บทที่ 1903 ดูว่าเธอชอบไหม
จี้ซิวหร่านก้าวเดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยง ในมือของคูกู่ที่อยู่ข้างๆ ถือกล่องยาวกล่องหนึ่ง
“เสี่ยวเฟิง”
เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นก็หยุดเดินและหันไปมองโดยไม่รู้ตัว “จี้หวง…”
จี้หวงเหลือบมองคูกู่ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา คูกู่พยักหน้า จากนั้นจึงยื่นกล่องยาวกล่องหนึ่งให้กับเยี่ยหวันหวั่น
“มันคือ…” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ
“ดาบยุคสมัยถังเล่มนี้ ผมยกให้คุณ” จี้ซิวหร่านกล่าว
“ห๊ะ…? ยกให้ฉันเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“อื้ม ดูว่าเธอชอบไหม” จี้ซิวหร่านกล่าวอย่างใจเย็น ราวกับว่านี่เป็นเรื่องทั่วไป
เป่ยโต่วกับชีซิงมองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นายจี้หวงนี่ยังไงกัน?
ทำไมรู้สึกเหมือนมีท่าทางผิดปกติ?
อีกอย่างความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก…
เดิมทีพันธมิตรอู๋เว่ยกับจี้หวงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่พี่เฟิงกลับมา ทั้งสองฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ขัดแย้งกัน กลับยังดูใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ชีซิงไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมจี้ซิวหร่าน ต้องผูกมิตรกับองค์กรที่แปลกประหลาดอย่างพันธมิตรอู๋เว่ยด้วย…
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็ปาดเงื่อ “ไม่ได้ๆ มันแพงเกินไปค่ะ!”
ดาบเล่มนี้เป็นหนึ่งในสิ่งของที่อยู่ในการประมูลรอบสุดท้ายในค่ำคืนนี้ มันจึงมีมูลค่าสูงเสียดฟ้าหลายร้อยล้านหยวน
เมื่อเป่ยโต่วได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง “เชี่ย! นี่มันเป็นดาบที่อดีตประธานสหพันธ์วิทยายุทธ์เคยใช้ไม่ใช่เหรอ? เป็นของที่ผู้ฝึกวิทยายุทธ์ทั่วทั้งรัฐอิสระต้องการเอาไปเก็บสะสมนี่นา!
พี่เฟิง พี่เป็นอะไรไป? ตอนนี้ควรเป็นเวลาที่พี่ต้องหน้าด้านรีบรับไว้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมแค่พออยู่ต่อหน้าจี้หวง พี่กลับทำเป็นสำรวม แสร้งทำเป็นมีคุณธรรมขึ้นมาล่ะ?”
ทำเป็นสำรวมบ้านปู่แกสิ!
“หุบปาก” เยี่ยหวันหวั่นตะโกนออกมา จากนั้นก็มองไปยังจี้ซิวหร่านพร้อมทั้งกล่าวว่า “อื้ม ขอบคุณมากนะคะ แต่ว่ามันแพงเกินไปค่ะ ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ”
ก็นะ เธอเองก็ยังรู้สึกว่าตัวเอง ‘สำรวมเป็นพิเศษ’ อย่างประหลาดทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าจี้ซิวหร่าน
จี้ซิวหร่านไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาหัวเราะเบาๆ พร้อมกล่าว่า “งั้นเธอก็เอาไปลองใช้เล่นสักพัก แล้วค่อยเอามาคืนฉันก็ได้”
“อา งั้นเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองดาบเล่มนั้นด้วยความหวั่นไหวเล็กน้อย
นับตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นดาบเล่มนี้เป็นครั้งแรกในห้องจัดเลี้ยง เธอก็รู้สึกกระสับกระส่าย และตอนนี้กลับมีคนให้ยืมเพื่อมาลองใช้พอดี
ในตอนนี้ คูกู่ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วนำกล่องยาวยื่นใส่มือของเยี่ยหวันหวั่นโดยตรง
เยี่ยหวันหวั่นรีบรับไว้ด้วยความระมัดระวัง “อื้ม งั้นต้องขอขอบคุณมากเลยค่ะ ฉันจะเก็บรักษามันไว้อย่างดี”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก” จี้ซิวหร่านหัวเราะ แต่สักพักก็กลับยิ้มเจื่อนลงพลางกล่าวว่า “ขอโทษนะ ที่ผมไม่สามารถประมูลของที่ตัวเองบริจาคไปได้ แหวนวงนั้น…”
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้น ความโกรธในใจของเธอก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอก็ระงับมันไว้พลางกัดฟันกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ฉันมีวิธีของฉันค่ะ”
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นกล่าวจบ เธอก็กลัวว่าจี้ซิวหร่านจะเข้าใจผิดจึงรีบพูดเสริมอย่างรวดเร็ว “อืม คือว่า คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ที่จริงแล้วฉันต้องการแหวนวงนี้เพื่อแลกกับอะไรบางอย่างที่โรงเรียนชื่อเยี่ยน…”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดจบ ดวงตาสีซีดของจี้ซิวหร่านก็จับจ้องไปยังใบหน้าของหญิงสาวพร้อมเอ่ยถาม “ไม่ได้มีความหมายอื่นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับรอยยิ้มของจี้ซิวหร่าน ในฐานะของไป๋เฟิง เธอกับจี้ซิวหร่านยังมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกันอยู่ ในสายตาของจี้ซิวหร่านแล้ว เขาคงไม่เชื่อว่าเธอจะทำเพื่อคะแนนเกียรติยศเท่านั้น
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้คิดว่าจะตอบยังไง เป่ยโต่วที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้มีความหมายอื่นเหรอ? พี่เฟิง พี่จะหลอกใครอะ?”
เยี่ยหวันหวั่นที่ได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดจนเส้นเลือดหน้าผากปูด “เป่ยโต่ว ฉันว่าช่วงนี้แกกวนตีนไปหน่อยไหม?”
เป่ยโต่วรีบหลบไปอีกด้านทันที “เปล่าครับๆ! พี่เฟิง พี่ไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่นเลยจริงๆ พี่ทำเพราะความรักและความถูกต้องทั้งนั้น!”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
——————————————————————————–
บทที่ 1904 เคยสัญญาแล้วไงว่าไม่ได้หมกมุ่นเรื่องอย่างว่า
บนรถยนต์ระหว่างทางกลับ
ชีซิงดูเหมือนจะคิดอะไรออก “พี่เฟิง ที่พี่พูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง…พี่ประมูลแหวนของจี้หวง อย่าบอกนะว่าแค่จะแลกกับคะแนนเกียรติยศเท่านั้นอะ?”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเหมือนคนจะจมน้ำ ในดวงตามีไฟลุกโชน เธอรู้สึกเหมือนบรรทุกข้าวของมาเต็มลำ แต่กลางทางกลับถูกโจรปล้นไปจนหมด เธอได้แต่พูดไปพูดมาซ้ำๆ “ได้แหวนส่วนตัวของจี้หวง ภารกิจระดับเอส ได้คะแนนเกียรติยศหนึ่งหมื่นแต้ม”
อื้ม จากนั้นทุกอย่างก็บินหายไปแล้ว
เป่ยโต่วจึงตระหนักได้ในทันใด “ที่แท้พี่เฟิงก็ทำเพื่อคะแนนเกียรติยศหรอกเหรอเนี่ย!”
“ก็ใช่น่ะสิ? ในสายตาของพวกนาย ฉันไม่ทำการทำงาน ไร้สาระไปวันๆ เอาแต่บ้าเรื่องลามก คาวโลกีย์ หมกมุ่นเรื่องอย่างว่าทั้งวันหรือไงหา?” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวอย่างโกรธเคือง
เป่ยโต่วรีบเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ครั้งนี้เขาไม่ได้หาเหาใส่หัว จากนั้นจึงรีบเอ่ยว่า “ตอนแรกผมก็คิดแบบนี้แหละ แต่ผมมานั่งทบทวนถึงก่อนหน้านี้ที่เข้าใจผิดต่อพี่เฟิง เรื่องตัณหาราคะเป็นเพียงเปลือกนอกของพี่เท่านั้น ที่จริงแล้วพี่เป็นคนที่มีเหตุผล เฉลียวฉลาด และมีไหวพริบที่สุด!”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มกับการอวยจนเว่อร์ของเป่ยโต่ว
ก็ประมาณนั้นแหละ…
รถยนต์วิ่งฉิวผ่านแผงขายของข้างถนนแห่งหนึ่ง บนแผงขายของมีงานฝีมือจากเชือกแดงถักวางขายเป็นจำนวนมาก
เยี่ยหวันหวั่นเรียกชีซิงที่กำลังขับรถ “ชีซิง เดี๋ยวๆ จอดรถก่อน นายช่วยลงไปซื้อเชือกแดงถักให้ฉันเส้นนึงสิ”
“พี่เฟิง พี่จะซื้อจี้เหรอ?” ชีซิงเอ่ยถาม
“เปล่า ฉันจะซื้อแค่เชือกถักหนึ่งเส้น” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ครับ” ชีซิงลงไปซื้อให้เยี่ยหวันหวั่น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวจะซื้อเชือกแดงถักไปทำอะไร
หลังจากนั้น ชีซิงก็ลงจากรถไปแล้วพูดกับป้าคนขายอย่างสุภาพ ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนรถ
“เป็นไงบ้าง? ซื้อแล้วหรือยัง?” เยี่ยหวันหวั่นรีบถาม
ชีซิงยื่นมือส่งเชือกแดงถักให้เยี่ยหวันหวั่น “แม่ค้าให้ฟรีครับ ไม่คิดเงิน”
เยี่ยหวันหวั่นยกมือขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของชีซิงเบาๆ พลางหัวเราะคิกคัก “ดีมาก ดีมาก เก่งมากๆ เลย!”
ชีซิงเม้มปากเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เขินอายเล็กน้อย
ส่วนเป่ยโต่วก็พึมพำออกมาทันที “ก็แค่เชือกเส้นเดียว ถ้าฉันลงไปซื้อนะ ฉันหลอกเอามาได้ทั้งมัด!”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตามองบน
“แต่ว่าพี่เฟิง พี่ให้เหล่าชีลงไปซื้อเชือกแดงราคาถูกพวกนี้พี่จะเอาไปทำอะไรเหรอ?” เป่ยโต่วถามอย่างใครรู้ ส่วนเหล่าชีก็ทำหน้าสงสัยเช่นกัน
เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร เธอเอื้อมมือไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำอันเล็กออกมาจากในอกเสื้อ
เมื่อมองเห็นกล่องเล็กอันนี้ เป่ยโต่วก็ตาก็เป็นประกาย นี่มันกระดุมข้อมือของนายแห่งอาชูร่านี่นา!
นี่มันราคาร้อยล้านเลยนะ หนึ่งร้อยล้าน!
“พี่เฟิง พี่คิดออกแล้วใช่มั้ยว่าจะเอาไปขาย? ผมรู้แล้ว เมื่อกี้ที่พี่ไม่ขายให้คุณหนูสามตระกูลเสิ่น ก็เพราะสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่านี้ ผมว่ากระดุมอันนี้ขึ้นราคาเป็นสองร้อยล้านก็ยังได้! พี่เฟิงพี่นี่โคตรฉลาดเลย…”
เป่ยโต่วพูดจนน้ำไหลไฟดับในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นหยิบกระดุมข้อมือหินออบซิเดียนออกมา แล้วร้อยมันเข้ากับเชือกสีแดง จากนั้นก็สวมลงบนคอของตัวเอง
“เป็นไง? สวยมั้ย?” เยี่ยหวันหวั่นใช้ปลายนิ้วที่อบอุ่นลูบไล้บนกระดุมข้อมือเบาๆ พลางเลิกคิ้วถามด้วยความหลงใหลได้ปลื้ม
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
ตั้งสองร้อยล้าน! จะไม่สวยได้ยังไง?
ไหนว่าไม่ได้ลามก ไหนว่าไม่ใช่คนคาวโลกีย์ ไหนว่าไม่ได้หมกมุ่นเรื่องอย่างว่าทั้งวันไง?
นี่โชคดีที่ไม่สามารถประมูลแหวนของจี้ซิวหร่านมาได้ ถ้าประมูลได้ เธอไม่สวมทั้งแหวนของจี้หวง สวมทั้งสร้อยคอกระดุมข้อมือของนายแห่งอาชูร่าเลยเหรอ?