สีหน้าของอี้ลั่วเอ๋อเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีเมื่อนางได้ยินคำพูดของปาชี่หง
จากคำพูดของปาชี่หงที่เอ่ยมาเช่นนี้ มันทำให้นางรู้ทันทีว่าสถานการณ์ของเผ่านางตอนนี้ไม่สู้ดีนัก
“เกิดอะไรขึ้นกับป่าภูตนางฟ้าของข้า!?” อี้ลั่วเอ๋อรีบถามขึ้นทันที
ถึงจะได้ยินคำถามของอี้ลั่วเอ๋อเต็มสองรูหู ปาชี่หงก็ไม่คิดที่จะตอบกลับอะไรทั้งนั้น
ในยุคนี้ใครให้ค่ากับเผ่าภูตนางฟ้าบ้าง?
โดยเฉพาะที่ในตอนนี้เขาเข้าใจว่าอี้ลั่วเอ๋อเป็นแค่ของเล่นหรือไม่ก็สัตว์เลี้ยงของหลิงตู้ฉิงเท่านั้น ดังนั้นตัวตนที่เป็นเหมือนของเล่นเช่นนี้เขาจะใส่ใจไปทำไมกัน?
“ข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกรึไง? เกิดอะไรขึ้นกับเผ่าของข้า?” อี้ลั่วเอ๋อโกรธมากยิ่งขึ้นเมื่อนางเห็นว่าปาชี่หงไม่สนใจที่จะตอบคำถามของนาง
ปาชี่หงตอบกลับด้วยสีหน้าดูถูก “เจ้าเป็นใครถึงบังอาจมาถามนู่นนี่นั่นกับข้า? คุณชาย ท่านจะมุ่งหน้าไปที่ป่าภูตนางฟ้าใช่ไหม? ข้าบอกท่านได้เลยว่าตอนนี้ป่าภูตนางฟ้านั้นง่ายมาก…”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดแทรก “คนของข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกรึไง? หรือว่าเจ้าจะให้ข้าค้นดวงวิญญาณของเจ้าเพื่อหาคำตอบเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับป่าภูตนางฟ้า?”
สีหน้าของปาชี่หงที่กำลังได้ใจอยู่เมื่อครู่กลายเป็นมืดหม่นทันที จากนั้นเขารีบตอบกลับว่า “ใจเย็นก่อนคุณชายข้าจะบอกท่านเอง ในตอนนี้ป่าภูตนางฟ้านั้นกำลังถูกหลายกลุ่มรุมโจมตีอยู่ ในบรรดากลุ่มที่กำลังโจมตีอยู่นั้นก็ได้แก่ อาณาจักรอ้าวเฟิง หมู่บ้านกระบี่โลหิต สำนักไร้ขอบเขต สำนักห้าวเทียน และยังมีสำนักเล็ก ๆ อีกหลายสำนัก”
“ทำไมพวกเขาต้องโจมตีป่าภูตนางฟ้า?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้นอีกรอบ
“มันเกิดขึ้นจากความขัดแย้งเล็ก ๆ ของทั้งสองฝั่ง แต่จากนั้นพวกเขาก็ต่อสู้กันรุนแรงยิ่งขึ้นจนกลายเป็นสถานการณ์ในปัจจุบัน” ปาชี่หงหัวเราะ “แน่นอนว่ามันก็มีบางสำนักที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยแต่อยากร่วมวงด้วยเพราะต้องการที่จะอาศัยโอกาสนี้ในการจับตัวพวกภูตนางฟ้าไปขาย! แค่ภูตนางฟ้าสามัญตนเดียวก็ขายได้ราคาหลายเหรียญผลึกจักรพรรดิแล้ว และยิ่งถ้าเป็นพวกเชื้อพระวงศ์ด้วยแล้วล่ะก็ราคาจะดีดขึ้นไปที่หลักร้อยเหรียญเลยทีเดียว”
“และที่สำคัญข้าได้ยินมาว่าพวกเชื้อพระวงศ์ของภูตนางฟ้านั้นมีความพิเศษที่ไม่เหมือนกับพวกภูตนางฟ้าสามัญอีกต่างหาก แต่ว่าพวกนางจะพิเศษยังไงนั้นข้าเองก็ไม่แน่ใจ คุณชายหากตอนนี้ท่านไม่รีบมุ่งหน้าไปที่ป่าภูตนางฟ้า ท่านอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้ลิ้มลองภูตนางฟ้าเชื้อพระวงศ์ก็ได้นะ!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้ามีแล้วตนหนึ่ง ดังนั้นข้าไม่รีบ ว่าแต่สำนักของเจ้าอยู่ใกล้กับที่นี่มากเลยใช่ไหม? และสำนักของเจ้าก็ได้ซื้อภูตนางฟ้ามาเก็บไว้ด้วยถูกต้องรึเปล่า? ภูตนางฟ้าของข้าตนนี้ไม่ได้กลับไปที่ป่าภูตนางฟ้ามานานหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นนางจึงยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร ฉะนั้นเจ้าสามารถพาภูตนางฟ้าของสำนักเจ้ามาเจอนางได้ไหม?”
ปาชี่หงส่ายหัวและตอบกลับว่า “ภูตนางฟ้าที่สำนักของข้าซื้อมานั้น พวกข้าซื้อมาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นมันก็คงไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับที่ป่าภูตนางฟ้าบ้าง นี่ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะนังนั่นยังคงมีประโยชน์อยู่ และพวกเรายังหาตัวที่สวยกว่านังนั่นไม่ได้ ป่านนี้พวกเราคงฆ่ามันตายไปนานแล้ว”
“ว่าแต่คุณชาย ข้าสามารถช่วยนำทางให้ท่านไปที่ป่าภูตนางฟ้าได้นะ ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มท่าน ข้าแน่ใจว่าท่านจะต้องจับตัวพวกภูตนางฟ้าได้เป็นจำนวนมากแน่นอน ส่วนตัวข้าเองคงไม่ขออะไรจากท่านมาก แค่เพียงท่านแบ่งภูตนางฟ้าสามัญให้ข้าสักตัวสองตัวแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบกลับว่า “ไม่มีปัญหา เอาไว้ข้าเตรียมตัวเสร็จข้าจะต้องไปที่ป่าภูตนางฟ้าแน่นอน แต่ตอนนี้อันดับแรกข้าจะไปเยือนสำนักของเจ้าก่อน อ๋อใช่ตอนนี้เจ้ายังไปไหนไม่ได้ เจ้ายังมีประโยชน์กับข้าอยู่! ซวนหยวน เจ้าจงจับตาดูเขาเอาไว้ให้ดีอย่าให้หนีไปไหนได้ ไม่งั้นหากเขาหนีไปจะไม่มีใครช่วยนำทางให้เรา”
“รับทราบองค์เหนือหัว!” ซวนหยวนตู่รีบตอบกลับ
จากนั้นภูตดินขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดตนหนึ่งก็ยืนประกบปาชี่หงไม่ห่างเพื่อไม่ให้เขาหนีไปไหน
ในเวลาเดียวกัน ทางด้านอี้ลั่วเอ๋อก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลิงตู้ฉิง และขอร้องกับเขาว่า “นายท่านได้โปรดช่วยเผ่าของข้าด้วย!”
หลิงตู้ฉิงพยุงร่างของอี้ลั่วเอ๋อขึ้นมา และปลอบนาง.. “ในเมื่อข้ามาที่นี่แล้ว ข้าจะไม่ช่วยพวกของเจ้าได้ยังไง? แต่เนื่องจากตอนนี้มีหลายกลุ่มที่กำลังโจมตีเผ่าของเจ้าอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องเตรียมการให้รอบคอบก่อน ไหนเจ้าลองบอกข้อมูลของพวกกลุ่มทั้งหลายที่กำลังโจมตีเผ่าของเจ้าอยู่ให้ข้าฟังหน่อยว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง?”
หลิงตู้ฉิงไม่ร้อนใจสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ป่าภูตนางฟ้ากำลังถูกรุมโจมตีเพราะเขารู้ว่าต่อให้เผ่าภูตนางฟ้าจะอ่อนแอลงสักแค่ไหน มันก็ไม่มีใครสามารถทำลายเผ่าภูตนางฟ้าได้ง่าย ๆ เนื่องจากเผ่าภูตนางฟ้ายังมีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งคอยคุ้มครองอยู่
ดังนั้นเขาจึงใจเย็นและคิดหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการเรื่องนี้ให้จบในทีเดียว และวิธีการนั้นต้องทำให้ไม่มีใครกล้าดูถูกเผ่าภูตนางฟ้าไปอีกตลอดกาล
“อาณาจักรอ้าวเฟิงนั้นมีจักรพรรดิที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ และอาณาจักรของพวกเขาก็มีชายแดนอยู่ติดกับป่าภูตนางฟ้าของเรา ความแข็งแกร่งของอาณาจักรอ้าวเฟิงนับได้ว่าแข็งแกร่งมาก พวกเขามีทั้งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและกองทัพจำนวนมหาศาล ซึ่งด้วยอำนาจขนาดนี้พวกเขาจึงสามารถขยายอาณาจักรของตนเองจนสามารถครอบครองอาณาเขตของพวกเขาได้เต็ม ๆ ส่วนความสัมพันธ์ของเผ่าข้าและพวกเขานั้นพวกเรากระทบกระทั่งกันมาโดยตลอด และส่วนใหญ่จะเป็นพวกอาณาจักรอ้าวเฟิงที่ชอบส่งคนมายั่วยุเรา”
“ส่วนหมู่กระบี่โลหิตนั้นคือขุมกำลังที่อยู่อีกอาณาเขตหนึ่ง ซึ่งห่างออกไปอีกหน่อย พวกเขาคือกลุ่มมือสังหารที่มีชื่อเสียงในระแวกนี้ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ 3,000 ปีก่อน หมู่บ้านกระบี่โลหิตนั้นเคยพยายามสังหารแม่ของข้า ซึ่งมันทำให้แม่ของข้าสงสัยว่าหมู่บ้านกระบี่โลหิตนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับตำหนักดับเซียน”
“ถัดมาคือ สำนักไร้ขอบเขต และ สำนักห้าวเทียน ทั้งสองสำนักนี้อยู่ในอาณาเขตเดียวกัน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากป่าภูตนางฟ้าของข้าสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าสำนักไร้ขอบเขตจะเพิ่งก่อตั้งมาได้แค่ 50,000 ปี แต่เนื่องจากพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากพวกเผ่าอสูร ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“ส่วนสำนักห้าวเทียนนั้นในตอนแรกพวกเขายังเป็นสำนักเล็ก ๆ อยู่เลย แต่แล้วจู่ ๆ เพราะเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบความแข็งแกร่งของพวกเขากลับพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตื่นตะลึง แถมยังดูก้าวร้าวมากขึ้นด้วยอีกต่างหาก แต่ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะยังไม่มากเท่ากับสำนักไร้ขอบเขต แต่ความเร็วในการพัฒนาของพวกเขาก็จัดได้ว่าน่ากลัวมากทีเดียว”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่หนึ่งจากนั้นพูดว่า “ข้าคงต้องใช้เวลา 1 เดือนในการสร้างบางอย่างเพื่อใช้จัดการเรื่องนี้ให้สมบูรณ์!”
เมื่ออี้ลั่วเอ๋อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนเพื่อสร้างของบางอย่าง สีหน้าของนางก็กลายเป็นหดหู่ทันที เพราะตอนนี้นางร้อนใจในความปลอดภัยของเผ่านางเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของภูตนางฟ้าน้อยของเขา หลิงตู้ฉิงจึงลูบหัวนางและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง เผ่าภูตนางฟ้าของเจ้าไม่ถูกทำลายได้ง่าย ๆ แบบที่เจ้าคิดหรอก!”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงสั่งให้หมิงยู่ออกจากร่างของเขาก่อน และจากนั้นเขาก็หยิบเอากิ่งไม้สองกิ่งที่ได้มาจากมนุษย์ต้นไม้เจียงหวงสหายของลูกศิษย์เขาขึ้นมาแกะสลักเป็นรูปั้นบางอย่าง
คนอื่น ๆ ต่างงุนงงไม่เข้าใจว่าหลิงตุ้ฉิงกำลังแกะสลักอะไร แต่เมื่อหมิงยู่เห็นเค้าโครงของมัน นางก็อุทานขึ้นด้วยความตื่นเต้นทันที “นายท่าน นี่ท่านกำลังแกะสลักร่างอาชูร่าโลหิตอยู่ใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ข้าจำเป็นต้องใช้พลังของมันในการจัดการเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นข้าคงทำให้เหล่าผู้คนทั้งหลายหวาดกลัวได้ไม่มากพอ และคงไม่มีพลังพอที่จะจัดกับพวกเขาได้ทั้งหมดในคราวเดียว และอีกเหตุผลที่สำคัญก็คือจะไม่มีใครจำตัวตนของข้าได้หากข้าใช้มัน!”