ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 712 ด้านหลังประตูบานใหญ่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

โจวฮ่าวเซิงสีหน้าเขียวคล้ำ กระตุ้นธงวิญญาณโจมตีใส่หลัวจื้อเทาด้วยพลังทั้งหมด

ความมืดไร้สิ้นสุดบดบังอากาศ ในนาทีนี้กระแสปั่นป่วนของมิติที่สับสนเหมือนกับตกลงสู่ความมืดมิดอย่างพร้อมเพรียง

แสงสว่างและความร้อนต่างหายไป อากาศเหลือเพียงแต่ความเย็นสุดขีด

เหมือนกับจักรวาลมาถึงจุดจบ ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเย็นเยียบและความเงียบงัน ทั้งยังเหมือนในตอนที่ฟ้าดินเพิ่งเปิด จักรวาลยังอยู่ในความมืด

วินาทีถัดมา ความมืดแรกเริ่มก็ถูกทำลาย แสงแรกสุดเบ่งบานออกมา!

กระบวนท่าของสำนักความมืด ความมืดดับสูญ!

การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของโจวฮ่าวเซิงนี้ หมายจะจู่โจมใส่จุดอ่อนของหลัวจื้อเทา เพื่อช่วยร่างความมืดสถิตและตะเกียงประกายกาฬให้หลุดจากวงล้อม

กระนั้นเกราะอ่อนสีทองบนร่างของหลัวจื้อเทาก็สว่างขึ้น เกราะแสงนิรันดร์อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางต้านทานการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของธงวิญญาณที่โจวฮ่าวเซิงกระตุ้น

ส่วนตัวเจ้าของมือไม่หยุดนิ่ง กงจักรสุริยันจันทราหยุดร่างความมืดสถิตและตะเกียงประกายกาฬ จากนั้นก็ใช้กระบวนท่าที่สามต่อ

หลัวจื้อเทาตั้งนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาดุจกระบี่ ใช้ท่ากระบี่แสงชั่วพริบตาที่เร็วดุจสายฟ้า จิ้มใส่กลางหน้าผากของร่างความมืดสถิตที่ได้รับบาดเจ็บ

กระบี่นี้หากแทงโดน ร่างความมืดสถิตจะตายลงทันที

ร่างความมืดสถิตฝืนยกมือขึ้นป้องกันกระบี่แสงชั่วพริบตาของหลัวจื้อเทา กลางฝ่ามือถูกนิ้วของหลัวจื้อเทาแทงทะลุ

ส่วนโจวฮ่าวเซิงใช้ธงวิญญาณต่างหอก คมหอกม้วนแสงสว่างที่ไม่อาจทำลายจุดหนึ่ง จู่โจมใส่เกราะแสงนิรันดร์

แสงสว่างเจิดจ้าพลันดับลง!

เกราะแสงนิรันดร์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางที่ยิ่งใหญ่ ถูกการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดจากโจวฮ่าวเซิงและธงวิญญาณทำลาย!

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางสูญสลายโดยสิ้นเชิง!

แต่ว่าเกราะแสงนิรันดร์ช่วงชิงเวลาให้หลัวจื้อเทาได้มากพอ กระบี่แสงชั่วพริบตากลายเป็นดาบมหาแสงสว่าง ฟันแขนที่ถือตะเกียงประกายกาฬของร่างความมืดสถิตทิ้ง!

จอมยุทธ์สำนักความมืดทั้งหมดส่งเสียงคำรามอย่างไม่ยอม มองดูตะเกียงประกายกาฬที่ไม่มีเจ้าของอีกครั้ง และกำลังจะถูกโจวฮ่าวเซิงหลอมตาปริบๆ

ลวดลายอาคมความมืดบนผิวของตะเกียงประกายกาฬหายไปเหมือนกับปรากฏการณ์น้ำลง

เยี่ยนจ้าวเกอโคจรญาณจริงแท้ทั่วร่าง เชื่อมต่อกับวังฝูงมังกร รวมถึงประตูศิลาที่อยู่ด้านหลัง ไม่อาจแบ่งความสนใจไปที่อื่น

มังกรแสงที่เกิดจากวังฝูงมังกรเกือบจะผสานกับประตูศิลาอย่างสมบูรณ์แล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูสถานการณ์รบด้วยสีหน้าใจเย็น

จ่ายค่าตอบแทนเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางชิ้นหนึ่ง ครึ่งก้าวที่นำอยู่ในตอนแรกของสำนักความมืดถูกสำนักแสงสว่างไล่ทัน อีกทั้งยังโดนแซงแล้ว!

โจวฮ่าวเซิงหลังจากทำลายเกราะแสงนิรันดร์ ก็โจมตีอีกครั้ง จู่โจมใส่หลัวจื้อเทาทันที

กระนั้นกงจักรสุริยันจันทราที่มีเวลาว่างแล้ว ก็ได้เสกแสงไร้ประมาณขึ้นมาป้องกันโจวฮ่าวเซิงอีกครั้ง

ครั้งนี้โจวฮ่าวเซิงไม่อาจทำลายการปองกันของศัตรูได้ง่ายเหมือนเดิมแล้ว

หลัวจื้อเทาใช้อีกหนึ่งกระบวนท่ากดดันร่างความมืดสถิตที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็คว้าตะเกียงประกายกาฬไว้

ชั่วพริบตาเดียว ลวดลายอาคมสีดำก็สลายไป ลวดลายอาคมแสงแผ่กระจายบนผิวตะเกียงประกายกาฬอย่างรวดเร็ว!

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ในอดีตขององค์จักรพรรดิ…สุดท้ายก็ได้มาแล้ว!” หลัวจื้อเทาเงยหน้าส่งเสียงกู่ร้อง กงจักรสุริยันจันทรากลายเป็นดวงอาทิตย์สีทองและดวงจันทร์สีเงินอีกครั้ง ส่องแสงอยู่บนศีรษะของเขา เสมือนไม่มีวันดับชั่วนิรันดร์

พวกโจวฮ่าวเซิงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ในดวงตาปรากฏความสิ้นหวังและความไม่ยินยอม

ลำบากแทบตาย แต่กลับเป็นการส่งชุดแต่งงานให้สำนักแสงสว่าง

สำนักแสงสว่างที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสองชิ้นอยู่ในมือ จะให้พวกเขาสู้อย่างไร?

โชคเปลี่ยนข้าง สภาวะโจมตีของทั้งสองฝ่ายกลับตาลปัตร อำนาจในการบุกเปลี่ยนมือโดยสิ้นเชิง ตอนนี้สำนักแสงสว่างเป็นฝ่ายนำแล้ว

ปัจจุบัน พวกโจวฮ่าวเซิงจำเป็นต้องขัดขวางไม่ให้ลัวจื้อเทาหลอมตะเกียงประกายกาฬ

ทว่าเมื่อมีกงจักรสุริยันจันทราคุ้มครอง ความยากนี้จึงสูงกว่าการแย่งชิงตะเกียงของหลัวจื้อเทาเมื่อครู่นี้มาก

หลัวจื้อเทาตอนนี้ไม่รีบลงมือกับโจวฮ่าวเซิงอีก เขาในตอนนี้อยู่ในสถานะไม่แพ้ ขอแค่มีเวลาสั้นๆ เขาก็สามารถหลอมตะเกียงประกายกาฬได้

สำนักแสงสว่างที่ได้เปรียบด้านพลังอยู่แล้วจะบดขยี้จอมยุทธ์สำนักความมืดที่อยู่ที่นี่ สังหารพวกโจวฮ่าวเซิงให้หมดสิ้นได้อย่างไร้ความลังเล

โจวฮ่าวเซิงถลึงตา กลับไม่อาจไม่สนใจความเป็นจริง

ในตอนนี้ พวกเขาแทบไร้ความหวังในการทำลายการป้องกันของกงจักรสุริยันจันทรา ก่อนที่หลัวจื้อเทาจะหลอมตะเกียงประกายกาฬได้อีกแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จึงได้แต่มองหลัวจื้อเทาหลอมตะเกียงประกายกาฬอยู่เฉยๆ ต่อจากนี้จอมยุทธ์สำนักความมืดทุกคนรวมถึงโจวฮ่าวเซิงจะต้องตายโดยไร้ที่กลบฝังอย่างแน่นอน

เช่นนั้น ควรฉวยโอกาสตอนที่หลัวจื้อเทาหลอมตะเกียงประกายกาฬอยู่ รีบล่าถอยออกจากมิติของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬหรือไม่?

สำหรับเจ้าสำนักความมืด นี่เป็นตัวเลือกที่น่าอับอายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

หลัวจื้อเทาทางหนึ่งหลอมตะเกียงประกายกาฬ ทางหนึ่งมองพวกโจวฮ่าวเซิง ขณะเดียวกันก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ทางเลือกเดียวของพวกเจ้า คือฉวยโอกาสหนีไปตอนนี้ บางทีอาจยังมีหนทางรอดชีวิต”

“แต่หอสักการะหลักสำนักความมืดของเจ้าถูกทำลายไปแล้ว ไม่มีสถานที่ให้หลบซ่อนอีก สำนักข้าตามหาเจ้าได้ตลอดเวลา จะขอดูหน่อยเถอะว่าพวกเจ้าจะหลบซ่อนได้ถึงเมื่อไร?”

“พวกทรยศสำนักความมืด วันแห่งความพินาศของพวกเจ้าได้มาถึงแล้ว!”

เขาช้อนตาขึ้นมองรอบๆ ก่อนจะเงยหน้าถอนใจยาว “มรดกขององค์จักรพรรดิเป็นของสำนักเรา สุสานขององค์จักรพรรดิต่อจากนี้พวกเราจะบูชาเอง สำนักเราในฐานะผู้สืบทอดดั้งเดิมขององค์จักรพรรดิ วันนี้ฟ้าให้ความยุติธรรม องค์จักรพรรดิที่อยู่ในปรภพมีญาณหยั่งรู้ สมควรชมเชยผู้สืบทอดเช่นพวกเรา ที่ชำระสำนัก สังหารพวกทรยศอย่างพวกเจ้าให้กับพระองค์!”

พวกโจวฮ่าวเซิงที่เป็นจอมยุทธ์สำนักความมืดมีสีหน้าเขียวคล้ำ ส่วนจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างรู้สึกฮึกเหิม

การต่อสู้ที่กินเวลาหลายปี ในที่สุดก็จะปรากฏผลแพ้ผลชนะในวันนี้แล้ว!

เยี่ยนจ้าวเกอมองตะเกียงประกายกาฬในมือหลัวจื้อเทา ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“โจรน้อย เจ้าเองก็อยู่ที่นี่ ประเสริฐยิ่งนัก” สายตาของหลัวจื้อเทา ยามนี้หันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าเย็นชาถึงขีดสุด “ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาจัดการเจ้า กลับปล่อยให้เจ้าอาละวาด พังการณ์ใหญ่ของสำนักเราครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังสังหารจอมยุทธ์สำนักเราไปมากมาย”

“ข้าเองก็ขอยอมรับว่าไม่เคยพบจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งคนไหนก่อเรื่องใหญ่ได้มากเท่าเจ้ามาก่อน แต่ว่าเจ้าคิดจะเป็นปรปักษ์กับสำนักเรา นับว่ายังเร็วเกินไป ที่เจ้าอยู่มาถึงตอนนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความสามารถของเจ้า เป็นเพราะพวกเราไม่คิดจะใช้พลังที่แท้จริงกับเจ้าต่างหาก”

หลัวจื้อเทาเอ่ยอย่างเย็นชา “ตั้งแต่นี้ไป ชะตาของเจ้ามาถึงแล้ว”

เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย “ศิษย์น้องกัว เรื่องเกิดขึ้นเพราะเจ้าถูกใจเด็กหนุ่มคนหนึ่งในโลกแปดพิภพ ลูกศิษย์ที่ยังไม่ทันเข้าสำนักของเจ้าเองก็ตายด้วยน้ำมือของเด็กน้อยผู้นี้ตั้งแต่แรก วันนี้ให้เจ้าเป็นคนจัดการแล้วกัน”

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างคนหนึ่ง แสงสว่างสาดส่องออกมารอบตัว ฝืนเคลื่อนไหวอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติ ย่างสามขุมเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ

กัวซงเจ้าตำหนักแสงนิรันดร์ หนึ่งในบุคคลระดับสูงของสำนักแสงสว่าง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง

ในตอนนั้นหวงเจี๋ยถ้าหากมาถึงโลกซ้อนโลก ก็จะกราบเป็นลูกศิษย์ของเขา

เยี่ยนจ้าวเกอสบสายตาที่เหมือนกับอินทรีของอีกฝ่าย เลิกคิ้วเล็กน้อย “พวกเราได้เจอกันเป็นครั้งที่สามแล้ว”

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะการถอนทัพของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอแจ้งข่าวให้กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียน ได้เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์สำนักแสงสว่าง ตอนนั้นก็เคยพบกัวซงมาแล้ว

แต่วันนี้จึงค่อยทราบว่า เขาคืออาจารย์ในสำนักแสงสว่างที่อยู่บนโลกซ้อนโลกของหวงเจี๋ย

กัวซงเอ่ยเรียบๆ “และเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน”

สายตาประดุจอินทรีของเขาจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ “เป็นคนหนุ่มที่โดดเด่นกว่าหวงเจี๋ยเสียอีก หวงเจี๋ยตายด้วยน้ำมือเจ้าถือว่าไร้ความอัปยศ แต่คนหนุ่มที่ไม่รู้จักความตายอย่างเจ้าตายด้วยมือข้า จะไร้ความอัปยศยิ่งกว่า”

ครั้นพูดจบ เขาก็ผลักฝ่ามือใส่เยี่ยนจ้าวเกอ แสงสว่างไร้ประมาณสาดส่องไปทั่วมิติ!

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตกใจและไม่หวาดกลัว ยิ้มอย่างเรียบเฉย “ท่านคิดเยอะไปแล้ว”

ชายหนุ่มสั่งความคิด ร่างถอยไปด้านหลัง

ประตูศิลาด้านหลังเปิดออกอย่างสะเทือนเลือนลั่น!

……………….