ตอนที่ 2,136 : 3 ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์?
หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ด้านนอกรอยแยก ผู้เฒ่าหั่วคงกล่าวเตือนให้เขารู้ทันทีแน่
ว่าทั้ง 2 ร่างที่เหินมาถึงจากคนละทิศทางนั้น เป็นถึงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! สิ่งมีชีวิตที่เข้มแข็งระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องบน!!
“เมิ่งฮ่าว…ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจักได้รับข่าวนี้ด้วย!”
หนึ่งในนั้นกล่าวถามออก นางเป็นสตรีชราผมขาวโพลน ในชุดคลุมธรรมดาๆ แลดูไม่มีราคาค่างวดอะไร
หากจับนางไปปล่อยไว้กลางถนน ผู้คนที่เดินผ่านคงคิดว่านี่เป็นสตรีชราที่เรียบง่ายนางหนึ่ง
หากแต่สตรีชรานางนี้กลับลอยร่างค้างกลางหาวอย่างมั่นคง ไม้เท้าในมือข้างหนึ่งค้ำปักไว้เบื้องหน้า มองแล้วแทบไม่ต่างใดกับนางกำลังยืนหยัดอยู่บนพื้นดินแล้วใช้ไม้เท้ายันพื้นประคองตัว
อีกทั้งรูปร่างอสรพิษบริเวณหัวไม้เท้า ก็นับว่าแกะสลักได้อย่างประณีตนัก มองไกลๆยังคล้ายอสรพิษมีชีวิต!
และตอนนี้สตรีชราที่แลดูธรรมดาแต่ไม่น่าจะธรรมดา ก็เป็นฝ่ายริเริ่มกล่าวถามชายที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกันกับนาง ด้วยสองตาที่ทอประกายระยิบระยับออกมาดั่งดวงดาวกลางฟ้าในยามค่ำคืน
ผู้ที่นางกล่าวถามไปนั้น เป็นชายหนุ่มที่มาในชุดคลุมยาวสีน้ำเงิน รูปโฉมแลดูดี เค้าโครงใบหน้าอ่อนวัย์หากแต่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นคนมากคุณธรรมดั่งวิญญูชนผู้หนึ่ง หากตัดสินจากการมองรูปลักษณ์ภายนอก ผู้คนคงเรียกขานมันว่าบัณฑิตหน้าขาวไม่ผิดแน่…
แต่ทว่าชายหน้าขาวผู้นี้แม้ไม่ได้ทำอะไร เพียงลอยร่างอยู่เฉยๆ ก็ให้ความรู้สึกกดดันบีบคั้นประการหนึ่ง ยากที่คนธรรมดาจะหายใจได้คล่องคอเมื่ออยู่ใกล้ ซ้ำกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่าง กลับเย็นชาปานจะผลักไสทุกผู้คนให้ถอยห่างออกไปสักพันลี้ ประหนึ่งจะกล่าวเตือนว่าอย่าได้คิดเข้าใกล้…หาไม่แล้วจะได้เจอดี!
อย่างไรก็ตามแม้รูปลักษณ์ของมันจะเป็นชายหนุ่ม ทว่าอายุที่แท้จริงนั้นหลายร้อยปีแล้ว!
แต่เป็นธรรมดาว่าหากอิงจากพลังฝึกปรือของมัน อายุเพียงไม่กี่ร้อยปียังเรียกได้ว่าเป็นเด็กน้อยนัก…ใครใช้ให้มันมีชีวิตนิรันดร์อยู่ได้ตราบชั่วฟ้าดินสลายกันเล่า!
และไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นไกล เพียงแค่หญิงชราเบื้องหน้ามัน แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน ทว่าในแง่ของอายุแล้วนางถึงกับอยู่มาเป็นพันๆปี…เรียกว่าหากจะลำดับอาวุโสกันจริง สตรีชรานางนี้สมควรเป็นยายของยายของยายของยายของยายทวดมันด้วยซ้ำ…!
ฟังจากวาจากล่าวถามของสตรีชรา จึงได้รู้ว่าชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีน้ำเงินดั่งวิญญูชนผู้นี้ที่แท้เรียกว่าเมิ่งฮ่าว!
ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่ที่นี่
หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ตรงนี้ เมื่อได้ฟังนามของอีกฝ่าย และทราบว่าพลังฝึกปรือของชายหนุ่มคนนี้กลับบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้วล่ะก็ เขาคงจดจำอัตลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ทันที!
เมิ่งฮ่าวหรือที่รู้จักกันในนาม ‘บัณฑิตหน้าเย็น’ ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนคนนี้ เป็นหนึ่งในเทพผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาป
นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวยังติดอยู่ในอันดับที่ 21 ของรายนามยอดเซียน!
รายนามยอดเซียน ก็คือทำเนียบสุดยอดฝีมือ ซึ่งคอยจัดอันดับพลังฝีมือของยอดยุทธ์ทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
สามารถติดอยู่ในอันดับที่ 20 ต้นๆในรายนามยอดเซียนเช่นนี้ได้ ก็บอกให้รับทราบว่าพลังฝีมือของเมิ่งฮ่าวผู้นี้ แข็งแกร่งสุดที่ผู้คนทั่วไปจะจินตนาการได้ออก!
“แม่เฒ่าอสรพิษได้รับทราบข่าวเรื่องนี้ หรือข้าเมิ่งฮ่าวมิอาจรับทราบข่าวนี้ด้วย?”
ได้ยินวาจาของสตรีชราเมิ่งฮ่าวกล่าวตอบคำสวนไปอย่างไร้มารยาทอันใด ถึงแม้สตรีชราจะมีอายุมากกว่ามันเป็นรอบๆ แต่มันก็ไม่ได้กลัวอีกฝ่าย!
แม่เฒ่าอสรพิษผู้นี้ นับว่าเป็นคนมีชื่อเสียงและมีอำนาจไม่น้อยในภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้
และเป็นเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว พลังฝึกปรือของนางก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน และยังเป็น 1 ในเทพผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาปเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามแม้อายุของนางเรียกว่ามากกว่าเมิ่งฮาวเป็นรอบๆ แต่พลังฝีมือของนางกลับอ่อนด้อยกว่าเมิ่งฮ่าวเล็กน้อย
เรื่องนี้สามารถดูได้จากอันดับของนางในรายนามยอดเซียน
แม่เฒ่าอสรพิษผู้นี้อยู่ในอันดับที่ 23 ของรายนามยอดเซียน!
อย่างไรก็ตามแม้พลังฝีมือของนางจะไม่ดีเท่าเมิ่งฮ่าว แต่นั่นก็แค่สำหรับเมิ่งฮ่าวเท่านั้น…ต่อหน้าคนอื่นพลังฝีมือของนางถือว่าน่ากลัวยิ่ง!
อันดับที่ 23 ในรายนามยอดเซียน ยังไม่ให้น่ากลัวได้อีกหรือ?
ฟุ่บ!
หลังกล่าวจบคำ เมิ่งฮ่าว ก็ไม่รอฟังคำตอบของหญิงชรา ร่างวูบหายเข้าไปในรอยแยกกลางอากาศทันที
“ฮึ!”
เจอความไร้มารยาทของเมิ่งฮ่าวแม่เฒ่าอสรพิษแน่นอนว่าหนาตาย่อมบึ้งตึง แต่เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าววูบหายไปในรอยแยกนางก็ทำได้แค่แค่นคำเสียงเย็นออกมาอย่างอดไม่ได้
หลังจากนั้นนางก็วูบร่างตามไปอย่างไม่รอช้า
หลังจากทั้ง 2 หายเข้าไปในรอยแยกได้ไม่นาน ขอบฟ้าทิศทางต่างๆพลันปรากฏเส้นแสงพุ่งวาบมาด้วยความเร็วสูง มองความเร็วของพวกมันแล้ว นับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเมิ่งฮ่าวกับแม่เฒ่าอสรพิษเลย…
คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน และเป็นดั่งผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาปเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับเมิ่งฮ่าวและแม่เฒ่าอสรพิษ คนเหล่านี้ต่างมาถึงในช่วงเวลาที่ต่างกันเล็กน้อย จึงไม่ได้เจอกันแต่อย่างไร
และในขณะที่ผู้คนของนครแห่งบาปกำลังเข้าไปแสวงหาสมบัติในรอยแยก ด้วยหวังว่าจะได้รับมรดกหรือสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นเอง
ทุกแห่งหนในเมืองแห่งบาปปรากฏความเคลื่อนไหววุ่นวาย แสงหยกสื่อสารพุ่งลับหายไปในขอบฟ้าจ้าละหวั่น ล้วนเป็นสายของขุมพลังต่างๆที่ประจำอยู่ในนครแห่งบาป เร่งรุดส่งข่าวใหญ่เรื่องคลังสมบัตินี้กลับไปให้ขุมพลังต้นสังกัด
“หืม? คลังสมบัติที่อาจจะเป็นของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหลือทิ้งไว้เช่นนั้นหรือ?”
“นอกจากนี้อาจจะเป็นคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้ว?”
……
ขุมกำลังที่ได้รับสารด่วนจากนครแห่งบาปนั้น รวมไปถึงลัทธิอารามทมิฬด้วย!
เรียกว่าเพียงเวลาไม่นานเหล่ายอดฝีมือของขุมพลังชั้นนำทั้งหลายก็เคลื่อนไหวทันที นอกจากหลงเหลือยอดฝีมือเฝ้าระวังพิทักษ์ฐานที่มั่นไม่กี่คนแล้ว กำลังรบมากฝีมือแทบทุกคนได้เร่งรุดเดินทางไปยังตอนเหนือของนครแห่งบาปทันที
และในขณะยอดฝีมือเหล่านี้กำลังเร่งรุดเดินทางมาเพื่อเข้าสู่รอยแยก ที่คาดว่าด้านหลังรอยแยกนี้สมควรเป็นคลังสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จนั้น…
ต้วนหลิงเทียนที่ได้เข้าสู่ระนาบเทียม อันอยู่ด้านหลังรอยแยกมิตินั่นมาสักพักแล้ว ก็กำลังง่วนอยู่กับการฝ่าด่านบททดสอบทั้งหลายด่านแล้วด่านเล่า…
แต่ละด่านนั้นเรียกว่ามีระดับความยากมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งมายิ่งยาก!
“ไม่รู้จริงๆ…ว่าถ้าข้าไม่ผ่านการทดสอบพวกนี้แล้วมันจะเป็นยังไง?”
ต้วนหลิงเทียนเองก็สงสัยเรื่องนี้ไม่น้อย
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสงสัยในเรื่องนี้อยู่นั้น
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
……
บริเวณหน้ารอยแยกทางเข้าระนาบเทียมที่ต้วนหลิงเทียนและอีกมากมายกำลังตะลุยด่านกันอยู่นั้น ปรากฏร่างมากมายถูกขับออกมา!
หากสังเกตให้ดีจะพบว่า…
ผู้ที่ถูกขับออกมา เหมือนจะมาจากขุมพลังที่แตกต่างกัน 3 ขุมพลัง เรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดจากเครื่องแต่งกายที่แบ่งแยกชัดเจนของพวกมัน
และตอนนี้แต่ละคนก็หันมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าขึงขังจริงจัง เรียกว่าบรรยากาศตึงเครียดไม่น้อย
“นั่นคนของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และก็พันธมิตรหมื่นโบราณนี่นา…”
และการที่อยู่ๆกลุ่มคนเหล่านี้ปรากฏตัว ก็ทำให้ยอดฝีมือที่พึ่งมาถึง สายสืบทั้งหลาย รวมถึงผู้ฝึกตนพเนจรบางคนจากนครแห่งบาปที่ไม่ได้เข้าไปในรอยแยก และเลือกที่จะอยู่ด้านนอกจดจำพวกมันได้ทันที
“ระยำ! ข้ามิอาจกลับเข้าไปได้อีก!!”
ไม่ทันไร 1 ในคนของพันธมิตร 7 สังหารก็เหินร่างพุ่งไปยังรอยแยกกลางอากาศนั่น ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนครั้งแรกที่สามารถผ่านเข้าไปได้ทันที มันกลับถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งผลักดันออกมาไม่ให้เข้าไป…!
“เปล่าประโยชน์…”
ตอนนี้เองผู้อาวุโสคนหนึ่งจากลัทธิอารามทมิฬพลันส่ายหัวพร้อมกล่าว “ดันทุรังเข้าไปให้ตายก็ไร้ประโยชน์…หากนี่เป็นคลังสมบัติที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้แล้วเหลือไว้จริง สมควรมีกฏข้อบังคับอันเข้มงวดนัก…และผู้ที่คิดรับมรดกจำต้องกระทำตามกฏเกณฑ์อยางมิอาจฝ่าฝืน!”
“ยอดฝีมือเหนือชั้นระดับนี้ ไหนเลยจะยินยอมให้คนไม่เอาไหนและพลังฝีมือไม่ถึงขั้นรับสืบทอดมรดกองตัวเองไปได้ง่ายๆ? มีแต่สุดยอดฝีมือที่แท้จริงเท่านั้นที่จะผ่านด่านทั้งมวลแล้วรับสืบทอดมรดกไปได้…”
“อีกทั้งผู้ที่ล้มเหลวในการผ่านด่านต่างๆที่เป็นดั่งบททดสอบคุณสมบัติของผู้ที่จักได้รับมรดก ย่อมหมายความว่ามันผู้นั้นหมดสิทธิ์ในการรับมรดกอีกต่อไป จึงถูกขับออกมาจากระนาบเทียม และมิอาจย้อนกลับเข้าไปได้อีก”
ในฐานะที่เป็นถึงชนชั้นผู้อาวุโสของ 1 ใน 3 ลัทธิที่เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า อย่างลัทธิอารามทมิฬ มันย่อมรู้เรื่องราวมากกว่าที่ผู้ฝึกตนไร้สังกัดจะรู้ได้
ได้ยินวาจาอธิบายของอาวุโสลัทธิอารามทมิฬเข้าไป เหล่าคนของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และพันธมิตรหมื่นโบรารที่ถูกขับออกมาก็หน้าเสียทันที ต่างหันหน้ามองสบตากันด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“ว่าแต่พวกเจ้าได้เจอบททดสอบอันใดบ้างเล่า?”
หลังจากนั้นไม่ทันไรอาวุโสของลัทธิอารามทมิฬที่กล่าวคำอธิบายก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย และคำถามนี้ก็ทำให้ทุกคนหันมาตั้งใจฟัคำตอบจากผู้ที่ถูกขับออกมาทันที
น่าเสียดายที่เหล่าผู้ที่ถูกขับออกมาไม่มีใครคิดจะตอบคำ
ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด พวกมันย่อมมีอคติกับคนที่มาจากขุมพลังใหญ่แบบนี้โดยไม่รู้ตัว
ทว่าถึงแม้พวกมันจะเงียบไม่ตอบคำแต่พวกมันก็ไม่ได้หนีจากไปไหน เพียงเฝ้ารออย่างเงียบงันอยู่ด้านนอก รอคอยให้คนในพันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรของพวกมันออกมาจากด้านใน…
และที่พวกมันเฝ้ารอแบบนี้ก็เป็นคำสั่งที่ได้รับมาจากผู้นำพันธมิตรของตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะถูกขับออกมาแต่ก็อย่าได้รีบร้อนกลับเด็ดขาด เจ้าจะได้หรือไม่ได้สมบัติ ก็ต้องพยายามช่วยให้สหายที่ได้รับสมบัติปลอดภัย อย่าได้ปล่อยให้สหายออกมาแล้วถูกผู้อื่นรังแกชิงสมบัติไปได้…นี่คือเหตุผลการคงอยู่ของพันธมิตร!
สำหรับเรื่องที่ผู้ฝึกตนพเนจรของพันธมิตรต่างๆปฏิเสธไม่ตอบคำนั้น อาวุโสของลัทธิอารามทมิฬไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่ มันก็แค่กล่าวถามไปอยางขอไปทีเท่านั้น
อันที่จริงหากคนของ 3 พันธมิตรกล่าวตอบกลับมา พวกมันคงต้องแปลกใจมากกว่า
….
ครืนนน! ปงงงง!!
หลังผ่านรอยแยกเข้าสู่ระนาบเทียมได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบมากมายหลายหลาก ในสถานที่ๆอาจจะเป็นคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ แห่งนี้
และคราวก็เป็นยักษ์ตัวเขื่อง ทว่าไม่ได้ร้ายกาจอะไร เพียงผนึกพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดขุมหนึ่งขึ้นมา ตบฟาดซัดพลังฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดไประเบิดหัวของมันทันที!
ยักษ์ตัวเองที่ถูกฝ่ามือพลังทำลายหัว ก็ค่อยๆสลายหายกลายเป็นหมอกควัน พริบตาก็ไม่เหลือสิ่งใดราวกับมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!!
“ดูเหมือนว่ายิ่งมาจะยิ่งยากแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งผ่านการทดสอบอีกด่าน กล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยสีหน้าขึงขังเล้กน้อย…
“ข้าสัมผัสได้…”
และทันใดนั้นเองเสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน “กลับมีกลิ่นอายพลังที่แตกต่างกันอยู่ถึง 3 ขุมในระนาบเทียมแห่งนี้…และกลิ่นอายพลังทั้ง 3 ขุมนั่น สมควรเป็นกลิ่นอายพลังของผู้สร้างระนาบเทียมแห่งนี้มิผิดแน่!”
“กลิ่นอายพลังที่แตกต่างกัน 3 ขุม ผู้สร้างระนาบเทียม? ผู้เฒ่าหั่วเรื่องนี้ท่านหมายความว่าอะไร?”
สองตาต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาไม่เข้าใจ
“หากข้าเดาไม่ผิด…ระนาบเทียมแห่งนี้ มิได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแค่คนเดียว!แต่เป็นผลงานของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ผ่านพ้นหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จถึง 3คนร่วมมือกันสร้างขึ้นมา!!”
น้ำเสียงของผู้เฒ่าหั่วเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“อะไรนะ!?”
ได้ยินวาจานี้ของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำออกมาด้วยความตกใจ!
ระนาบเทียมที่เขาอยู่ตอนนี้ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแค่คนเดียวงั้นเหรอ?!
แต่เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ 3 คนร่วมมือกันสร้างขึ้น!!
นี่ …
หมายความว่าไง?
“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านหมายความว่าระนาบเทียมแห่งนี้..”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพยายามระงับอาการตื่นเต้น
“ไม่ผิด…”
ผู้เฒ่าหั่วคล้ายจะอ่านความคิดของต้วนหลิงเทียนได้ออก กล่าวตอบแทรกขึ้นมาโดยไม่ต้องรอให้ต้วนหลิงเทียนถามจบ “ระนาบเทียมแห่งนี้ อาจเป็นคลังสมบัติที่มีสมบัติชั่วชีวิตของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะได้สำเร็จเหลือทิ้งไว้ถึง 3คน ก่อนที่พวกมันจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก…”