ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 22 หน้าตาของเสียฝาน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ในบรรดาผู้บำเพ็ญที่หลบหนี กองกำลังย่อยนี้ของพวกนักพรตโยวหยาและเสียฝานสามารถหนีได้อย่างเฉียบขาดที่สุด ทั้งยังหนีไปไกลที่สุดอีกด้วย

บรรดาผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ หลังจากที่ถูกทอดทิ้งแล้วก็งงงันอยู่บ้างในขณะนั้น จากนั้นจึงได้ตัดสินใจเลือก หรือไม่ก็รั้งอยู่ที่เดิม ต่อให้วิ่งหนี… ระยะทางที่วิ่งหนีไปในตอนนี้ก็ยังไม่นับว่าไกลเกินไปนัก อีกทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงก็เร่งนำขบวนผู้บำเพ็ญสิบแปดคนไปสนับสนุนในทันที

“เร็ว พวกเรารีบไปรวมตัวกับจ้าวหิมะเหินเร็วเข้า”

“หยุดก่อน หยุดกันให้หมด! แค่หยุดแล้วไปรวมตัวกับจ้าวหิมะเหิน พวกเราก็จะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว”

แล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปหาตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดียวกัน

ทว่าบรรดาผู้ล่าฝูโม๋จำนวนมาก ก่อนหน้านี้ก็กระจายตัวกันไล่ล่าสังหารบรรดาผู้บำเพ็ญ เพียงไม่นานการต่อสู้ก็บังเกิดขึ้นเสียแล้ว ‘ผู้ล่าฝูโม๋’ ที่ห้ำหั่นกับพวกเขาเหล่านี้ พลังยุทธ์กลับมิได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนรักษาพลังรบระดับสุดยอดเอาไว้ได้ ต่อตีเสียจนกองกำลังผู้บำเพ็ญที่มีเพียงแปดคนนี้ยับเยินน่าอนาถ พวกเขาเผชิญกับการล้อมโจมตีของผู้ล่าฝูโม๋กว่าสิบห้าตนพร้อมกัน ถึงแม้ว่าจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพียงไม่นานก็ต้านเอาไว้ไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว

“เร็วเข้า พวกจ้าวหิมะเหินใกล้มาถึงแล้ว”

“หยุดก่อน”

พวกเขาแต่ละคนพยายามอย่างสุดกำลัง

แต่ทันใดนั้นเอง…

ผู้ล่าฝูโม๋กว่าห้าสิบตนโดยรอบพลังยุทธ์ลดต่ำลงอย่างมหาศาล ในขณะที่ประมือกัน ผู้ล่าฝูโม๋หากไม่ถูกพันธนาการจนยากที่จะดิ้นรนหลุดออกไปได้ ก็ลอยกระเด็นออกไป หรือไม่ก็ถูกบีบคั้นอย่างน่าอนาถ…

“กลายเป็นอ่อนแอเสียแล้ว”

“พวกมันกลายเป็นอ่อนแอเสียแล้ว รู้สึกว่าแต่ละตนดูเหมือนจะมีพลังยุทธ์เพียงแค่ระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายเท่านั้นแล้วล่ะ” บรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านี้ยินดีเป็นอย่างยิ่ง กองกำลังแปดคนของพวกเขา แต่ละคนล้วนเป็นพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ ขณะนี้ก็รู้สึกว่าฝูงผู้ล่าฝูโม๋ที่อยู่รอบๆ จัดการได้อย่างง่ายดายเหลือเกินแล้ว บดขยี้ได้อย่างสบายๆ นอกจากพลังชีวิตของผู้ล่าฝูโม๋ที่แข็งแกร่งเป็นที่สุด ยากที่จะผลาญสังหารได้เช่นเดิมแล้ว ทางด้านอื่นๆ ก็เปลี่ยนแปรกลายเป็นอ่อนแออย่างยิ่ง

“รวมตัวกับพวกเรา” ตงป๋อเสวี่ยอิงนำขบวนผู้บำเพ็ญสิบแปดคนเข้ามา

“ได้เลย”

“มาแล้ว!”

“จ้าวหิมะเหิน ขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตพวกเรา”

“เคล็ดวิชานี้ของจ้าวหิมะเหินช่างร้ายกาจเหลือเกิน ยังอยู่ห่างไกลถึงเพียงนั้น ผู้ล่าฝูโม๋เหล่านี้แต่ละคนก็พลังรบลดต่ำลงไปอย่างมหาศาล ฮ่าฮ่า ไม่มีผู้ล่าฝูโม๋แม้แต่ตนเดียวที่จะต่อกรกระบวนท่าเดียวของข้าได้” ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ต่างพากันตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทอดสายตาไปบริเวณรอบๆ ในบรรดาคู่ต่อสู้ ไม่มีแม้แต่ตนเดียวที่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้เลย ความรู้สึกเช่นนี้ช่างเปี่ยมสุขเสียจริง!

พวกเขาทุกคนเกิดความรู้สึกซาบซึ้งต่อตงป๋อเสวี่ยอิงขึ้นมา ทั้งยังมีความรู้สึกนับถืออีกด้วย

นับถือ… คือความนับถือที่มีต่อผู้แกร่งกล้า

พวกเขาต่างก็เข้าใจกันเป็นอย่างดียิ่งว่าเคล็ดวิชาที่สามารถกวาดล้างเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นในบริเวณกว้างเช่นนี้ได้นั้นล้ำเลิศเพียงใด! เมื่อใดที่ ‘จ้าวหิมะเหิน’ กลับไปยังเมืองเมฆาแดง สถานะก็จะพุ่งทะยานขึ้นอย่างฉับพลัน ถ้าหากจ้าวหิมะเหินปรารถนาจะจัดตั้งกองกำลัง เกรงว่าจะต้องมีผู้บำเพ็ญกลุ่มใหญ่ปรารถนาจะเข้าร่วมเป็นแน่

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงนำกลุ่มผู้บำเพ็ญไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ขอเพียงแค่สามารถอยู่ในอาณาบริเวณเขตลวงโลกเทียมของตนได้ ก็สามารถช่วยเหลือผู้คนได้แล้ว

แต่ทว่า

เพราะก่อนหน้านี้แยกย้ายกันหลบหนีไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน การจะช่วยเหลือได้นั้นก็ออกจะยุ่งยากอยู่บ้าง!

“เฮ้อ ผู้บำเพ็ญก็ยังตายไปถึงสามคน” หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยเหลือกองกำลังย่อยแล้ว ตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงแค่กองกำลังย่อยสุดท้ายเท่านั้น… ซึ่งก็คือกองกำลังย่อยเก้าคนที่พวกนักพรตโยวหยาและเสียฝานเป็นผู้บัญชาการนั่นเอง! ความจริงแล้วก็เป็นเพราะตงป๋อเสวี่ยอิงนำผู้คนเหินบินทำการช่วยเหลืออยู่ตลอด ทำให้พวกนักพรตโยวหยาไม่สามารถรวมตัวกับตงป๋อเสวี่ยอิงได้เสียที

แน่นอนว่าเขาตั้งใจละกองกำลังย่อยของพวกนักพรตโยวหยาและเสียฝานเอาไว้เป็นลำดับสุดท้าย

หนึ่งก็เพราะพวกนักพรตโยวหยาและเสียฝานเริ่มต้นทอดทิ้งผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก่อน สองก็คือกองกำลังย่อยนี้เป็นกองกำลังย่อยที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้บำเพ็ญห้าสิบเอ็ดคน ก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้นานกว่าอยู่แล้ว

“น้องหิมะเหิน ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว รีบช่วยเร็วเข้าเถิด พวกเราใกล้จะต้านไม่อยู่เต็มทีแล้ว” พวกนักพรตโยวหยาเก้าคนเผชิญกับการล้อมโจมตีของผู้ล่าฝูโม๋กว่าแปดสิบตน! นักพรตโยวหยาและเสียฝานต่างก็เป็นผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดของเมืองเมฆาแดง มีพวกเขาสองคนอยู่ คนอื่นๆ อีกเจ็ดคนก็สามารถส่งเสริมกับพวกเขา ยังสามารถฝืนต้านทานเอาไว้ได้

“จ้าวหิมะเหิน จะช่วยหรือไม่ช่วยดีขอรับ”

“เสียฝานผู้นั้นวางแผนคิดบัญชีท่านตั้งหลายครั้งหลายคราแล้วนะ”

“ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ทอดทิ้งพวกเราด้วย”

ผู้บำเพ็ญถ่ายเสียงให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง รอคอยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง

เห็นได้ชัดว่าบรรดาผู้บำเพ็ญที่ได้รับการช่วยเหลือจากตงป๋อเสวี่ยอิงเหล่านี้ต่างก็เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นแกนหลักของกองกำลังไปแล้ว! แม้กระทั่งจำนวนมากพอสมควรในบรรดานั้นที่เคยติดตามนักพรตโยวหยาและเสียฝานมาก่อน ในขณะนี้ก็ยังยืนอยู่ทางฝั่งตงป๋อเสวี่ยอิง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจในสิ่งที่นักพรตโยวหยาและเสียฝานเลือก แต่ในขณะที่นักพรตโยวหยาและเสียฝานทอดทิ้งพวกเขานั้น… ความรู้สึกระหว่างกันก็ได้หมดสิ้นไปเสียแล้ว ถึงขนาดที่ในใจของผู้บำเพ็ญบางคนยังเกิดความโกรธเกลียดเคียดแค้นขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ!

“ช่วยมาก่อนเถิด นักโทษคละถิ่นผู้นั้นยังดูอยู่ห่างๆ อยู่เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด

“เอาเถิด”

“ช่วยเหลือพวกเขา”

ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งเสียงหนึ่ง ทุกคนก็รับบัญชา

“จ้าวหิมะเหิน ฝูงผู้ล่าฝูโม๋แปดร้อยกว่าตนที่ไล่ล่าพวกเราที่อีกฝั่งหนึ่งใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ว่าจักรพรรดิเทพช่วงกลางและช่วงท้ายในบรรดาพวกมันล่าถอยไปเสียแล้ว ยังเหลือผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์หกร้อยกว่าตนบุกสังหารเข้ามา” บุรุษเกราะทองผู้เย็นชาถ่ายเสียงให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง เขาก็คือผู้ที่ถูกทอดทิ้งเช่นเดียวกัน

กองกำลังที่นักพรตโยวหยาเลือกสรรมา สมาชิกมีความคล่องตัวเพียงพอ มีเพียงคนเดียวที่เชี่ยวชาญการตรวจตรา ซึ่งก็คือ ‘ฉงหมาน’ คนชุดเทาผู้นั้นนั่นเอง

“ฝูงผู้ล่าฝูโม๋อีกฝูงหนึ่งก็กำลังจะมาถึงแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจบีบรัดแน่น

สองฝั่งรวมกันขึ้นมา

ก็จะมีระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ราวๆ หนึ่งพันสองร้อยตน ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของแต่ละตนจะลดลงอย่างมหาศาลก็ตาม! จำนวนก็ยังมากมายเหลือเกินอยู่ดี ทั้งยังมี ‘นักโทษคละถิ่น’ ผู้นั้นอยู่อีกด้วย สำหรับนักโทษคละถิ่น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ระแวดระวังมาโดยตลอด ขณะนี้ในยามต่อสู้ แม้ว่าเขาจะมิได้เผยร่างกายที่แกร่งที่สุด อีกทั้งภายในร่างกายยังดูดซับหยกแก้วคละถิ่น ฟื้นฟูพลังยุทธ์ของตนอย่างต่อเนื่อง  ก็เพื่อเตรียมรับการคุกคามของ ‘นักโทษคละถิ่น’

“เร็ว”

“น้องหิมะเหิน เร็วเข้า พวกเราต้านไม่อยู่แล้ว” นักพรตโยวหยาเอ่ยเร่งเร้า

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็บุกเข้าไปอย่างสุดกำลัง ผู้ล่าฝูโม๋ที่ล้อมโจมตีกองกำลังย่อยของนักพรตโยวหยาก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น

ตุ้บ…

ก่อนที่อาณาบริเวณเขตลวงโลกเทียมจะโอบล้อม กองกำลังย่อยของพวกนักพรตโยวหยาก็ยังมีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งตายตกไป! ทำให้ผู้บำเพ็ญที่สู้จนตัวตายในครั้งนี้มีถึงสี่คนแล้ว

“พลังยุทธ์ของพวกมันอ่อนแอลงแล้ว” พวกนักพรตโยวหยาและเสียฝานค้นพบในจุดนี้ด้วยความพรั่นพรึงระคนยินดี เสียฝานก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงที่เข้ามาช่วยเหลือปราดหนึ่ง ทว่าในใจกลับมีความคิดนับพันนับหมื่นเกิดขึ้นมา “จ้าวหิมะเหินผู้นี้ถึงกับมีฝีไม้ลายมืออันเหนือจินตนาการเช่นนี้ ถึงแม้ว่าการต่อสู้ซึ่งหน้าจะอ่อนแอไปสักหน่อย แต่มีฝีไม้ลายมือเช่นนี้เกรงว่าแรงดึงดูดของเขาที่เมืองเมฆาแดงในภายภาคหน้า จะเหนือกว่าเจ้าเมืองทั้งสามเสียอีก”

เสียฝานนึกเสียใจและเป็นกังวล เกรงว่าก็คงจะสายไปเสียแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ล่วงเกินจ้าวหิมะเหินผู้นี้อย่างหนักหนาสาหัสไปเสียแล้ว

“จ้าวหิมะเหิน ก่อนหน้านี้ข้าล่วงเกินเจ้า ล้วนเป็นข้าที่โง่เง่าไปเอง เป็นความผิดของข้าเองทั้งสิ้น เจ้าช่วยมองว่าข้าเป็นดังเช่นเสียงผายลม ช่างข้าไปเสียเถิดนะ” เสียฝานถ่ายเสียงให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง

ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ยินการถ่ายเสียงของเสียฝานแล้วก็ตกตะลึงอยู่บ้าง

ดีร้ายอย่างไรก็เป็นถึงหนึ่งในผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดของเมืองเมฆาแดง ช่างไม่รู้จักรักษาหน้าเอาเสียเลย! ก่อนหน้านี้ก็ต้องการจะจัดการตนหลายต่อหลายครั้ง หากมิใช่เพราะพลังยุทธ์ของตนแข็งแกร่งพอก็คงตายไปนานแล้ว

“น้องหิมะเหิน น่าละอาย น่าละอายยิ่งนัก” นักพรตโยวหยาก็ขอขมาเช่นกัน

“จัดการกับนักโทษคละถิ่นให้ได้ก่อนค่อยว่ากันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“ถูกต้อง ยังมีนักโทษคละถิ่นด้วย” ขณะนี้กองกำลังนี้กลับเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นศูนย์กลางอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ คราวนี้พวกเราจะต้องมีชีวิตรอดต่อไปได้อย่างแน่นอน!” เสียฝานเอ่ยเสียงสูง

“ไม่แน่ว่าอาจยังสามารถสังหารนักโทษคละถิ่นผู้นั้นได้อีกด้วย! ทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของจ้าวหิมะเหิน ผู้ที่กล้าเมินเฉย ข้า เสียฝาน จะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยพวกมันเอาไว้!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง

นับว่าเขาได้เห็นความไร้ยางอายของเสียฝานเต็มๆ ตาแล้ว!

“ช่างไม่รักษาหน้าตาเลยจริงๆ”

“เสียฝานผู้นี้…” บรรดาผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ แต่ละคนก็อับจนคำพูดเช่นกัน

……

ในขณะที่กองกำลังผู้บำเพ็ญนี้ของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงรวมตัวเข้าด้วยกันนั้นเอง

ที่อีกทิศทางหนึ่ง ผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์หกร้อยกว่าตนอีกกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาเช่นเดียวกัน

“มาถึงกันหมดแล้วสินะ” บุรุษร่างสูงใหญ่ผู้อยู่ด้านหลัง มิได้เร่งร้อนลงมือมาโดยตลอดได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็พยักหน้าน้อยๆ “เพียงแค่กำจัดผู้ที่เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาวิญญาณผู้นั้นได้ ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก็ต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว”

สวบ

บุรุษร่างสูงใหญ่เคลื่อนที่ก้าวยาวๆ เหยียบย่างผ่านอากาศอย่างรวดเร็วยิ่ง รอบด้านมีองครักษ์ผู้ล่าฝูโม๋ห้อมล้อม

ขณะนี้ผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ราวๆ หนึ่งพันสองร้อยตนล้อมสังหารพวกตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของพวกมันแต่ละตนจะลดต่ำลงไปเป็นอย่างมาก แต่ร่างกายก็แข็งแกร่งไม่เกรงกลัวต่อความตาย

“ตั้งรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องมองบุรุษร่างสูงใหญ่อย่างเคร่งขรึมอยู่ห่างๆ บุรุษร่างสูงใหญ่นำพาความคุกคามกดดันอันเข้มงวดหาใดเปรียบเข้ามา ราวกับเขาพกเอาโลกทั้งใบเข้ามาด้วย ทานทนต่อความทุกข์ยากและความกดดันอยู่ตลอดเวลา แต่ใบหน้าของบุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นี้กลับสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง นัยน์ตาสีแดงเข้มจ้องเขม็งอยู่ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงผู้เดียวเท่านั้น!

เห็นได้ชัดว่าในสายตาของนักโทษคละถิ่นผู้นี้ ผู้บำเพ็ญชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นี้เท่านั้นจึงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

………………………