“ตื๊ดๆ……”
โทรศัพท์นี้เป็นการสแกนใบหน้าคน หลังจากที่หยิบขึ้นมาเลยได้ยินเสียงปลดล็อคออกหน้าจอก็สว่างและเปิดออกทันที
[คุณได้รับสองข้อความจากคิตตี้……]
“……”
ลูกตาดำของเขาที่เยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งจ้องมองข้อความก็ให้เบิกกว้างขึ้น ใจที่ไม่ได้มีความรู้สึกมานานก็เกิดอาการเต้นขึ้น
ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็ส่งข้อความหาเขาแล้วหรอ?
เป็นเพราะเด็กหรือเปล่า?
เขารีบเปิดข้อความดู…..
คิตตี้ : รินจังอย่าลืมถ่ายรูปแดดดี๊มาให้หม่ามี๊ดูเยอะๆนะ
……
คิตตี้ : อ่อแล้วก็ถ่ายให้ดีหน่อยนะลูก แล้วก็อย่าให้เขาเห็น เข้าใจมั้ย
เส้นหมี่แทบจะคิดไม่ถึงเลยว่าความผิดเดียวที่ตัวเองได้ก่อคือถูกผู้ชายคนนี้จับได้ซึ่งๆหน้า
แดดดี๊?!
แล้วยังกำชับให้ลูกสาวต้องถ่ายรูปให้ดีด้วย….
ผู้ชายที่กำลังจับโทรศัพท์อยู่นั้นได้เห็นข้อความ นัยน์ตาก็เฉียบคมความโกรธที่อยู่ในใจก็ให้เพิ่มมากขึ้น วินาทีต่อมาเขาหยิบโทรศัพท์แล้วส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับไป
แสนรัก : ใครเป็นแดดดี๊ของเธอ?
คิตตี้ : ……….
แสนรัก : แล้วก็คุณยังให้เธอถ่ายรูปอะไร คิตตี้นี่เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงที่คุณคิดหาวิธีส่งตัวเธอมาหรอ? ทำไมคุณหน้าไม่อายอย่างนี้ เพื่อผู้ชาย คุณไม่รู้จักคำว่าไร้ยางอายบ้างเลยหรอ?
เขารู้สึกโกรธมาก ข้อความที่ส่งไปก็ไม่ดีอย่างแน่นอน
โรงพยาบาลเจแปน
จริงๆแล้วเส้นหมี่หวาดกลัวอยู่ทั้งช่วงบ่ายเพราะว่าข้อความสองข้อความนี้
ช่วงเช้าหลังจากที่เธอวิดิโอคอลกับลูกสาวเสร็จก็ไม่ได้ทันให้คิดถึงว่าโทรศัพท์นี้เป็นของเขา เลยรีบส่งข้อความกลับไปสองข้อความ
สุดท้ายรอจนเธอสำเหนียกก็เรียกคืนข้อความไม่ทันซะแล้ว
ในที่สุดก็ได้รับข้อความ ใจของเธอให้สั่นทันที เธอรีบกดเปิดดูด้วยความตื่นเต้น
แสนรัก : สามีของคุณรู้หรือเปล่าว่าคุณเป็นผู้หญิงแบบนี้?
คิตตี้ : ……….
ผ่านไปหลายวิ เธอจ้องมองข้อความที่ได้รับ ก็ให้สตั้น
นี่เขามีท่าทีต่อเธออย่างนี้หรอ?
เธอยังคิดว่าตัวเองส่งสองข้อความไปโดยไม่ระวัง เธอแสดงเจตนาที่เปิดเผย ไม่ได้ติดต่อกันมานานอย่างนี้ ตอนนี้เขายังเอาเด็กไปอีก
ต่อให้เขาไม่ชอบ คงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเธอ
แต่ตอนนี้มันคืออะไรกัน?
มีคำพูดต่อว่าที่บาดลึก ที่แท้เธอที่อยู่ในสายตาของเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่มีฐานะ น่ารังเกียจถึงขนาดนี้เลยหรอ?
ความหวังที่อยู่ในใจของเส้นหมี่ก็ให้สลายไป แล้วเธอก็โกรธเหมือนกัน
คิตตี้ : คุณแสนรัก คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่าคะ ฉันให้ลูกสาวของฉันถ่ายรูปของคุณก็เพราะว่าเธอโทรหาหลังจากคุณสลบสไหลบอกว่าอาการคุณไม่ดีเอามากๆ ฉันเป็นห่วงเลยให้เธอถ่ายรูปมาให้ฉันดูว่าอาการของคุณหนักถึงขั้นไหน
คิตตี้ : แล้วก็ลูกสาวของฉันก็เป็นคนของคุณที่มารับตัวเธอไปไม่ใช่หรอ จะมาว่าฉันคิดหาวิธีที่จะส่งตัวเธอไปได้ยังไงคะ คุณแสนรักคุณเพิ่งตื่นหรอคะ สมองเลยเบลอๆหรอ
แสนรัก : ……..
แสนรักที่อยู่ในห้องได้เห็นข้อความสุดท้ายนั้นก็โกรธจนตัวสั่น จนความมืดมัวที่อยู่ด้านหน้าได้เข้ามา
ดังนั้น เขาเห็นเธอป่วย เด็กไม่มีคนดูแล เลยหวังดีส่งคนไปรับเธอ แล้วเขาทำผิดหรอ?
เขาก็โกรธมากเหมือนกัน
แสนรัก : คิตตี้ คุณวอนหาที่ตายจริงๆ!
คิตตี้ : ใช่ค่ะ ฉันวอนหาที่ตาย ยังไงฉันก็อยู่ที่เจแปนลงจากเตียงไม่ได้ แล้วก็สนใจความเป็นความตายของคุณด้วย ฉันไม่ใช่แค่วอนหาที่ตายนะคะ แต่ฉันยังไม่เจียมตัวอีกด้วย
เส้นหมี่ก็รู้สึกว่าพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ถูกเจ้าบ้านี่ทำให้โกรธจริงๆ
สุดท้ายข้อความนี้ส่งออกไป ทางฝั่งนั้นก็ไม่ได้ตอบกลับมา
งี่เง่า คุณมาด่าผมหรอ!
ในใจของเส้นหมี่ก็รู้สึกสบายขึ้น เลยเอาโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างๆ
สุดท้าย สบายขึ้นอยู่ไม่ถึงห้านาที เธอเห็นหน้าจอที่ไม่มีความเคลื่อนไหวก็ให้ลุกลี้ลุกลน
เจ้านี่คงไม่ใช่โกรธเธอจริงๆหรอกนะ
คงไม่ลบเธอไปเลยหรอกนะ?
เธอคิดอย่างนี้ในใจก็เกิดความหงุดหงิดขึ้น เลยหยิบโทรศัพท์มาจับอีกครั้ง
เขาโกรธ เธอก็เข้าใจดี
เพราะว่าครั้งแรกเขายังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แล้วจนตอนนี้เธอก็เป็นได้มากสุดแค่ผู้หญิงแปลกหน้าที่อยู่ต่อหน้าเขา ส่งข้อความกำชับลูกสาวก็ไม่เหมาะสมจริงๆ
ส่วนอย่างที่สองก็คือนิสัยของเขา
เขาเป็นคนที่ว่าเดิมทีรังเกียจพวกประเภทคนหรือเรื่องที่เข้าใกล้โดยแฝงไว้ด้วยจุดประสงค์ โดยเฉพาะผู้หญิง ตอนที่เขายังมีสติก็อยู่ในขั้นที่หนักหนาอยู่แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
ดังนั้นเธอเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธได้อย่างนี้จริงๆ
แต่ว่าเขาจะโกรธก็โกรธไปสิ อย่าพูดคำที่ไม่น่าฟังอย่างนั้น แบบน่าไม่อาย ไม่รู้จักยางอายอะไรพวกนั้น
เขาไม่รู้ว่าสามีของเธอก็คือเขาไง?!!
เส้นหมี่รอจนสองสามนาที โทรศัพท์ก็ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น เธอก็กลืนน้ำลาย…..
คิตตี้ : คุณแสนรักคะ
คิตตี้ : ขอโทษค่ะคุณแสนรัก เมื่อกี้ฉันวู่วามไปหน่อย ไม่ควรที่จะใส่อารมณ์กับคุณ ฉันแค่อยากบอกกับคุณว่าฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นกับคุณเลยจริงๆ แค่เป็นห่วงอาการของคุณก็เท่านั้น
เธอลองพูดอธิบาย