บทที่ 778 วิธีแก้ปัญหาสายเลือด

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ทุก ๆ คนต่างรอหลิงตู้ฉิงอย่างใจจดใจจ่อจนท้ายที่สุดเวลาผ่านไป 5 ปี หลิงตู้ฉิงจึงเดินออกมาจากวิหาร

“ท่านอาจารย์!” อุลบารีบวิ่งมาหาพร้อมโค้งคารวะทันที

ในตอนนี้เขารู้แล้วว่านิสัยใหม่ของอาจารย์เขาคือชอบอวดบารมีกับคนอื่น ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งเข้ามาคารวะเพื่อทำให้หลิงตู้ฉิงพอใจ

“นายท่าน!” โม่หยูถังและคนอื่น ๆ ที่รู้แบบนี้เช่นกันต่างก็รีบวิ่งเข้ามาหาโค้งคารวะ

หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดกับซวนหยวนตู่ว่า “ข้าเก็บร่างของบรรพบุรุษเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เจ้าจงเรียกคนในเผ่าของเจ้ามารวมกันให้หมด ข้าจะได้อธิบายวิธีการแก้ไขปัญหาของพวกเจ้าให้ได้ฟังพร้อม ๆ กัน”

ในเมื่อเขาตั้งใจว่าเขาจะเอาศพไปให้ได้ ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไม่เสียเวลาที่จะรอความเห็นของเผ่า ภูตดิน

แต่แน่นอนว่าเขายังคงต้องจ่ายราคาให้กับเผ่า ภูตดิน ซึ่งก็คือการช่วยแก้ปัญหาการสูญพันธุ์ให้

ซวนหยวนตู่พยักหน้าด้วยท่าทีเคารพและพูดว่า “รับทราบท่านผู้ส่งสาสน์ ข้าจะรีบไปตามคนในเผ่าของข้ามาที่นี่ทุกคนเดี๋ยวนี้!”

อันที่จริงซวนหยวนตู่ได้ปรึกษากับเผ่าของเขาแล้ว และเผ่าของเขาก็ได้ข้อสรุปตรงกันเป็นที่เรียบร้อยว่าเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ พวกเขายอมเสียศพของบรรพบุรุษได้ เพราะถ้าพวกเขาสูญพันธุ์ไป ศพบรรพบุรุษพวกเขาก็คงถูกปล้นไปอยู่ดีหรือไม่ก็อาจถูกทำลายโดยศัตรู ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะมอบศพให้กับหลิงตู้ฉิง และตอนนี้เมื่อหลิงตู้ฉิงเอาศพไปแล้วแถมยังสัญญากับพวกเขาว่าจะแก้ไขปัญหาให้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดถึงเรื่องศพอีก

ในเวลาไม่นานเหล่า ภูตดินกว่า 300 ตนก็ได้มารวมกันที่หน้าวิหาร ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาทุกตนล้วนไม่ธรรมดา ภูตดินที่อ่อนแอที่สุดนั้นมีระดับการบ่มเพาะถึงระดับเหนือล้ำ ส่วน ภูตดินที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด และยิ่งไปกว่านั้นระดับการบ่มเพาะเกิน 1 ใน 3 ของ ภูตดินทั้ง 300 กว่าตนคืออยู่เหนือกว่าขอบเขตราชันขึ้นไปอีกต่างหาก

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เล่า ภูตดินทั้ง 300 กว่าตนด้วยสีหน้าจนใจ เขาสามารถเห็นสาเหตุได้อย่างคร่าว ๆ ในทันทีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับภูตดินเหล่านี้คืออะไร

เหตุผลเป็นเพราะภูตดินเหล่านี้อยู่ใกล้ชิดกับมหาวิถีเต๋าธาตุดินมากเกินไปจนทำให้ร่างกายของพวกเขามีพลังธาตุดินสถิตอยู่หนาแน่นเกินกว่าที่ควรจะเป็น และพลังธาตุดินนั้นมันก็ไปเบียดเบียนพลังส่วนอื่น ๆ ในร่างกายของพวกเขา ซึ่งรวมไปถึงพลังที่มีผลต่อการให้กำเนิดทายาท

“พวกเจ้าเอาตัวอย่างเลือดของพวกเจ้ามาให้ข้าวิเคราะห์สักหน่อยก่อน” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น

กลุ่มของภูตดินที่ดูหนุ่มที่สุดต่างก็พากันเอาเลือดของพวกเขามามอบให้กับหลิงตู้ฉิง แต่ว่าบรรดาภูตดินที่อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิกลับพูดขึ้นว่า “ท่านผู้ส่งสาสน์ สำหรับพวกข้าที่มีชิวิตอยู่มานานแล้วตอนนี้พวกข้าไม่มีเลือดหลงเหลืออยู่ในร่างกายเลย! มวลเลือดทุกหยดที่อยู่ในร่างของพวกข้าตอนนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังธาตุดินจนหมดไม่มีเหลือแล้ว…”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจ และจากนั้นเขาก็ได้แต่เริ่มวิเคราะห์เลือดของภูตดินที่ยังหนุ่มแทน

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็กวาดสายตามองไปที่เหล่าภูตดินด้วยสายตาที่แปลกประหลาดกว่าเดิม และถามว่า “สายเลือดของพวกเจ้าทั้งหมดนั้นมันช่างยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก ไหนลองบอกข้าทีว่าผู้ให้กำเนิดพวกเจ้าคือพี่สาวของพวกเจ้าใช่ไหม?”

ถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือพวกภูตดินเหล่าไม่อยากจะให้สายเลือดของตัวเองไปพัวพันกับสายเลือดคนนอก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องมีสัมพันธ์กันเองในครอบครัวเพื่อผลิตทายาทที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันก็ยิ่งมีแต่จะเป็นผลเสียไปเรื่อย ๆ

“ท่านผู้ส่งสาสน์ ที่พวกเราทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้สายเลือดของพวกเรายังคงบริสุทธิ์ ว่าแต่มันมีปัญหางั้นเหรอ?” เหล่าภูตดินถามขึ้น

เหล่าภูตดินไม่คิดว่าการกระทำเช่นนี้มันผิดหรือแปลกแม้แต่น้อย เนื่องจากน้อยครั้งมากที่พวกเขาจะติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนภายนอกมันเป็นอย่างไร

หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายในด้วยความหงุดหงิดและตอบกลับว่า “แน่นอนว่ามันเป็นปัญหาและเป็นปัญหาใหญ่ซะด้วย! แต่ช่างเถอะข้าขี้เกียจจะอธิบายให้พวกเจ้าฟังว่ามันเป็นปัญหายังไง เอาเป็นว่าพวกเจ้าตอบข้ามาก็แล้วกันว่าพวกเจ้าจะเลือกอะไรระหว่างการให้ความสำคัญกับอัตราผลิตทายาทหรือความบริสุทธิ์ของสายเลือดพวกเจ้าเอง?”

“แน่นอนว่าพวกเราอยากที่จะได้ทั้งเพิ่มอัตราการมีทายาทและยังคงความบริสุทธิ์ของสายเลือดไปพร้อม ๆ กัน!” ภูตดินแทบทั้งหมดเกือบจะพูดประโยคนี้ขึ้นพร้อม ๆ กัน

“หากพวกเจ้าอยากได้ทั้งสองอย่างควบคู่กันไป ข้าก็มีวิธีการช่วยให้พวกเจ้ามีอัตราผลิตทายาทเพิ่มขึ้นมากได้แต่จำนวนมันคงไม่สูงมากนัก ซึ่งมันก็คงเพียงพอแค่ช่วยยืดระยะเวลาที่เผ่าของเจ้าจะสูญพันธุ์ไปได้สักแสนปี” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “แต่ถ้าพวกเจ้าอยากจะแก้ไขเรื่องการสูญพันธุ์ของพวกเจ้าอย่างถาวร พวกเจ้าจำเป็นต้องผสมพันธุ์ร่วมกับสายพันธุ์อื่น ๆ เพราะมันจะทำให้อัตราการผลิตทายาทของพวกเจ้าเพิ่มสูงมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว เอาล่ะตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะตัดสินใจเองแล้วว่าจะอยู่ต่อไปอีกสักแสนปีหรือจะอยู่ต่อไปจนกว่าโลกใบนี้จะแตกสลาย?”

อันที่จริงทางเลือกนี้ไม่ยากเลยสำหรับเผ่าภูตดินที่จะตัดสินใจ..

เมื่อเผ่าของพวกเขาสูญพันธุ์ไป เรื่องความบริสุทธิ์ของสายเลือดมันจะไปมีประโยชน์อะไรอีก?

ดังนั้นเมื่อเหล่าภูตดินมองหน้ากันได้สักพัก ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้แต่ตอบหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจนใจ “ท่านผู้ส่งสาสน์ โปรดช่วยทำให้เผ่าของพวกเราคงอยู่ได้ตลอดไปด้วยเถอะ!”

เมื่อเห็นแววตาที่เศร้าส้อยของเหล่าภูตดินแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นเขาจึงหยิบกิ่งไม้จากต้นเทวะศาสตราขึ้นมาและเด็ดใบของมันออกมา 3 ใบ

ในตอนแรกบนกิ่งไม้มันก็ไม่มีใบอยู่มากนัก และก่อนหน้านี้หลิงตู้ฉิงก็เด็ดใบของมันออกมาใช้หลายครั้งแล้ว ดังนั้นรอบนี้เมื่อเด็ดใบของมันออกมาอีก 3 ใบ บนกิ่งไม้ตอนนี้จึงเหลือใบอีกแค่ 5-6 ใบเท่านั้น

หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปที่เหล่าภูตดิน และพูดว่า “พวกเจ้าจงคัดเลือกชายหญิงที่อายุน้อยที่สุดของพวกเจ้ามาหาข้าเพศละ 5 ตน”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หันไปเด็ดใบของสาหร่ายที่อยู่ในกงล้อเบญจธาตุมาครึ่งใบ และจากนั้นเขาก็เตรียมถังหลายใบออกมาวางไว้และเทเลือดที่อยู่ในจอกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ลงไปในถัง

หลังจากสกัดกลั่นเลือดเป็นเวลา 3 เดือน เลือดในถังทั้งหมดก็กลายเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่มีพลังของสายเลือดใด ๆ สถิตอยู่ หลังจากนั้นเขาก็ให้เสี่ยวเยว่เฟิงโยนใบไม้ทั้งหลายที่บดผสมกันเรียบร้อยแล้วแบ่งใส่แต่ละถึงเท่า ๆ กัน และให้นางใช้พลังเพลิงของนางในการต้มพวกมันให้เข้ากัน

“ท่านผู้ส่งสาสน์ พวกเราได้ทำการคัดเลือกคนให้ท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว!” ซวนหยวนตู่เดินเข้ามาพูดกับหลิงตู้ฉิง

ใน 10 คนที่ถูกเลือกมาผู้ที่เด็กที่สุดคือภูตดินเพศชาย ซึ่งมีอายุพันกว่าปี ส่วนภูตดินที่มีอายุเยอะที่สุดในกลุ่มคือเพศหญิงที่มีอายุปาเข้าไป 10,000 ปีแล้ว

แน่นอนว่าสำหรับพวกภูตดิน อายุ 10,000 ยังนับได้ว่าอยู่ในวัยรุ่น

“เมื่อเลือกเสร็จแล้วก็ให้พวกเขามายืนรอใกล้ ๆ ไปก่อน” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หันมาให้ความสนใจกับถังเลือดที่เสี่ยวเยว่เฟิงกำลังต้มพวกมันอยู่

แต่ด้วยพลังเพลิงของเสี่ยวเยว่เฟิงยังไม่รุนแรงสักเท่าไหร่ ดังนั้นนางจึงใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าที่นางจะสามารถละลายพลังชีวิตที่อยู่ในใบของต้นเทวะศาสตราลงไปผสมกับในเลือดได้สำเร็จ

หลังจากเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงพูดกับบรรดาภูตดินว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มชายและหญิง จากนั้นพวกเจ้าก็ลงไปแช่ในถังเลือดเหล่านั้นและพวกเจ้าไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะตาย แค่พยายามทำสมาธิกับการให้เลือดที่อยู่ในถังหลอมรวมเข้ากับสายเลือดในร่างกายของพวกเจ้าก็พอ”