วนพยักหน้า ไม่มีเรื่องไหนสำคัญไปกว่าความตาย สิ่งที่เกี่ยวกับโชคชะตาของเขา อย่าว่าแต่ไปเข้าร่วมพิธีธรรมดาเลย ต่อให้แม่ยายเขาที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้เกิดเสียชีวิตกะทันหัน ถังเหวินหย่วนก็คงไม่ไปร่วมงานศพ
“เยี่ยเทียน ถ้าอย่างไร…ฉันไปแทนศิษย์น้องจั่วดีไหม?”
ในฐานะลูกศิษย์คนแรกของสำนักพยากรณ์เสื้อป่าน โก่วซินเจียเองก็รู้สึกขุ่นข้องหมองใจกับเรื่องที่จั่วเจียจวิ้นถูกทำร้าย เมื่อมีโอกาสตอนนี้ เขาจึงอยากจะช่วยออกตัวแทนศิษย์น้องสักครั้ง
“อย่าเลยครับ ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยดีนัก ศิษย์พี่ใหญ่เองก็อย่าไปเลย…”
สีหน้าของเยี่ยเทียนค่อนข้างเคร่งเครียด คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากถามว่า “เหล่าถัง ทำไมการแข่งขันมวยใต้ดินของญี่ปุ่น ถึงต้องจัดที่ประเทศไทยล่ะครับ?”
เรื่องส่วนแบ่งของจู้เหวยเฟิง เยี่ยเทียนเองก็พอรู้ ประเทศไทยเป็นถิ่นดั้งเดิมของฟรุส เขาใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนสิบกว่าล้านดอลลาร์อเมริกาเพื่อนำหุ้นส่วนใหญ่ของตนเองกลับคืน
ว่ากันตามเหตุผลแล้วจู้เหวยเฟิงเป็นหุ้นส่วนรายย่อยของตลาดมวยใต้ดินในประเทศไทย และในมือเขายังมีสถานที่จัดมวยใต้ดินในญี่ปุ่นและมาเลเซียอีกทั้งประเทศจีนสามแห่ง จึงไม่จำเป็นต้องจัดมวยใต้ดินพรีเมียร์ที่เขาทุ่มทุนซื้อมาในประเทศไทย
ถังเหวินหย่วนส่ายหน้า กล่าวว่า “รายละเอียดสถานการณ์เป็นอย่างไรฉันไม่รู้ชัดเจน ดูเหมือนเป็นฟรุสที่เชิญ เขาบอกว่าจะจัดมวยใต้ดินครั้งใหญ่ในทวีปเอเชียสักครั้ง กษัตริย์แห่งประเทศไทยก็จะเข้าร่วมในพิธีด้วย!”
เบื้องหลังของฟรุสในประเทศไทยนั้นล้ำลึกอย่างยิ่ง เขามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้มีอำนาจทางการทหารในประเทศไทยมากมาย และยังมีความสัมพันธ์หลากหลายช่องทางกับเหล่าเชื้อพระวงศ์
ฟรุสขยับขยายการแข่งขันมวยใต้ดินไปทั่วทั้งประเทศไทย และได้รับการยอมรับจากรัฐบาล ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทุ่มทุนอย่างหนักซื้อสิทธิในการจัดการกลับมาจากจู้เหวยเฟิง
“เรื่องภายในนี้ออกจะแปลกประหลาด ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่ผมตลอดเลยนะ?”
แม้จะปราศจากปราณชีวิตแท้ภายในร่างกาย จนเยี่ยเทียนไม่สามารถใช้วิชามาทำนายได้ แต่ด้วยการก่อโครงร่างจิตดั้งเดิม สัมผัสที่หกอันแหลมคมเหนือคนทั่วไปของเขา ส่งผลให้พอมีภาพหลอกหลอนเลือนรางของชายชราที่ปรากฏภายในหัวแล้ว ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับเขาอยู่ตลอดเวลา
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เหล่าถัง คุณคุยกับจู้เหวยเฟิงและต่งเซิงไห่สักหน่อย ว่าการแข่งมวยครั้งนี้ไม่ไปร่วมจะดีกว่า บอกว่าเป็นคำพูดของผม”
อยู่บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธด้วยกันหลายวัน จึงรู้สึกสนิทสนมกันอยู่บ้าง เยี่ยเทียนไม่อยากให้จู้เหวยเฟิงและต่งเซิงไห่ต้องรับเคราะห์อะไรจากตนเอง ถึงได้ให้ถังเหวินหย่วนไปเตือนพวกเขาด้วยประโยคนี้
“ได้ เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์หาต่งเซิงไห่”
ถังเหวินหย่วนพยักหน้า ลังเลอยู่ชั่วขณะ กล่าวว่า “เยี่ยเทียน เธอ…เธอว่า…ขอแค่ฉันไม่ออกจากฮ่องกงก็ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?”
ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ที่เยี่ยเทียนเคยทำนายไว้ว่าถังเหวินหย่วนจะมีเคราะห์ เพียงแต่ไม่ได้อธิบายตรงๆ หลายปีมานี้ผู้เฒ่าถังจึงรู้สึกกังวลโดยไม่มีเหตุผล
เยี่ยเทียนเหลือบมองถังเหวินหย่วนแวบหนึ่ง กล่าวว่า “อืม เหล่าถัง อีกสองสามวันคุณย้ายมาอยู่กับผมที่นี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะเอาจี้หยกให้คุณห้อยเอาไว้”
“ได้ เยี่ยเทียน งั้นเธอพักผ่อนก่อน ฉันจะไปบอกทางพวกเหล่าต่ง”
ถังเหวินหย่วนได้ยินเข้าก็ดีอกดีใจ ทำความรู้จักมักคุ้นกับพวกเยี่ยเทียนมามาก เขาจึงพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เหตุฮวงจุ้ยในฮ่องกงที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ไม่อาจปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้ คนที่เคยสัมผัสรสชาติอันหอมหวานจากเรือนสี่ประสานในปักกิ่งอย่างเขา ย่อมรู้ว่าการย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นข้อดี
“ศิษย์น้องเล็ก เธอนี่มีเมตตาไม่น้อยเลย!” หลังจากรอให้ถังเหวินหย่วนออกไปจากห้อง โก่วซินเจียก็ยิ้มขึ้นมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่เองก็ดูออกหรือ?”
เยี่ยเทียนหัวเราะแหะๆ ออกมา กล่าวว่า “ตอนผมเข้าวงการได้รับการช่วยเหลือจากเขามาพอสมควร ถึงแม้ว่าต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่สมควร แต่ผมก็ยังติดค้างหนี้เขาอยู่บ้าง”
“อาจารย์ พวกคุณกำลังคุยเรื่องอะไรอยู่หรือครับ?” โจวเซี่ยวเทียนได้ยินแล้วออกจะงุนงง ผู้เฒ่าถังคนนั้นใช่ว่าเมื่อก่อนไม่เคยอยู่ในค่ายกลรวมปราณเสียเมื่อไหร่ ทำไมครั้งนี้ถึงกลายเป็นความเมตตาอันยิ่งใหญ่ได้?
“เซี่ยวเทียน สกุลโจวของพวกนายเชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุ้ยภูมิลักษณ์พยากรณ์ แต่ว่านายก็เข้ามาเป็นศิษย์สำนักพยากรณ์เสื้อป่านอย่างเป็นทางการแล้ว วันหลังก็ศึกษาตำรานรลักษณ์ศาสตร์ที่ฉันถ่ายทอดให้นายเยอะๆ หน่อย!”
มองโจวเซี่ยวเทียนแล้ว เยี่ยเทียนส่ายหน้าอย่างเหลือทน ลูกศิษย์ของเขานั้นเรื่องนิสัยไม่ต้องพูดถึง ความเข้าอกเข้าใจในด้านวิชาก็ปราดเปรื่องมาก
แต่มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือโจวเซี่ยวเทียนดูเหมือนจะไม่มีพรสวรรค์ทางด้านทำนายทายทักเลย
เยี่ยเทียนเคยให้เขานั่งคุกเข่าทำนายดวงชะตาให้คนที่ริมกำแพงพระราชวัง แต่ดูไปสิบคนพลาดเสียเก้า ถูกกลุ่มคุณลุงคุณป้าไล่ตีหนีหัวซุกหัวซุน นับแต่นั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องฝังใจของเด็กคนนี้ จึงไม่นึกสนใจในการทำนายดวงชะตาอีกเลย
ถึงโจวเซี่ยวเทียนเมื่ออายุยังน้อยมีพรสวรรค์สูง แต่ก็เข้าสำนักมาเมื่อเกินวัยแล้ว เยี่ยเทียนจึงไม่อาจถ่ายทอดแก่นวิชาสำนักพยากรณ์เสื้อป่านให้เขาได้ เลยแสร้งปิดตาข้างเดียวต่อเรื่องนี้มาตลอด
“แหะๆ อาจารย์ เดี๋ยวผมจะไปท่องตำรานรลักษณ์ อาจารย์ช่วยอธิบายให้ผมฟังก่อนได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น?” ติดตามเยี่ยเทียนมานมนาน โจวเซี่ยวเทียนรู้ว่าอาจารย์เป็นคนสบายๆ มาตลอด คงไม่ลงโทษเขาด้วยเรื่องพวกนี้
“อายุขัยของเหล่าถังประมาณแปดสิบสามปีเท่านั้น ต่อให้ผ่านเคราะห์ในต้นปีหน้าไปได้ ก็มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่สองปี”
เยี่ยเทียนมองไปยังโจวเซี่ยวเทียน พูดต่อว่า “ค่ายกลรวมปราณของฉันปิดบังซ่อนเร้นลิขิตฟ้า ให้เขามาอยู่ระยะหนึ่ง เท่ากับเป็นการเพิ่มอายุขัยให้เขา นี่ถือว่าเมตตาน้อยอยู่หรือไง?”
สำหรับคนมีเงิน ตอนที่พวกเขาใกล้ตาย แม้จะช่วยให้อยู่ต่อได้เพียงแค่วันเดียว เกรงว่าคนเหล่านี้ก็ยอมสละทรัพย์สินให้ การกระทำนี้ของเยี่ยเทียนอย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มอายุไขให้ถังเหวินหย่วนหลายปี จึงนับว่าเป็นความเมตตาอย่างมหาศาล
อีกทั้งการกระทำนี้ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อเยี่ยเทียน เพราะถึงอย่างไรนี่ก็นับว่าเป็นการพลิกลิขิตแก้ไขชะตา ใครจะไปรู้ว่าเกิดเทพยดาบนสวรรค์ไม่พอใจขึ้นมาเมื่อไหร่ จะส่งเยี่ยเทียนเข้าไปสู่อันตรายอีกก็เป็นได้?
หลังจากได้ยินว่าเยี่ยเทียนรับปากให้เขาย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์แล้ว ความฉับไวของถังเหวินหย่วนก็ทำให้ผู้คนตกอกตกใจ เยี่ยเทียนพูดออกไปเมื่อตอนเช้า เที่ยงวันเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว อีกทั้งยังนำข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องทางประเทศไทยมาบอกด้วย
“พวกเขาจะไปให้ได้หรือครับ?”
เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว ภาพชายชราคนนั้นที่ปรากฏในหัว ให้ความรู้สึกอันตรายอย่างยิ่งยวดต่อเขา ดังนั้นเขาจึงให้ ถังเหวินหย่วนแนะนำพวกจู้เหวยเฟิงให้ล้มเลิกความคิดจัดมวยใต้ดินที่ประเทศไทย
ถังเหวินหย่วนหัวเราะแห้งตอบว่า “ฉันเอาคำพูดของเธอไปบอกพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาบอกว่าครั้งนี้รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายจัด คงไม่เกิดปัญหาอะไร ถึงตอนนั้นมหาเศรษฐีแต่ละประเทศจะเข้าร่วมด้วย เหล่าต่งยังบ่นฉันมายกใหญ่เลย”
ถังเหวินหยวนแม้ไม่ร่ำรวยมีอำนาจมหาศาลระดับหลี่เชาเหริน แต่เบื้องหลังหงเหมินของเขากลับยิ่งใหญ่กว่าต่งเซิงไห่ มีอิทธิพลต่อหลายวงการในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยิ่งกว่าหลี่เชาเหริน
ดังนั้นตงเซิงไห่จึงอยากเชิญเขาไปร่วมงาน นึกไม่ถึงว่าถังเหวินหย่วนจะไม่ไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้ต่งเซิงไห่ค่อนข้างไม่พอใจเช่นกัน และไม่เอาคำพูดของเยี่ยเทียนไปใส่ใจ
ต้องเข้าใจก่อนว่า จู้เหวยเฟิงกับต่งเซิงไห่เพียงเคยเห็นพลังของเยี่ยเทียน แต่ไม่รู้จักสถานะที่แท้จริงของเยี่ยเทียน ดังนั้นคำแนะนำของเยี่ยเทียนจึงกลายเป็นเรื่องขบขันสำหรับพวกเขา
“ช่างพวกเขาเถอะครับ ตอนนี้ผมคงไปวุ่นวายมากขนาดนั้นไม่ได้”
เยี่ยเทียนทำสิ่งใดไม่ละอายใจภายหลัง เมื่อสิ่งที่ตนเองแบกรับอาจทำให้เกิดภัยอันตรายจึงตักเตือนพวกเขา สองคนนั้นไม่ซาบซึ้งใจ ภายหลังหากเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เกี่ยวกับตัวเขาแล้ว
“จริงสิ เหล่าถังครับ มีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องคุณ”
ทันใดนั้นเยี่ยเทียนคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เอ่ยปากบอกว่า “คุณมีคนรู้จักมากมาย ช่วยผมจับตาดูตำราสำนักเต๋าโบราณให้หน่อยครับ ถ้าหากมีปรากฎงานประมูลที่ไหน ต้องช่วยผมประมูลมาให้ได้นะ!”
ภัยพิบัติที่ประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่พบเจอ นอกจากสงครามภายในแล้ว ยังมีการข่มเหงรังแกจากต่างชาติ สมบัติวัตถุโบราณและตำรามากมาย ล้วนถูกโจรขโมยปล้นชิงไปจนหมด
ในขอบเขตวัตถุโบราณมากมาย ที่หลงเหลืออยู่ภายในประเทศ ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่เก็บอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ของต่างชาติ ด้วยเหตุนี้เยี่ยเทียนจึงเกิดความคิดภายในใจว่าในกลุ่มตำราที่สูญหายไปเหล่านั้น อาจจะมีเคล็ดวิชาฝึกฝนหลอมจิตกลับสู่ความว่างเปล่าหรือไม่?
แน่นอนว่าเยี่ยเทียนไม่ได้ละเมอเพ้อพกไปเอง เพราะกระทั่งหลี่ซั่นหยวนเองก็ยังเคยสงสัย ว่าภาพดันหลังจะถูกขนย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และคำพูดพวกนั้นของหนานไหวจิ่น ก็ดูเหมือนจะหมายถึงเรื่องนี้เอง
เพียงแต่ว่าตอนเยี่ยเทียนอยู่ที่อเมริกาเกิดเรื่องราวมากมาย การไปประเทศอังกฤษจึงถูกถ่วงเวลาให้ล่าช้า ไม่อาจไปตรวจสอบได้ว่าภาพดันหลังที่นั่นเป็นของจริงหรือปลอม?
…………………………………………