บทที่ 1891 คงไม่ได้มาพังสถานที่หรอกนะ
น้ำเสียงอันมั่นอกมั่นใจของเยี่ยหวันหวั่นไม่นับว่าเบามาก
ดวงตาของชีซิงมืดมนแล้ว “ผู้นำ! โปรดระวังคำพูดด้วยครับ”
“เฮ้อ ชีวิตไม่แน่นอน อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ ใครจะรู้ล่ะ นายว่าไง” เยี่ยหวันหวั่นตบบ่าชีซิงเบาๆ อย่างปลอบใจ
ชีซิงนิ่งเงียบ
เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ในห้องโถงงานเลี้ยง เหล่าผู้นำเจ้าพ่อของรัฐอิสระต่างก็มารวมตัวในที่แห่งนี้
ถึงแม้แนวคิดสี่ตระกูลใหญ่จะดี แต่ชัดเจนว่ายังมีองค์กรบางส่วนที่ไม่เดินทางสายปกติและไม่ชอบแนวคิดของสี่ตระกูลใหญ่ จึงไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่น่าหัวเราะแบบนี้
เมื่อจี้ซิวหร่านปรากฏตัว สายตาของผู้คนทั่วทั้งงานก็พุ่งตรงไปยังเขาทันที
ตระกูลจี้หากินทั้งทางมืดและทางสว่าง ไม่ว่าที่ไหนก็อยู่ได้ งานอย่างนี้ก็จะเข้าร่วมทุกปี
เมื่อเห็นจี้ซิวหร่าน ทั่วทั้งงานก็พลันเกิดเสียงดังเสียงซุบซิบ
“ได้ยินหรือยัง สินค้าที่จี้หวงนำมาประมูลครั้งนี้คือแหวนวงนั้นที่เขาสวมติดตัวตลอดเวลาเลยนะ!”
“ของจริงหรือของปลอมน่ะ! แหวนวงนั้นดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่ฉันรู้จักจี้หวงมา เขาก็สวมติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยนะ!”
“ปกติแหวนที่สวมติดตัวอย่างนี้ ไม่ใช่ของยืนยัน ก็เป็นของที่มีความหมายพิเศษบางอย่าง ถึงกับนำมาประมูลในงานประมูลการกุศล นี่มันลงทุนหนักเลยนะ! สมกับเป็นจี้หวง! จริงใจเกินไปแล้ว!”
“กรี๊ดดด แหวนติดตัวของจี้หวง คืนนี้คุณหนูเปิ่นจะต้องประมูลมาให้ได้ ใครก็ห้ามแย่งฉัน!” หญิงสาวที่สวมชุดราตรีสีฟ้าน้ำทะเลเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
หญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูข้างๆ เบ้ปาก อดสาดน้ำเย็นใส่ไม่ไหว “ฉันว่าเธอช่างมันดีกว่านะ ได้ยินว่าคุณหนูสามตระกูลเสิ่นก็ถูกใจแหวนวงนี้แล้ว! ถ้าเทียบเรื่องกำลังทรัพย์ ใครจะเทียบตระกูลเสิ่นได้? ยิ่งไปกว่านั้นงานเลี้ยงการกุศลครั้งนี้ก็มีตระกูลเสิ่นเป็นเจ้าภาพ คนตระกูลเสิ่นเป็นเจ้าภาพ แหวนวงนี้ จะต้องอยู่ในมือของคุณหนูสามของตระกูลเสิ่นแน่นอน!”
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะ เกินไปแล้วนะ ใช้เงินข่มคนอื่นเนี่ย!”
“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ตระกูลเสิ่นมีเงินละ!”
สุภาพสตรีรอบข้างที่อยากแย่งแหวนวงนี้ต่างก็เผยสีหน้าไม่พอใจและบ่นพึมพำ
ในห้องโถงงานเลี้ยง เหล่าเจ้าพ่อคนดังจากทุกวงการกำลังจับกลุ่มสามถึงห้าคนแลกเปลี่ยนคำทักทายกัน ฉับพลันนั้นก็มีคนจ้องไปยังทางเข้าพร้อมกับสูดหายใจเสียงเบา จากนั้นทั้งงานเลี้ยงก็ตกอยู่ในความเงียบ ราวกับถูกน้ำแข็งผนึกไว้ยังไงยังงั้น
เห็นแค่ชายหนุ่มสวมสูทสีดำที่ดูราวกับถูกเกล็ดความเย็นห่อหุ้ม กำลังก้าวเข้ามาด้วยสองขาเรียวยาว
นี่…นี่มันนายแห่งอาชูร่าไม่ใช่เหรอ
ทำไมนายแห่งอาชูร่าถึงมางานเลี้ยงการกุศลได้
พวกเขาคงตาฝาดไปหรือเปล่า
แม้แต่ตระกูลเสิ่นที่เป็นเจ้าภาพก็ยังตกตะลึง หัวหน้าตระกูลเสิ่นร่างท้วมเดิมทีกำลังจะเข้าไปต้อนรับจี้ซิวหร่าน เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงจะได้สติ รีบไปที่ประตู “ยินดีต้อนรับนายแห่งอาชูร่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
“ลุงเสิ่นเกรงใจแล้ว”
ในตอนที่ทุกคนพากันตื่นตกใจกับการมาของนายแห่งอาชูร่านั้น หญิงสาวสวมชุดจีนโบราณแบบคล่องตัวสีดำเก่าเยินคนหนึ่งก็เดินคีบรองเท้าแตะเข้ามาอย่างเกียจคร้าน…
“เชี่ย…ไป๋…ไป๋เฟิง!”
“แบดเจอร์!”
“งานเลี้ยงการกุศลครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม้แต่แบดเจอร์ก็ยังมาด้วย? ล้อเล่นใช่ไหม! เธอมาทำอะไรที่นี่”
“คงไม่ใช่มาพังงานหรอกนะ”
ถึงแม้ในด้านชื่อเสียงแล้ว อาชูร่าจะโหดเหี้ยมกว่า แต่อาชูร่าก็เป็นองค์กรที่โหดเหี้ยมจริงจังที่มีระบบระเบียบ ไม่เหมือนกับพันธมิตรอู๋เว่ยที่เดินตามครรลอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อาจทำได้ทั้งนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า องค์กรแบบหลังนี้จะทำให้ผู้คนปวดหัวยิ่งกว่าเป็นแน่แท้ เป็นองค์กรที่คนธรรมดาไม่อยากยุแหย่ที่สุดแล้ว
—————————————————-
บทที่ 1892 นายแห่งอาชูร่า + แบดเจอร์ + จี้หวง
เมื่อเห็นไป๋เฟิงพาเป่ยโต่วกับชีซิงมาปรากฏตัว หัวหน้าตระกูลเสิ่นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปหลายส่วน แต่ดีเลวก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เขาจึงใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว ยิ้มพลางก้าวขึ้นหน้าไปต้อนรับ “ผู้นำไป๋…”
ผลคือไม่ทันที่หัวหน้าตระกูลเสิ่นจะเข้าไปต้อนรับ เสิ่นเทียนเฉินก็ถลาเข้ามาอย่างรวดเร็ว “เชี่ย! เทพธิดา! คุณมาได้ยังไง พันธมิตรอู๋เว่ยถึงกับมางานเลี้ยงการกุศล! ผมคงไม่ได้คิดถึงคุณมากเกินไปจนเกิดภาพลวงตาหรอกนะ…”
เสิ่นเทียนเฉินยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหัวหน้าตระกูลเสิ่นเขกหัวหนึ่งที “อย่าพูดเหลวไหล”
“แค่ก ผู้นำไป๋อย่าไปฟังลูกไม่รักดีปากพล่อยของฉันเลยนะ รักไม่มีขอบเขต การกุศลก็ไม่มีพรมแดนเช่นกัน งานเลี้ยงการกุศลต้อนรับทุกพรรคทุกองค์กรของรัฐอิสระ ไม่งั้นก็คงไม่ส่งจดหมายไปเชิญผู้นำหรอก ผู้นำไป๋ ขอต้อนรับๆ” หัวหน้าตระกูลเสิ่นพูดไกล่เกลี่ย
“คุณเสิ่นเกรงใจแล้วค่ะ เสียสละกำลังส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลเป็นหน้าที่ของประชาชนรัฐอิสระทุกคน” เยี่ยหวันหวั่นเห็นงานอย่างนี้ในวงการบันเทิงที่ประเทศจีนจนชินแล้ว คำพูดในงานแค่อ้าปากก็พรั่งพรูออกมา ไม่ว่าคำพูดจะฟังดูงี่เง่าขนาดไหนก็ตาม
หัวหน้าตระกูลเสิ่นกระแอมไอหนึ่งที “แค่กๆ ผู้นำไป๋พูดถูก…”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายกันหนึ่งรอบ ทุกคนก็ต่างนั่งลง แต่บรรยากาศเวลานี้ราวกับโดยรอบถูกฝังระเบิดเวลาไว้ยังไงยังงั้น ทุกคนเหมือนนั่งอยู่บนหมอนปักเข็ม
เพราะทุกคนไม่รู้ว่าแบดเจอร์มาทำอะไรกันแน่
“เชี่ย! น่ากลัวชะมัด! แบดเจอร์มาทำอะไรกันแน่ ช่วงนี้นายแห่งอาชูร่าก็เคลื่อนไหวใหญ่โต ผูกมิตรกับพรรคใหญ่ต่างๆ มาที่นี่ก็พอเข้าใจได้ แต่ว่าแบดเจอร์มางานเลี้ยงการกุศลเนี่ยนะ จะต้องมีแผนการใหญ่แน่นอน!”
“สวรรค์ ฉันอยากกลับบ้าน…”
…
ในตอนที่ทุกคนกำลังใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เยี่ยหวันหวั่นก็เดินอาดๆ มายังที่นั่งที่หนึ่งแล้วนั่งลง
เพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน ข้างกายก็มีเงาหนึ่งตามมา “ด้านข้างมีคนนั่งไหม”
จี้ซิวหร่านยิ้มขณะยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน
ชีซิงเพิ่งจะอ้าปากพูดว่า ‘มีคน’ แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับส่ายหน้าและเอ่ยว่า “ไม่มีๆ นั่งตามสบาย!”
ชีซิงนิ่งเงียบ
“ไอ้หยาเหล่าชี ทำไมนายดูสถานการณ์ไม่ออกเล่า!” เป่ยโต่วลากชีซิงออกมา จากนั้นก็มองไปทางด้านหลังอย่างกระตือรือร้น “นั่นอะไร ท่านนายแห่งอาชูร่า ตรงนี้ๆ ที่นี่มีที่นั่งว่าง! เชิญนั่งเลยครับ!”
ชายหนุ่มหันมามองทางเป่ยโต่ว สายตาตกลงบนที่นั่งด้านข้างเขา เมื่อช้อนสายตาขึ้นก็มองไปยังเยี่ยหวันหวั่นที่นั่งถัดจากที่นั่งตำแหน่งนี้ รวมถึงจี้หวงที่นั่งอยู่ข้างๆ เยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว คิดว่าด้วยนิสัยของใครบางคน ตอนนี้เกรงว่าคงโกรธจนอยากจะฆ่าคนแล้ว ดังนั้นคงไม่มีทางนั่งลงเด็ดขาด
แต่ผลลัพธ์คือ วินาทีถัดมา ชายหนุ่มก็เดินตรงมายังทิศทางของเธอ จากนั้นก็นั่งลงบนที่นั่งข้างๆ เป่ยโต่วจริงๆ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ดังนั้นในตอนนี้ตำแหน่งที่นั่งจึงเปลี่ยนแปลงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นนั่งตรงกลาง จี้ซิวหร่านนั่งด้านขวา นายแห่งอาชูร่านั่งด้านซ้าย
การรวมตัวครั้งนี้…ค่อนข้างอลังการเสียจริง…
ถึงขั้นที่ว่าทุกคนจับจ้องมายังทิศทางของทั้งสามคม แววตาแฝงไปด้วยความพรั่นพรึงเล็กน้อย!
แทบไม่มีใครกล้านั่งใกล้สามคนนี้ มีแค่เสิ่นเทียนเฉินที่นั่งลงด้านหน้าของเยี่ยหวันหวั่นอย่างตื่นเต้นดีใจ “เทพธิดาคุณจะมาทำไมไม่บอกผมล่วงหน้าสักคำ ผมจะได้ให้คนไปรับคุณ! จริงสิ เทพธิดา คืนนี้คุณจะบริจาคอะไร”
แขกผู้มีเกียรติที่มางานต้องบริจาคสิ่งของ เยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจในเวลาอันสั้นจึงไม่ได้เตรียมอะไรมา จึงให้ซีชิงไปซื้อสร้อยเส้นหนึ่งมาแล้วเอาไปบริจาค
“สร้อยหนึ่งเส้นน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นตอบส่งๆ
เสิ่นเทียนเฉินพลันสองตาลุกวาว “สร้อยข้อมือ? สร้อยข้อมือที่สวมติดตัว! ต่อให้ต้องหมดตัวผมก็ต้องประมูลมาให้ได้!”
…………………………………………..