ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 803 กังวลใจ
ส่งข้อความออกไปแล้วก็ให้รออย่างกระสับกระส่าย
พอดีกับโชกิ โดโมโตะเข้ามาเปลี่ยนยาให้กับเธอ เห็นว่าเธอเพิ่งลงจากเตียงได้ เธอไม่รออยู่บนเตียงให้ดีๆ แต่กลับไปยืนตรงหน้าโต๊ะเล็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วย แล้วจ้องไปที่โทรศัพท์ที่อยู่บนนั้น
เขาชะงัก
“นี่คุณกำลังทำอะไรครับ?”
“รอข้อความน่ะสิคะ”
เส้นหมี่ตอบโดยที่ไม่หันมามอง
โชกิ โดโมโตะเบิกตากว้างขึ้นทันที “รอข้อความแล้วทำไมคุณต้องยืนด้วยล่ะครับ มานอนรอบนเตียงก็ได้นินา ถ้าคุณเป็นแบบนี้ แล้วอากิมายะมาเห็นเข้า ก็จะว่าคุณได้อีก”
เส้นหมี่ “……..”
มองหมอเจแปนที่พูดซักไซ้ ในที่สุดเธอก็ต้องเอาโทรศัพท์กลับมาที่เตียง
แต่ในความเป็นจริงนั้น เธอไม่รู้เลยว่าในเวลาเดียวกันนี้ทางเดอะวิวซี เขาที่เอาโทรศัพท์เก็บใส่เข้าลิ้นชักก็ออกจากห้องด้วยใบหน้าหล่อเหลาอึมครึม
เขารู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองผิดปกติเหลือเกิน
แค่สองข้อความเท่านั้นเอง ทำไมเขาต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น?
ซ้ำยังเรื่องที่เขาไม่สบายใจนั้นก็คือหลังจากที่เธอพูดปฏิเสธ เขาไม่ได้แค่ไม่พอใจ แต่กลับยังโกรธเสียด้วย ความโกรธนั้นเกินกว่าตอนที่เขาหาเรื่องเธอเสียอีก!
แสนรักลงมาชั้นล่างด้วยใบหน้าอึมครึม
“คุณผู้ชาย คุณ…คุณลงมาแล้วหรอคะ หิวหรือยังคะ? พวกคุณท่านกำลังรอคุณกินข้าวอยู่เลยค่ะ งั้น เดี๋ยวฉันไปเรียกพวกเขากลับมานะคะ”
คนรับใช้ที่เห็นเขาลงมาพอได้สัมผัสความเยือกเย็นบนร่างของเขาแล้วก็ให้ขนลุก แล้วไปเรียกพวกไชยันต์ทันที
ประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น ในห้องทานอาหาร
“คุณอา ตื่นแล้วหรอคะ ดีขึ้นหรือยัง? ไหนให้รินจังดูหน่อยค่ะ”
ก้อนแป้งน้อยที่ถูกอุ้มมาในห้องทานอาหาร หลังจากที่เห็นว่าแดดดี๊ลงมาแล้ว เธอดีใจแล้วออกจากอ้อมกอดของป้า แล้วโผเข้าหาเขา
แสนรัก “…..”
ความโกรธยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ เขาไม่อยากมองเจ้าเด็กคนนี้เสียด้วยซ้ำ
แต่มือน้อยที่นุ่มนิ่มกอดตรงคอของเขา เขาได้กลิ่นน้ำนมบนร่างของเธอ ความเยือกเย็นอะไรที่มีอยู่ต่างก็พลันมลายหายไปหมด!
“ไปเล่นที่ไหนมา ทำไมสกปรกอย่างนี้ ไปล้างมือก่อน!”
“ไม่เอาไม่เอา รินจังจะจับคุณอาดูก่อนว่าดีขึ้นหรือยัง?”
หลังจากนั้น เจ้าเด็กที่เล่นจนเหงื่อเต็มตัวก็เหมือนปลาหมึก เธอปีนขึ้นตักของเขาแล้วใช้มือน้อยๆที่เลอะนั้นไปแตะที่หน้าผากของเขา
แสนรัก “…….”
แสงดาว “…….”
จนขนาดไชยันต์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นฉากนี้ก็ถลึงตามองอยู่นาน
เจ้าหลานคนนี้มีความอดทนมากอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้าที่เข้ามาอยู่ในห้องนอนก็ไม่อนุญาติให้มีเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวไม่ใช่หรอ? ไม่ต้องพูดถึงความสะอาดที่อยู่บนตัวเขาอย่างรุนแรงจนทำให้คนอื่นทนไม่ได้นั้นเลย
ไชยันต์รู้สึกจุกอก
จับดูแล้วเห็นว่าแดดดี๊ไม่เป็นอะไร หนูรินจังก็ไปล้างมืออย่างสบายใจ
แสงดาวที่มองอยู่ข้างๆ ก็ไปหยิบทิชชู่เปียกให้น้องชายด้วยท่าทางตื่นกลัว “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อข้างบนมั้ย?”
ดูสิ เธอก็รู้ถึงนิสัยแย่ๆของเขาอันนั้น
แต่สิ่งที่น่าเซอร์ไพร์สก็คือครั้งนี้ผู้ชายคนนี้กลับรับทิชชู่ของเธอมาเช็ดมือด้วยท่าทางนิ่งๆ
“กินอาหารของพี่ซะ!”
“………”
แสงดาวเลยกินอาหารอย่างว่าง่าย
เพิ่งจะทานข้าวเสร็จก็มีคนโทรหาเธอทันที เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดู…..
ชิบ!
หางตาของแสงดาวหลุกหลิก เธอรับเอาโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไปข้างนอก “แม่คู๊ณ เธอเป็นบ้าหรอ? โทรหาฉันตอนนี้ เธอไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่นานๆแล้วใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่นะ ฉันมีเรื่องด่วนจะบอกพี่!”
เส้นหมี่ได้ยินเสียงร้อนรนของเธอในสายก็ให้รีบพูดอธิบายขึ้น
“เมื่อกี้ฉันทะเลาะกับน้องชายของพี่มา”
“หื้ม?” แสงดาวส่งเสียงขึ้น คิดว่าตัวเองได้ยินผิด “เธอทะเลาะกับเขา? ทะเลาะอะไรกัน? เธออยู่เจแปนไม่ใช่หรอ!!!”
เส้นหมี่ระบายอารมณ์ออกมา
ตอนนั้นเธอพูดเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่นานของเธอทั้งสองอย่างละเอียด จนทำให้แสงดาวที่ฟังอยู่ในขณะนั้นต่างตะลึงอ้าปากค้างจนพูดอะไรไม่ออก
“นี่แม่คุณ ปกติเธอกำชับฉันมาตลอดว่าให้ฉันระวังตัว ระวังตัว แต่ทำไมเธอมาทำผิดเอาซะเองล่ะ?”
“……”
เส้นหมี่ให้รู้สึกว่าในใจเหมือนมีก้องหินมาทับไว้อีก เสียใจจนหายใจแทบไม่ออก
เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
แต่ก็ดีที่ผู้หญิงคนนี้ด่าก็แค่ด่า หลังจากที่ใจเย็นลงแล้วก็ยังช่วยเธอคิดหาวิธีอยู่ดี
“เมื่อกี้ตอนที่พวกเรากำลังกินข้าวอยู่ ฉันเห็นว่าเขานั้นไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงอะไรมากต่อรินจัง”
“จริงหรอ?”
เส้นหมี่ได้ยินก็เหมือนจับต้นตอที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้
แสงดาวพยักหน้า “เป็นอย่างนี้จริงๆ แม้ว่าท่าทางรังเกียจของเขาจะชัดเจน แต่ว่าพอรินจังไปอยู่ที่ร่างของเขา เขาก็ไม่ได้ไล่เธอให้ลงมา ดังนั้นพี่คิดว่าเรื่องนี้ยังสามารถมีจุดหวนคืนได้”
เส้นหมี่ได้ยินเสียงที่ผ่านสายมาก็ค่อยเบาใจลง
ถ้าเป็นอย่างนี้มันก็ดีจริงๆเลยนะ
แสงดาววางสายโทรศัพท์แล้วก็กลับเข้าห้องทานอาหาร แต่เธอไม่ได้ไปหาแสนรัก แต่ไปหาไชยันต์แทน
“คุณท่านคะ วันนี้ผมของน้องชายหนูออกมาแล้วนะคะ เห็นบอกว่ายังมีส่วนประกอบของสารพิษอีกประเภทนึงที่ยังเช็คข้อมูลได้ไม้ชัดเจน คุณท่านคิดว่าจะหาคนที่เรียนปรุงยามามั้ยคะ?”