ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 805 เขาพาเด็กไปหาเธอแล้ว
“คุณท่านอย่าเพิ่งร้อนใจนะครับ ตอนนี้ยังไม่ได้ร้ายแรง เพียงแค่พวกเราหาสารพิษตัวนั้นเจอก็ควบคุมเอาไว้อยู่แล้วครับ”
“แล้วจะหาเจอได้เมื่อไหร่?”
ไชยันต์ย้อนถามขึ้นทันที
ไพบูลย์ “…….”
คิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เอ่ยถึงเรื่องวันนั้นที่คุณท่านมาคุยกับเขาก่อน
“อิงจากตามสถานการณ์นี้ ทางพวกเราก็แนะนำว่าให้อรรตพลพ่อลูกจัดการครับ”
“อรรตพล?”
ไชยันต์เบิกตากว้างทันที “เธอบอกเองไม่ใช่หรอว่าทางที่ดีคืออย่ายุ่ง แล้วยังบอกอีกว่ากลุ่มเภสัชกรรมของเขาที่ก่อตั้งในตอนนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรสำคัญที่มีมากมายอยู่ในประเทศ ไปยุ่งเกี่ยวให้น้อยที่สุดเป็นการดี”
ไพบูลย์พยักหน้า “ใช่ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว ความสามารถในการปรุงยา ในประเทศของพวกเราตอนนี้ไม่มีใครสู้กับพวกเขาสองคนพ่อลูกได้”
จริงๆแล้วเขาอยากที่จะพูดกับคุณท่านว่าเพราะว่าตอนนี้หลานสะใภ้ที่น่าสงสารของเขาคนนั้นกำลังทรมานอยู่บนเตียงผ่าตัดในตอนนี้ เขาเลยไม่เห็นด้วย
เขาไม่สามารถที่จะเพิ่มภาระให้สองสามีภรรรยาที่สะบักสะบอมและทุกข์ทรมานได้อีกแล้ว
สุดท้ายแล้วไชยันต์จึงเห็นด้วย
หลังจากนั้นพอเขาเดินจากไป ไพบูลย์ก็ไปหาเส้นหมี่ที่เจแปนด้วยตัวของเขาเอง
“คุณเส้นหมี่ครับ ตอนนี้สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้ครับ คุณคิดว่าพวกเราจะส่งคนไปหาอรรตพลพ่อลูกมั้ยครับ หรือพวกเราค่อยๆศึกษา……..”
“ไม่ต้อง!”
ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะอ้าปากพูดขัดเขาขึ้นในโทรศัพท์
เธอยืนอยู่ในห้องผู้ป่วย ใบหน้ายังพันไว้ด้วยผ้าก๊อต เหม่อมองไปที่หน้าต่าง ริมฝีปากเหมือนกระดาษดูซีดขาว นัยน์ตาที่สวยงามนั้นแดง เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“ไม่ต้อง ตอนนี้พวกคุณเอาพวกเขามาที่นี่”
“แต่ว่า……”
“ไม่เป็นไรค่ะด็อกเตอร์ไพบูลย์ ถ้าให้เทียบกับชีวิตเขา สิ่งพวกนี้ไม่สำคัญเลยจริงๆ ขอแค่เขามีชีวิตอยู่ได้ก็พอแล้วค่ะ”
เธอเช็ดน้ำตา และพูดบอกกับศาสตราจารย์ในสายอย่างชัดเจน
นั่นสิ ในโลกนี้ยังมีอะไรสำคัญกว่าชีวิตเขา?
แค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ถ้าสุดท้ายแล้วจะช่วยเขาไว้ได้ จริงๆนะ ต่อให้เธอจะเข้าไปที่เดอะวิวซี อยู่ข้างเขาทั้งวันทั้งคืน เธอก็ไม่เป็นไรหรอก”
เส้นหมี่วางสายลงแล้ว ร่างก็เหมือนท่อนไม้ที่ไม่มีวิญญาณ ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นอยู่นาน
จนกระทั่งนางพยาบาลเดินเข้ามาเรียกเธอให้ไปห้องผ่าตัด
คิตตี้ : คุณแสนรัก ได้ยินว่าอีกไม่นานคุณก็จะหายดีแล้ว ยินดีด้วยนะคะ หลังจากนี้อย่าลืมรักษาชีวิตตัวเองให้ดี รู้มั้ยคะ?”
เธอส่งข้อความสุดท้ายเสร็จก็ไปเข้าห้องผ่าตัด
และมาถึงวันนี้ก็ใกล้ครบหนึ่งเดือนที่แยกกันอยู่จากพวกเขา
——
เวลาหนึ่งเดือนจะบอกว่านานก็ไม่นาน
แต่ว่าจะบอกว่าสั้นก็ไม่สั้น
โดยเฉพาะสำหรับเส้นหมี่ที่ทำการผ่าตัดหน้ามาถึงช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ หลังจากทำการผ่าตัดครั้งสุดท้ายเสร็จ ชั่วเวลาต่อไปคือระยะเวลารักษาบาดแผลให้หายสนิทก็ช่างเหมือนกับการตกนรก
เพื่อเป็นการรับประกันเมตาบอลิซึมในผิวว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอต้องถูกหมอจัดการมันออกมาบนใบหน้าที่ปากแผลเพิ่งหาย
หลังจากนั้นก็ฉีดตัวที่ทำให้ผิวกลับมาเติบโตเหมือนเดิม ขั้นตอนทั้งหมดทรมานจนทุกๆวันของเส้นหมี่เหมือนอยู่ในนรก ตายเสียยังดีกว่า
ดีที่หลังผ่านจากหนึ่งเดือนไป แผลของเธอก็ค่อยๆหาย
“มาครับ ดูหน้าคุณหน่อยว่าเหมือนกันกับแต่ก่อนมั้ย?”
โชกิ โดโมโตะเห็นดังนั้น วินาทีที่เธอเอาผ้าก็อตออกอย่างตื่นเต้นก็หยิบกระจนบานใหญ่วิ่งเข้ามา
คณาธิปก็เข้ามา
พอเขาเข้ามาก็เห็นเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ภายใต้แสงสว่างในห้องคนไข้ แล้วให้ดูท่าไม่แน่ใจ
ใช่ ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว!
ใบหน้าที่สวยงดงาม ผิวขาวเรียบเนียนเหมือนเปลือกของไข่ไก่ ให้ความรู้สึกดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก ตาดำขลับที่สุกใสก็ยังคงสว่างสไหว เหมือนเพรชพลอยที่เปล่งประกายส่องแสงออกมา จนคนมองแทบจะหัวใจหยุดเต้น
สวยจริงๆ
หลายๆปีก่อน เขาก็รู้มานานแล้ว
“เอาละ เป็นเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้คุณออกไปไหนก็ได้ อยากไปไหนก็ไปได้เลย” โชกิ โดโมโตะชื่มชมใบหน้าเสร็จก็พูดอย่างดีใจ
เธอพูดจบ เส้นหมี่ที่เดิมทีดีใจนั้น
นัยน์ตาที่สว่างสไหวของเธอก็ให้เปลี่ยนเป็นดำขลับลงทันที
อยากไปไหนก็ไปหรอ?
นี่ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอฟังคงต้องดีใจมากแน่ๆ
ทั้งๆที่ต้องใช้เวลารักษาถึงสามเดือน แต่เพราะว่าทึกของเธอเลยย่นเวลาให้สั้นเหลือสองเดือน ก็เพื่อจะได้รีบกลับไป……
เธอคิดมาถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกเจ็บลึกๆ!
“สวยใส?”
“หื้ม ไปกันเถอะ พวกเราไปหาพิมแสงกัน”
เธอเลยเงยหน้าขึ้นมา แสร้งทำท่าดีใจเพื่อปกปิดความวังเวงในใจของเธอ
คณาธิปเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดว่าอะไร เขาถือกระเป๋าเดินทางของเธอ คนทั้งสองจึงออกห้องไปพร้อมกัน
แต่ก็ไม่มีใครคิดถึงว่าพอพวกเขาลงมาจากชั้นบน ที่หน้าประตูของโรงพยาบาลก็มีรถคาเยนน์คันสีขาวจอดตัวลง
หลังจากนั้นผู้ชายที่รูปร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรก็จูงก้อนแป้งน้อยที่หน้าตาน่ารักลงมาแล้วเดินเข้าไปด้านใน