ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 21 เหนือจินตนาการ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ผู้ล่าฝูโม๋จำนวนมากเคลื่อนผ่านฟากฟ้า พุ่งโจมตีไปทางผู้บำเพ็ญตรงหน้าเหล่านี้ พวกมันกระจายตัวกันไปตามสัญชาตญาณ! กระจายกันไล่ล่าสังหารไปทางผู้บำเพ็ญตามที่ต่างๆ แน่นอนว่าพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็อยู่ตรงศูนย์กลางมิได้วิ่งหนี สำหรับผู้ล่าฝูโม๋แล้วก็สามารถไปถึงตัวได้เร็วที่สุด! ดังนั้นผู้ล่าฝูโม๋กว่าครึ่งต่างก็พุ่งไปยังทิศทางที่พวกตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่นี้

ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง เคลื่อนผ่านฟากฟ้า มาถึงยังเบื้องหน้าสุด แล้วเข้าไปรับหน้าผู้ล่าฝูโม๋ฝูงใหญ่นี้

เขายื่นมือขวาออกไปผลัก!

“โลกลวง มา” ตงป๋อเสวี่ยอิงจิตใจวูบไหวแล้วสำแดงท่าไม้ตายอันแข็งแกร่งที่สุดของ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ของตน

“ปัง”

โลกลวงอันใหญ่โตมโหฬารเคลื่อนปะทะเข้ามา

“นี่คืออะไร…” บรรดา ‘ผู้ล่าฝูโม๋’ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านี้รู้สึกได้ว่าโลกมายาแห่งหนึ่งกำลังฉุดลากวิญญาณของพวกมันอย่างบ้าคลั่ง หมายจะฉุดลากวิญญาณของพวกมันลงไปให้จ่อมจมอยู่ภายในโลกลวงแห่งนั้น บรรดาผู้ล่าฝูโม๋เหล่านี้แต่ละคนต่อต้านโดยสัญชาตญาณ เห็นเพียงแค่…บรรดาผู้ล่าฝูโม๋ที่เดิมทีพุ่งทะยานผ่านฟากฟ้า มีระดับ ‘จักรพรรดิเทพช่วงกลาง’ พวกที่อ่อนแอเป็นที่สุดล้มกลิ้งและกระแทกลงบนพื้นดินอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายชีวิตสูญสลาย ถูกฆ่าตายคาที่! แม้กระทั่งผู้ล่าฝูโม๋ที่เป็นระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้าย ก็มีสองตนที่สูญสิ้นสติรับรู้แล้วกระแทกลงบนพื้นดิน สิ้นชีพไปเช่นเดียวกัน

ชั่วพริบตาเดียว

ผู้ล่าฝูโม๋สองร้อยกว่าตนที่พุ่งมาถึงเบื้องหน้าในระยะใกล้ตงป๋อเสวี่ยอิง เพียงชั่วครู่ก็ตายไปถึงยี่สิบเก้าตนแล้ว! บรรดาผู้ล่าฝูโม๋ตนอื่นๆ อย่างเช่นจักรพรรดิเทพช่วงท้าย มีจำนวนมากที่เหลือพลังยุทธ์เพียงแค่สามสี่ส่วนเท่านั้น ที่แย่หน่อยก็เหลือพลังยุทธ์อยู่เพียงแค่ส่วนสองส่วน แม้กระทั่งบรรดาผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์แต่ละตนก็สิ้นแปลืองพลังจิตมหาศาลมาต้านทาน พลังยุทธ์ก็ลดต่ำลงมาอย่างมหาศาล  เหลืออยู่เพียงแค่ราวๆ ครึ่งหนึ่งของก่อนหน้านี้เท่านั้น

“เป็นไปได้อย่างไรกัน”

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง มีโลกที่น่าหวาดหวั่นกำลังดึงลากวิญญาณของพวกเรา จะทำให้วิญญาณของพวกเราติดเข้าไปจ่อมจมอยู่ในโลกขนาดใหญ่แห่งนั้น ท่านอ๋อง พลังยุทธ์ของข้าเหลืออยู่เพียงแค่ส่วนเดียวแล้วขอรับ” มีผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายจำนวนหนึ่งที่พากันตกใจจนเริ่มถอยหนีไปเสียแล้วเชาวน์ปัญญาของพวกมันก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง เข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าเหลือพลังยุทธ์อยู่เพียงแค่ส่วนสองส่วนเท่านั้น

เผชิญกับบรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านั้นก็ย่อมถูกสังหารหมู่ได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

“โอ้ จักรพรรดิเทพช่วงท้ายและจักรพรรดิเทพช่วงกลางร่นถอยไปกันหมดแล้วหรือ” เสียงหนึ่งดังขึ้นในห้วงสมองของผู้ล่าฝูโม๋ที่มีอยู่ทั้งหมด

นี่คือเสียงของท่านอ๋อง

ทันใดนั้นก็มีเสียงสวบๆๆ…

บรรดาผู้ล่าฝูโม๋ที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไป ยังมิได้เข้ามาสู่อาณาบริเวณโลกเขตลวงโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิง ขอเพียงแค่เป็นพลังยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายและช่วงกลาง ต่างก็เริ่มร่นถอยไปจนหมดสิ้น

……

เพราะเหตุนี้เอง

ในที่นั้นมีภาพเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้น เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง ประจันหน้ากับฝูงผู้ล่าฝูโม๋ ยามที่ยื่นมือออกไปผลักก็มีฝูงผู้ล่าฝูโม๋ ‘ยี่สิบเก้าตน’ ที่กำลังอยู่ระหว่างการถลาบินสูญเสียการควบคุมแล้วตกกระแทกลงบนพื้นดิน จบชีวิตลงในทันที นอกจากนี้ยังมีผู้ล่าฝูโม๋หนึ่งร้อยกว่าตนที่พลังยุทธ์ค่อนข้างอ่อนแอ ตกใจจนเริ่มต้นร่นถอยไปในทันที

ที่ยังกล้าโจมตีในระยะประชิด ก็มีเพียงระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์เท่านั้น!

“โลกขนาดใหญ่มหึมาแห่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ”  บุรุษร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง โซ่ตรวนบนข้อมือข้อเท้าของเขามีเส้นสายสีทองปรากฏอยู่เป็นระยะๆ การลงโทษอันหนักหนาสาหัสกดดันเขา ทรมานเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เค้าก็คุ้นชินไปเสียแล้ว

ขณะนี้ในใจเขาตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

“โลกขนาดใหญ่มหึมา ฉุดลากวิญญาณอย่างนั้นหรือ นี่คือเคล็ดวิชาที่ต่อกรกับวิญญาณทั้งยังมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่อีกด้วย เพียงแค่เข้าไปในอาณาบริเวณนั้นก็จะได้รับแรงดึงดูดของโลกขนาดใหญ่มหึมาแห่งนั้น” บุรุษร่างสูงใหญ่ลอบคิดใคร่ครวญ “ที่โลกแห่งนี้ ในหมู่ผู้บำเพ็ญถึงกับมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งทางด้านวิญญาณถึงเพียงนี้คนหนึ่งปรากฏออกมาด้วยหรือ ก่อนหน้านี้แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย”

ในใจของบุรุษร่างสูงใหญ่เข้าใจกระจ่างดียิ่ง

แม้ว่าเขาจะเป็นถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง ถ้าหากไม่มีความกดดันใดๆ เขาพลิกมือก็สามารถผลาญทำลายผู้บำเพ็ญที่มีอยู่ทั้งหมดภายในโลกใบนี้ได้แล้ว!

แต่เขาถูกกักขังทรมาน ยิ่งไปไกลจากที่มั่น ความกดดันและการลงโทษที่ได้รับก็ยิ่งแข็งแกร่ง

อย่างเช่นเดินไปถึงยังใต้เมืองเมฆาแดง พลังยุทธ์ของเขาก็อาจตกต่ำลงไปถึงระดับที่ผู้บำเพ็ญคนไหนๆ ออกมาต่างก็สามารถสังหารเขาได้ทั้งสิ้น! ภายในโลกใบนี้ นอกจาก ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ นักโทษคละถิ่นที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดผู้นี้แล้ว บรรดานักโทษคละถิ่นคนอื่นๆ ยามออกไปเที่ยวท่องต่างก็ระแวดระวังกันเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งห่างไกลออกไปจากที่มั่น องครักษ์ที่พาไปก็ยิ่งมากขึ้นด้วย

“เคล็ดวิชาเขตพลังเช่นนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา จำนวนก็ไม่มีประโยชน์อันใดกระมัง” บุรุษร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้วน้อยๆ

******

ที่ด้านหลังของตงป๋อเสวี่ยอิงมีผู้บำเพ็ญสิบแปดคนที่มิได้หลบหนี พวกเขาต่างก็เตรียมตัวเตรียมใจสู้จนตายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าในใจจะยังกกกอดความหวังสายหนึ่งเอาไว้… เมื่ออยู่ต่อหน้าความตายก็ไม่แน่ว่าอาจจะโชคดีสามารถบรรลุเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้

แต่ทว่ายามที่พวกเขาคิดจะต่อสู้พลีชีพนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้อยู่ตรงหน้าพวกเขาทำ ก็ทำให้พวกเขาปากอ้าตาค้าง

“นี่ นี่ นี่มัน…”

“เรื่องอันใดกันนี่”

“ไม่เห็นกระบวนท่าใดๆ เลยนี่”

แต่ละคนตะลึงงันไปเสียแล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไปผลักจริงๆ ดูเหมือนว่าออกกระบวนท่าแล้ว แต่เคล็ดวิชาวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า! วิถีเขตลวงโลกเทียมของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นหลีกเลี่ยงผู้บำเพ็ญทางฝ่ายตนเอง ดังนั้นผู้บำเพ็ญเหล่านี้จึงมิอาจดูเข้าใจได้ว่าที่แท้แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงเคล็ดวิชาอันใด ที่ยังอยู่ห่างออกไปไกล ต่างก็มิได้เผชิญกับผู้ล่าฝูโม๋เหล่านั้น ผู้ล่าฝูโม๋เหล่านั้นก็ตายไปยี่สิบเก้าตนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งร้อยกว่าตนที่ตกใจจนหลบหนีไปเสียแล้ว!

ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ!

เหนือจินตนาการ!

“ฆ่ามัน” บรรดาผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์เหล่านั้นรวดเร็วยิ่งนัก พริบตาเดียวก็พุ่งมาถึงแล้ว เพราะว่าอยู่ในระยะใกล้ที่สุด พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้หนี ที่พวกเขาอยู่นี่ก็คือสถานที่แรกที่ต่อสู้กัน

ผู้ล่าฝูโม๋เกินกว่าห้าสิบตนต่างก็ล้อมโจมตีตงป๋อเสวี่ยอิง ยังมีผู้ล่าฝูโม๋ที่ล้อมโจมตีเข้าใส่เหล่าผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ด้วย

“ตั้งรับการต่อสู้!” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงออกคำสั่ง“ ทุกท่านอย่าได้กังวลใจไป พวกมันแต่ละตัวพลังยุทธ์ลดต่ำลงไปอย่างมหาศาล ไม่มีอะไรให้วิตกเลย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกยาวเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ

พรึ่บ

แม้ว่าจะมิได้สำแดงร่างกายขั้นสุดยอด สถานะปกติ ร่างกายก็ยังเป็นระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้าย เป็นถึงผู้ตระหนักวิถี เขาก็สามารถสำแดงพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ออกมาได้อย่างสิ้นเชิง!

นอกจากนี้บรรดาผู้บำเพ็ญที่เตรียมต่อสู้จนตัวตายเหล่านั้น แต่ละคนก็สำแดงฝีไม้ลายมือช่วยเหลือส่งเสริมซึ่งกันและกันอีกด้วย

“ฉึก” ตงป๋อเสวี่ยอิงแทงหอกอย่างส่งๆ คราหนึ่งก็ทำให้ผู้ล่าฝูโม๋ตนหนึ่งลอยกระเด็นออกไป

หอกยาวพลิกพลิ้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงวิถีกายแมลงมารห้วงอากาศ เงาร่างรางเลือนไม่มั่นคง ถึงแม้ว่าจะมีผู้ล่าฝูโม๋เกินกว่าห้าสิบตนล้อมโจมตีเข้ามา แต่ว่าทุกครั้งทุกคราอย่างมากที่สุดก็แค่เจ็ดแปดตนเท่านั้นที่สามารถโจมตีเข้ามาถึงตัวตงป๋อเสวี่ยอิงพร้อมกันได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถต้านเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ผู้ล่าฝูโม๋เหล่านี้แต่ละคนพลังยุทธ์ลดต่ำลงอย่างมหาศาล เป็นเพียงแค่พลังรบระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายเท่านั้น

“หืม”

“พวกมันช่างอ่อนแอนัก”

“เหตุใดจึงอ่อนแอได้มากมายถึงเพียงนี้เล่า รู้สึกว่าพลังยุทธ์ล้วนเป็นเพียงแค่ระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายเท่านั้นเอง”

“แต่ร่างกายของพวกมันก็ยังแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ยังเป็นถึงร่างกายระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์”

บรรดาผู้บำเพ็ญที่เดิมทีเตรียมสู้จนตัวตายประมือกันก็ค้นพบปัญหาด้วยความหวาดหวั่น

ผู้ล่าฝูโม๋ที่เดิมทีมีกลิ่นอายระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ที่บุกสังหารเข้ามาเหล่านี้ พลังชีวิตของร่างกายก็ยังคงแข็งแกร่งเทียมฟ้าเช่นเดิม ยังคงเป็นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์มิได้เปลี่ยนแปลง แต่ความสามารถในการโจมตีกลับลดต่ำลงอย่างมหาศาล… ภายใต้การส่งเสริมช่วยเหลือซึ่งกันและกันของพวกเขา พวกเขาสิบแปดคนรวมทั้งตงป๋อเสวี่ยอิง รวมเป็นผู้บำเพ็ญทั้งสิ้นสิบเก้าคน กลับกดดันผู้ล่าฝูโม๋เกินกว่าสองร้อยตนนี้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

“จ้าวหิมะเหิน เคล็ดวิชานี้ของท่านคือสิ่งใดกัน ร้ายกาจเกินไปเสียแล้ว ผู้ล่าฝูโม๋เหล่านี้แต่ละตนพลังรบลดต่ำลงอย่างมหาศาลเลยทีเดียว อย่าว่าแต่สองร้อยตนเลย รู้สึกว่าต่อให้มากันห้าหกร้อยตน พวกเราก็สามารถกดดันเอาไว้ได้อย่างสบายๆ อยู่ดี” คนร่างยักษ์รูปร่างโลหะ ในมือถือค้อนใหญ่อันหนึ่ง เหวี่ยงค้อนคราหนึ่งก็กระแทกเอาผู้ล่าฝูโม๋ตนหนึ่งลอยกระเด็นออกไป ปึงๆๆ กระแทกเอาผู้ล่าฝูโม๋เจ็ดแปดตนลอยกระเด็นออกไปอย่างต่อเนื่อง กวาดล้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

“จ้าวหิมะเหิน นับถือ นับถือ”

“จ้าวหิมะเหิน ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้”

เดิมทีคิดว่าต้องตายแน่แล้ว

ขณะนี้มองเห็นความหวังแล้ว แต่ละคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ยกย่องนับถือในฝีไม้ลายมือของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างหาใดเปรียบโดยพร้อมเพรียงกัน! ฝีไม้ลายมือเช่นนี้… แม้กระทั่งเจ้าเมืองสามท่านก็ยังไม่มี

“พวกเราไปช่วยคนอื่นที” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด

“ฟังจ้าวหิมะเหินสิ”

“จ้าวหิมะเหิน ท่านบอกให้ช่วยใครก็ช่วยผู้นั้นแหละ”

แต่ละคนถ่ายเสียงพูด

……

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงเหล่านี้คอยท่าอยู่ที่เดิม ตั้งรับการต่อสู้เป็นอันดับแรก

ส่วนบรรดาผู้บำเพ็ญที่หลบหนีไปยังทิศทางอื่นๆ ก็กำลังสังเกตการณ์สถานการณ์ของผู้ร่วมงานคนอื่นๆ อยู่ ก็ได้เป็นประจักษ์พยานกับฝีไม้ลายมืออันเหนือจินตนาการของตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดียวกัน

ตอนแรกก็ปลิดชีพผู้ล่าฝูโม๋ยี่สิบเก้าตนจากระยะไกลด้วยตัวคนเดียว จนอีกหนึ่งร้อยกว่าตนพากันวิ่งหนี

จากนั้นก็นำขบวนผู้บำเพ็ญสิบแปดคน กดดันผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์กว่าสองร้อยตนอย่างนั้นหรือ ผู้ล่าฝูโม๋ทุกตนยังถูกโจมตีได้อย่างง่ายดายคล้ายกับว่าเปลี่ยนกลายเป็นอ่อนแออย่างยิ่งอีกด้วย

“อย่าหนีอีกเลย”

เมื่อนักพรตโยวหยาได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็หวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ จากนั้นก็ทำการตัดสินใจในทันทีแล้วถ่ายเสียงให้กับบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชา “เร็ว รีบกลับไปรวมตัวกับจ้าวหิมะเหินเร็วเข้า! นี่เป็นเพียงทางรอดชีวิตเดียวของพวกเรา”

“กลับไป”

“กลับไป”

กองกำลังของนักพรตโยวหยาและพวกเสียฝานเก้าคนนี้ นักพรตโยวหยากับคนอื่นๆ อีกเจ็ดคนดูเหมือนว่าจะรีบรุดกลับไปในทันทีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ส่วนเสียฝานนั้นล่าช้าอยู่ชั่วครู่ แต่จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาตงป๋อเสวี่ยอิงโดยไม่ลังเลอีก

……………………………