ตอนที่ 2091 ต้องหนีแล้ว!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2091 ต้องหนีแล้ว!

เขารู้มาว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย และเท่าที่เห็น ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เขาเข้าใจว่าเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายน่าจะเป็นสถานที่หนึ่งที่อยู่ในทวีปที่ถูกลืม แต่แท้ที่จริงแล้วมันกลับเป็นมิติลี้ลับที่อยู่ในทะเลทราย

จางเซวียนรีบกวาดสายตาไปโดยรอบ

เส้นทางที่เขาเข้ามานั้นหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แม้จางเซวียนจะมีสัมผัสที่ไวต่อมิติ แต่ก็หาร่องรอยของมันไม่พบ

พูดอีกอย่างก็คือ เขาถูกขังอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายแล้ว ต้องหาทางออกอีกทางหนึ่งหากอยากจะออกไปจากที่นี่

ถึงเวลาแล้วค่อยคิดก็แล้วกันสำหรับตอนนี้เราต้องหาตู้ชิงหย่วนให้พบก่อน จางเซวียนคิดขณะ โยนความรู้สึกขัดข้องกังวลใจทิ้งไป เขามองเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและเดินเข้าไปช้าๆ

วิ้งงงง!

ยังไม่ทันจะถึงเมือง ก็พลันรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกจับขั้วหัวใจที่อยู่ด้านหลัง พริบตาต่อมา กระแสดาบฉีก็ระเบิดออกจากบึง พุ่งเข้าใส่หน้าอกของเขา

พร้อมกันนั้น กระแสดาบฉีอีกสายหนึ่งก็พุ่งลงมาจากด้านบน

เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ผนึกกำลังกันเพื่อสังหารเขาให้ได้ภายในกระบวนท่าเดียว

ซุ่มโจมตีหรือ*?* จางเซวียนหรี่ตา

เขามัวแต่สนใจการติดตามฟู่เฉิงสื่อ จนไม่คิดว่าจะเจอกับการซุ่มโจมตีที่นี่

“หอเทพเจ้างั้นสิ ฮะ?” จางเซวียนระบุตัวตนของผู้ลอบโจมตีเขาได้ทันที

เจตนาสังหารที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจและความคมกริบแม่นยำราวกับไม้บรรทัดบ่งบอกชัดเจน นั่นคือเอกลักษณ์ของผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบของหอเทพเจ้า

ที่สำคัญกว่านั้น ทั้งมุม ตำแหน่ง และช่วงเวลาของการโจมตีที่พวกเขาผนึกกำลังกันนั้นล้วนเฉียบคมอย่างน่าทึ่ง ถึงขนาดที่ต่อให้นักรบขั้นกึ่งสวรรค์ก็หลบเลี่ยงการโจมตีของพวกเขาได้ยาก สิ่งเดียว ที่พอจะคิดได้ก็คือความสามารถระดับนี้จะต้องมาจากหอเทพเจ้าเท่านั้น

“แค่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 2 คนหรือ?” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก

เมื่อ 10 วันก่อน เขาอับจนหนทางเมื่อถูกรุมโจมตี แต่สำหรับตัวเขาในเวลานี้ คนเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว

ถึงตอนนี้จะมีคู่ต่อสู้แค่ 2 คน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนนั้นอาจจะรออยู่ใกล้ๆ

จางเซวียนจึงส่งโทรจิตหาอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 4 ตัวที่อยู่ในกระสอบอสูร เพื่อเร่งมันให้เตรียมตัวให้พร้อม ในเวลาเดียวกัน เขาก็ชักดาบถงซังออกมาแล้วปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าเข้าปิดกั้นบริเวณโดยรอบ

“เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า? คุณคือจางเซวียน, เจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่?”

ผู้บุกรุกทั้งสองเกิดความระแวง หนึ่งในนั้นตั้งท่าจะหนี

ถ้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ พวกเขาก็จะทุ่มสุดตัวเพื่อเล่นงานหมอนั่นให้ได้ แต่ชายหนุ่มสำเร็จวรยุทธอมตะขั้นสูงแล้ว!

เมื่อพิจารณาถึงการที่ความพยายามลอบสังหาร 2 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่เป็นผล ทั้งคู่ก็ใช้เวลาไม่นานในการสรุปว่าคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่พวกเขาจะเอาชนะได้

สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือแจ้งข่าวให้หัวหน้ารู้โดยเร็วที่สุด!

ถ้าเขาจับตัวชายหนุ่มผู้นี้ได้ ความดีความชอบที่ได้รับจะยิ่งใหญ่เสียกว่าการฉกฉวยแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาวได้เสียอีก

“สายไปแล้วล่ะ” จางเซวียนพูดเบาๆ

ดาบของเขาพุ่งลงมาราวกับลมหอบใหญ่ ดูเผินๆเหมือนจะเนิบช้า แต่กระบวนท่าเดียวนั้นสกัดกั้นหนทางหลบหนีของอีกฝ่ายเอาไว้ทั้งหมด

เขาติดกับแล้ว

ฟึ่บ!

เลือดซึมออกจากหว่างคิ้วของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่อยู่ด้านบน จากนั้นจิตวิญญาณของเขาก็สูญสลาย เป็นอันจบสิ้นชะตากรรม

จางเซวียนคว้าศพที่กำลังร่วงลงมาแล้วโยนเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ

รวมแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่นักรบทั้งสองพยายามลอบสังหารเขาจนถึงตอนที่นักรบอมตะขั้นสูงสวรรค์คนหนึ่งถูกสังหาร เวลาก็ผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งอึดใจเท่านั้น ในขณะเดียวกัน กระแสดาบฉีจากนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่อยู่ด้านล่างก็พุ่งถึงตัวเขา

ฟึ่บ!

ขณะที่ดูเหมือนว่ากระแสดาบฉีกำลังจะพุ่งทะลุหน้าอกของจางเซวียน น้ำเต้าลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าและสกัดกั้นกระแสดาบฉีไว้

“บ้าจริง! จัดการมัน!”

นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่อยู่ด้านล่างกัดฟันกรอดเพื่อขับเคลื่อนพลังปราณจนเต็มพิกัด หวังจะเล่นงานน้ำเต้าให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่น้ำเต้านั้นแข็งแกร่งราวกับกำแพงป้อมปราการ ขนาดใช้พละกำลังเต็มพิกัดแล้วก็ยังทำลายมันไม่ได้

“หรือว่าจะเป็นของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ตัวสั่น

ตัวเขาเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ดาบในมือก็มีวรยุทธขั้นเดียวกัน จึงไม่มีทางที่ของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์จะยับยั้งการโจมตีของเขาได้

แต่น้ำเต้าลูกหนึ่งสกัดกั้นเขาได้สำเร็จ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าของล้ำค่าชิ้นนั้นจะมีวรยุทธขั้นไหน!

“ไม่สำเร็จแล้วล่ะ เราไม่มีทางเอาชนะปีศาจแบบเขาได้ ต้องหนีแล้ว!”

รู้ดีว่าลำพังตัวเขาไม่มีทางสังหารอีกฝ่ายได้สำเร็จ เขารีบหันหลังกลับและเตรียมเผ่นหนี แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน ทุกอย่างก็ดับวูบ

น้ำเต้าลอยมาอยู่ตรงหน้า

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว น้ำเต้ากระแทกเข้าที่ศีรษะของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อย่างจัง อีกฝ่ายถึงกับเห็นดาวและร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ

ไม่น่าเชื่อว่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อย่างเขาจะตกม้าตายเพราะน้ำเต้าลูกเดียว…

ฟึ่บ!

จางเซวียนรีบเก็บศพนั้นเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติ

แม้จะเล่นงานนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ไปได้ 2 คนแล้ว แต่จางเซวียนก็ไม่แสดงอาการลิงโลดออกมา เขาสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างหวาดระแวง

2-3 อึดใจผ่านไป แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้น จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ดูเหมือนพวกซุ่มโจมตีจะมีแค่สองคนนั้น”

มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนที่เขาต่อสู้ด้วยเมื่อครู่นี้อาจรอคอยเขาอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งแล้วยังไม่มีใครปรากฏตัว ก็น่าจะเป็นไปได้ว่ามีเพียงเท่านี้ เพราะไม่อย่างนั้น พวกที่เหลือจะต้องตรงเข้าเล่นงานจุดอ่อนที่จางเซวียนเปิดเผยออกมาระหว่างที่รับมือกับการโจมตีของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สองคนนั้น

“สองคนนี้จะต้องเป็นม้าเร็วที่คอยแจ้งข่าวในกรณีที่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คนอื่นๆคงเข้าถึงตัวหัวหน้าตู้กับแท่นบูชาแล้ว…”

จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “เราสกัดกั้นมิติโดยรอบไว้หมดแล้วก่อนสังหาร 2 คนนั่น ทั้งกระแสพลังงานและข่าวนี้คงยังไม่รั่วไหลออกไป เพราะฉะนั้น คนอื่นๆที่เหลือคงยังไม่รู้ว่าเราเข้ามา…”

ฟึ่บ!

ร่างหนึ่งที่เหมือนกับตัวเขาโผล่ขึ้นมาข้างๆ

ตัวโคลน!

หลังจากทำให้อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวยอมจำนนได้แล้ว จางเซวียนก็มอบหยดเลือดส่วนหนึ่งของพวกมันให้ไอ้โหดกับตัวโคลนของเขา เพราะขาดแคลนเทคนิควรยุทธ จางเซวียนจึงยังฝึกฝนวรยุทธต่อไม่ได้ แต่เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหากับตัวโคลน อีกฝ่ายสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว

ป่วยการที่จะพูดว่าตอนนี้ตัวโคลนกลับมาแข็งแกร่งกว่าเขาอีกรอบ

“คุณเป็นหมอนี่นะ ผมจะเป็นอีกคนหนึ่ง” จางเซวียนพูด

“ได้สิ!”

เมื่อรับรู้กระแสความคิดของจางเซวียน ตัวโคลนพยักหน้า พริบตาต่อมา ตัวโคลนก็แปลงร่างเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนที่ถูกน้ำเต้าเล่นงาน

แม้ตัวโคลนจะไม่มีเครื่องรางแห่งการปลอมตัว แต่บัวเก้าหัวใจก็ทำให้ร่างกายของเขามีคุณสมบัติเหมือนน้ำ สามารถแปรสภาพได้อย่างอิสระ เป็นอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาคืนสภาพเดิมได้อย่างง่ายดายแม้ร่างกายจะถูกเล่นงานจนยุบเข้าไป

หลังจากปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาแล้ว ตัวโคลนก็รีบนำเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาใส่ก่อนจะกดข่ม กระแสพลังจิตวิญญาณให้เหลือน้อยที่สุด

ส่วนจางเซวียนก็แปลงร่างเป็นนักรบอีกคนหนึ่ง ด้วยการเคาะนิ้วเบาๆ เขาก็ทำให้ดาบทั้งสองเล่มของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้งคู่ยอมจำนนได้

การปลอมตัวของเขานั้นไร้ที่ติ ต่อให้ตรวจสอบสายเลือดก็ไม่มีทางดูออก แต่ก็มีความแตกต่างอยู่บ้างกับการปลอมตัวของตัวโคลน อย่างเช่นรังสีของจิตวิญญาณ

แต่การที่ทั้งคู่ถือดาบของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สองคนนั้นก็แนบเนียนเกินพอแล้ว

ของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้ชื่อว่ามีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง การจะทำให้มันยอมจำนนถือเป็นเรื่องยาก ขอแค่พวกนั้นเห็นเขากับตัวโคลนถือดาบของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้งสอง ก็ไม่น่าจะต้องตรวจสอบอะไร

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ จางเซวียนตรวจสอบการปลอมตัวของเขากับตัวโคลนอีกครั้งขณะเพิ่มเติมเสริมแต่งเล็กน้อย เมื่อปราศจากช่องโหว่ใดๆแล้วก็พยักหน้า

เขาออกเดินนำ มีตัวโคลนตามไปติดๆ

เพื่อให้แน่ใจว่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สองคนนั้นจะตามรอยพวกเขาได้ ชายวัยกลางคนที่เป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่จากไปก่อนหน้านี้จึงทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ การสะกดรอยตามทั้งกลุ่มไปจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ไม่ช้าจางเซวียนกับตัวโคลนก็เข้าสู่อาณาเขตของเมืองโบร่ำโบราณ

กำแพงเมืองที่ผุกร่อนบ่งบอกถึงการเสื่อมถอย ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหนักอึ้งอยู่ภายใน สภาพแวดล้อมดูอึดอัด ทำให้ผู้ที่เดินเข้าไปหายใจลำบาก

แม้แต่นักรบระดับจางเซวียนก็ยังรู้สึกว่าวรยุทธของเขาถูกกดข่มให้ต่ำลงมากจนไม่อาจสำแดงพละกำลังเต็มพิกัดได้

จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาทำบาดแผลเล็กๆไว้ที่แขน

ซรืดดดดด!

ทันทีที่เกิดบาดแผล บรรยากาศของการเสื่อมถอยที่อยู่โดยรอบก็เข้าเกาะกุมบาดแผลนั้นไว้ ทำให้ไม่อาจรักษาได้

จางเซวียนรีบขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเพื่อขับไล่บรรยากาศของการเสื่อมถอยและเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขา แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา

โดยปกติ บาดแผลเล็กๆแบบนี้ ใช้เวลาเยียวยาไม่ถึง 1 อึดใจก็หายสนิท แต่ทั้งๆที่ขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเข้าไป 2-3 นาทีแล้ว บาดแผลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น

นี่คือสิ่งที่น่ากังวลมากของสถานที่แห่งนี้

ไม่แปลกใจแล้วที่ผู้อาวุโสไป๋เย่ไม่อาจเยียวยาอาการบาดเจ็บของตัวเองได้ ทำให้ไม่มีทางเลือกนอกจากนอนรอความตาย เรื่องนี้คงสืบเนื่องมาจากบรรยากาศของการเสื่อมถอยนี่เอง

จางเซวียนนำขวดหยกใบหนึ่งออกมาแล้วหยดซุปไก่ลงบนบาดแผลของเขา ควันสีดำลอยโขมง จากนั้นบาดแผลก็เยียวยาตัวเองอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนเมื่ออยู่ในดินแดนนี้ เราต้องทำอะไรอย่างระมัดระวังและพยายามเต็มที่ที่จะไม่เจ็บตัว จางเซวียนคิดหนัก

นักรบคนอื่นๆไม่ได้โชคดีอย่างเขาที่มีซุปไก่อยู่กับตัว พูดอีกอย่างก็คือ ทันทีที่คนเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของพวกเขาจะถูกกัดกร่อนด้วยบรรยากาศของการเสื่อมถอย ทำให้อาการบาดเจ็บทรุดหนักกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว ลงท้ายก็ต้องตายอย่างน่าอนาถ