ตอนที่ 632 หมิงอ๋องเสด็จคืนมา

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลัน “….” วันนี้มันวันอะไรนักหนา มหาเทพทั้งหลายที่นางได้พบ ล้วนแล้วแต่มีน้ำใจกว้างขวางกระนั้นหรือ? 

 

 

แม้แต่มหาเทพที่สูงส่งอย่างเทียนตี้ก็ยังมีน้ำพระทัยกว้างขวางถึงขนาดจะพานางไปให้อาหารนก? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติอยู่บ้าง เหมือนกับว่านางต่างหากที่จะถูกนำไปเป็นเหยื่อ 

 

 

ความแค้นที่นางมีกับนกยักษ์แทบจะมิได้แตกต่างอะไรกับความแค้นที่มีต่อซือเป่ยเลยสักนิดเดียว 

 

 

ความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดจากการที่นางต้องสูญเสียอาจารย์และจีเฉวียนล้วนมาจากพวกเขา 

 

 

และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นตี้เสียไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย 

 

 

เทียนตี้ผู้สูงส่ง แน่นนอนว่ามิใช่ผู้ที่ชอบเอ่ยวาจาไร้สาระ 

 

 

เพียงเขาขยับปลายนิ้วเล็กน้อยพื้นหยกม่วงใต้ฝ่าเท้าก็ขยับเบาๆ จากนั้นแผ่นพื้นโดยรอบก็ลอยตัวออกมาจากหอสูง เหาะขึ้นไปบนชั้นเมฆพร้อมๆกับพระองค์ 

 

 

พอลอยสูงขึ้นไป จื่อเวยซิงจุนก็ถูกโยนทิ้งลงมาราวกับขยะชิ้นหนึ่ง 

 

 

จากนั้นก็หล่นลงไปกระแทกกับป่าเซียนอย่างเต็มรัก 

 

 

ทำเอาเหล่ากวางน้อยต่างตระหนกตกใจจนแตกตื่นกันไปหมด 

 

 

หากนับกันตามอายุขัย…..เขายังสูงวัยกว่าเทียนตี้หลายหมื่นปี 

 

 

แม้แต่มหาเทพองค์ก่อนก็ยังให้ความเกรงใจกับเขาแต่พอมาถึงยุคของมหาเทพองค์นี้ทุกสิ่งกลับเปลี่ยนแปลงไป 

 

 

ใช่แล้ว เทียนตี้องค์ปัจจุบันผู้นี้ไม่เคยให้ความเคารพต่อเทพองค์ใดในแดนสวรรค์ 

 

 

เขาเพียงแต่เคารพการตัดสินใจของตนเอง เชื่อถือแต่ตนเอง 

 

 

……….. 

 

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ฉู่เจียงที่อยู่ห่างไกลออกไปถึงบนพิภพของโลกโบราณก็สะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปี ที่บนหน้าผากของเขาปรากฏตราประทับที่ได้รับจากองค์ราชาแห่งเผ่าหมิงขึ้นมา 

 

 

ที่ข้างกายของเขา ยังมีคนอีกหกคน บนหน้าผากของพวกเขาต่างก็ทยอยกันปรากฏตราประทับขึ้นมาเช่นกัน 

 

 

“เป็นพระองค์ พระองค์กลับมาแล้ว!” 

 

 

ทั้งเจ็ดคนขยับเข้ามารวมตัวกัน ผ่านมาหมื่นปีแล้ว พวกเขาไม่เคยดีใจเช่นนี้มาก่อนเลย 

 

 

ผ้าคาดผมของฉู่เจียงแดงดุจโลหิตจะหยาดหยด ยามนี้หัวใจของเขาตื่นเต้นจนแทบจะระงับไม่อยู่แล้ว  

 

 

นับตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันมอบอิสรภาพให้กับเขา เขาก็ออกเสาะหาพรรคพวกที่แตกสานซ่านกระเซ็นไปในหกภพภูมิโดยไม่มีหยุดหย่อน 

 

 

เรี่ยวแรงที่เสียไปนับว่าไม่ทำให้ผู้คนต้องผิดหวัง ความเหนื่อยยากนี้มิได้สูญเปล่า ในที่สุดสามารถเสาะหามาได้หกคนแล้ว 

 

 

ตอนนี้ยังขาดยมราชอีกสามคนที่ยังมิได้หวนคืนสู่ตำแหน่งของตน 

 

 

เสินฟาง ซือหนาน และซ่งชิงไต้ 

 

 

เสินฟางนั้นอยู่ในโลกปัจจุบัน นั่นเป็นที่ที่ตอนนี้เขายังไม่อาจไปถึงได้ แต่ก็ยังดีที่คนยังอยู่ ได้แต่ต้องคิดหาหนทางเรียกตัวกลับมา  

 

 

ซ่งชิงไต้…..เดิมทีนางคือปรามาจารย์หลอมยาตันที่มีพรสรรค์อันดับหนึ่งของวังตันติ่งกงในดินแดนจิ่วโจว 

 

 

แต่ว่าช่างน่าเสียดายที่ชะตาอาภัพเพราะด้ายแดง หลังจากแต่งงานกับศิษย์พี่ในสำนักเดียวกัน ก็ถูกทำลายธาตุไฟบริสุทธิ์ซึ่งเป็นธาตุที่สำคัญที่สุดของนักหลอมยา สุดท้ายต้องตกต่ำถึงขั้นถูกถลกหนังตกตายอย่างอนาถ 

 

 

ในตอนนั้นพอเหมาะกับช่วงที่ซ่งหยู่หมิงหนึ่งในสิบยมราชหมดสิ้นอายุไข หมิงอ๋องทรงบังเกิดความสงสารซ่งชิงไต้ จึงได้ทรงให้นางสืบทอดตำแหน่งของหยู่หมิงต่อไป 

 

 

แต่ว่าต่อมา เมื่อเกิดสงครามเทพภูติก็ยังมีเรื่องไม่น่ายินดีเกิดขึ้นอีก 

 

 

ซ่งชิงไต้ถูกหมิงอ๋องขับไล่ไป…. 

 

 

ในตอนนี้ท่ามกลางเสินฟาง ซือหนานและซ่งชิงไต้ทั้งสามคน เกรงว่าซือหนานและซ่งชิงไต้คงจะตามหาได้อย่างยากลำบากที่สุดแล้ว 

 

 

หลังจากที่ฉู่เจียงผลักเรื่องน่าหดหู่ในสมองทิ้งไป เขาก็หันไปมองดูตราประทับบนหน้าผากของยมราชอีกหกคน แววตาก็ต้องเปล่งประกายขึ้นมา 

 

 

ที่จริงแล้วเรื่องที่เขากังวลใจมากที่สุดนั้นมิใช่ว่าจะสามารถเสาะหาสิบยมราชได้เจอหรือไม่ 

 

 

หากแต่เกรงว่าหมิงอ๋องจะมิได้ทรงกลับมาเสียแล้ว เช่นนั้นทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็ย่อมสูญเปล่า 

 

 

แต่ว่าตอนนี้ ตราประทับของหมิงอ๋องปรากฏ ก็เท่ากับว่าหมิงอ๋องมิเพียงยังทรงพระชนม์อยู่ หากแต่กำลังจะเสด็จกลับมาแล้ว 

 

 

“ในเมื่อหมิงอ๋องยังทรงพระชนม์อยู่ แต่ทำไมถึงไม่ทรงปรากฏองค์ต่อหน้าข้า?” 

 

 

ยามนี้ ทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาฝูซางซาน 

 

 

พวกเขาทั้งหมดล้วนตื่นเต้นขึ้นมา มองออกไปด้วยความหวัง 

 

 

“เมื่อหมื่นปีก่อนหลังสิ้นสงครามระหว่างเผ่าเทพและภูติ หมิงอ๋องทรงหายสาบสูญไป ตอนนี้ในเมื่อตราประทับในตัวพวกเราต่างก็ปรากฏขึ้นมา แสดงว่าอีกไม่นาน หมิงอ๋องจะต้องทรงมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราเป็นแน่” 

 

 

เนื่องเพราะฉู่เจียงได้รับบัญชาตามหายมราชคนอื่นๆจากตู๋กูซิงหลัน ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงกลายเป็นหัวหน้าของทั้งหมดไปโดยปริยาย 

 

 

ทั้งยังเป็นผู้ที่มีอำนาจในการพูดจามากที่สุดด้วย 

 

 

เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ยมราชคนอื่นๆต่างก็พากันพยักหน้า 

 

 

“เจ้าพูดได้ถูกต้องแล้ว พวกเราจะเชื่อฟังเจ้า” 

 

 

ถึงจะบอกว่าพวกเราเชื่อฟังฉู่เจียง แต่ที่จริงแล้วมิสู้บอกว่าพวกเขาเชื่อในตู๋กูซิงหลันมากกว่า 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมอบยันต์สีเหลืองมาให้เขาสิบชุด เพื่อใช้เอาไว้สำหรับสื่อสารกัน ดังนั้นระหว่างฉู่เจียงกับนางจึงมีการติดต่อกันอยู่ตลอด มีแต่ยามที่เจอกับคนที่ดื้อดึงพูดเท่าไรก็ไม่ยอมฟัง ฉู่เจียงจึงต้องใช้ยันต์ส่งสำเนียง ให้ตู๋กูซิงหลันเป็นผู้เกลี้ยกล่อมด้วยตนเอง 

 

 

ด้วยฝีปากของตู๋กูซิงหลัน แม้แต่ผีก็ยังชักจูงได้อยู่แล้ว 

 

 

พอช่วยกันเกลี้ยกล่อม แม้แต่ไท่ซานอ๋องที่แข็งแกร่งและไม่หวั่นไหวที่สุดก็ยังต้องสั่นคลอน 

 

 

ไท่ซานอ๋องผู้นี้หลังจากสิ้นสงครามเทพและภูติแล้ว เขาก็คือผู้ที่มีฐานกำลังแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังเคยสาบานเอาไว้ว่าจะขึ้นไปสังหารให้ถึงแดนสวรรค์ 

 

 

น่าเสียดาย เมื่อเผ่าหมิงล่มสลาย สรรพชีวิตมากมายสูญสิ้น หมิงอ๋องก็ทรงสละพลังทั้งหมดเพื่อทำพิธีชำระวิญญาณทั้งหลายจนถึงกับ…. 

 

 

หลังจากนั้น หมิงอ๋องก็ทรงหายสาบสูญไป 

 

 

ไท่ซานอ๋องจึงเข้าใจว่าพวกเขาต่างก็กลายเป็นหัวขบวนของเหล่าทหารหนีทัพ 

 

 

ตลอดหลายปีมานี้เขาจึงปลีกวิเวกออกมา กลายเป็นเทพที่ผู้คนเคารพบูชาในที่ดินแดนตะวันตกที่แสนห่างไกล 

 

 

แม้ว่าในใจของเขาคิดจะฟื้นฟูเผ่าหมิง เข่นฆ่าขึ้นไปบนสวรรค์อยู่ตลอดเวลา แต่เพราะความสูญเสียในอดีตที่แสนเจ็บปวดจึงได้พักเอาไว้ก่อน 

 

 

จนกระทั่งเมื่อตู๋กูซิงหลันใช้ยันต์ส่งสำเนียงมาค่อยๆเกลี้ยกล่อมอยู่นานจึงได้กล่อมคนสำเร็จ 

 

 

ดันนั้นยมราชเหล่านี้ ต่างก็รู้จักตู๋กูซิงหลันเป็นอย่างดี 

 

 

ศิษย์ที่หมิงอ๋องทรงรับเอาไว้ด้วยตนเอง นางถือครองชิ้นส่วนของหยกสรรพชีวิตกว่าครึ่งไว้ ในกายยังมีโลหิตของเผ่ามังกรทมิฬไหลเวียน ทั้งยังเป็นฮ่องเต้หญิงของแผ่นดินโบราณทั้งหมด ด้วยศักดิ์ฐานะเช่นนี้กล่าวออกไปแล้วช่างเป็นที่น่าตระหนกจริงๆ 

 

 

ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยได้พบกับตู๋กูซิงหลัน แต่ว่าจะมากจะน้อยพวกเขาล้วนได้รับฟังและสนทนากับนางมาแล้ว 

 

 

กับฮ่องเต้หญิงน้อยผู้นี้ เหล่ายมราชมีแต่จะชื่นชมและยกย่อง 

 

 

คนเผ่าหมิงนั้น โหดเ**้ยมกับศัตรูภายนอก แต่ปกป้องคนกันเองอย่างที่สุด 

 

 

ขอเพียงได้รับการยอมรับจากพวกเขา ก็มีแต่จะให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือถึงที่สุด 

 

 

คนอย่างพวกเขา ใครบ้างที่ยามมีชีวิตอยู่มิใช่ถูกฟาดฟันมาพันดาบหมื่นกระบี่? แต่พวกเขาก็ยังรักษาหัวใจที่บริสุทธิ์เอาไว้ได้ 

 

 

เห็นดูเ**้ยมโหดเช่นนี้ ที่จริงแล้วมีน้ำจิตน้ำใจมากกว่าใคร 

 

 

แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ช่วงนี้ ฉู่เจียงเหมือนจะติดต่อกับตู๋กูซิงหลันไม่ได้เลย 

 

 

เขาใช้ยันต์สื่อสารไปสองแผ่นแล้ว แต่ว่ากลับไปไม่ถึงนาง 

 

 

นี่ทำให้ฉู่เจียงอดจะกังวลใจไม่ได้ จัดทัพเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าแม่ทัพกลับหายไป เช่นนี้ไม่ดีแน่ 

 

 

เขามิได้บอกเรื่องนี้กับยมราชคนอื่นๆ เพราะเกรงว่าพวกเขาจะคิดมากจนเกินไป 

 

 

ถึงอย่างไรตอนนี้ตราประทับยมราชบนหน้าผากของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว นี่นับเป็นข่าวดีที่สุด 

 

 

ต่อให้ยังติดต่อตู๋กูซิงหลันไม่ได้ แต่หมิงอ๋องก็ใกล้จะเสด็จกลับมาแล้ว 

 

 

“ทุกท่าน ในช่วงนี้ ยังต้องขอรวบกวนให้ทุกท่านรวบรวมกองกำลังเดิมกลับมา เมื่อหมิงอ๋องทรงเสด็จกลับมาหวังว่าพวกเราจะสามารถฟื้นฟูเผ่าหมิงได้ครึ่งหนึ่ง แดนสวรรค์ในวันนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนสงครามครั้งก่อนไม่รู่ว่ากี่เท่าต่อกี่เท่า พวกเราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม” 

 

 

ฉู่เจียงว่าต่อไป “ทุกคนจะต้องรวมใจกัน!” 

 

 

“นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว สิ่งที่เผ่าหมิงเราไม่เคยขาดก็คือความกล้าหาญและความเชื่อมั่น!” ไท่ซานอ๋องสนับสนุนเป็นคนแรก 

 

 

ยมราชคนอื่นๆก็ร้องรับ 

 

 

หลังเผ่าหมิงล่มสลาย คนของเผ่าหมิงก็กระจัดกระจายระหกระเหินไปทั่วหกภพภูมิ เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานจะให้เรียกทุกคนกลับมา ที่จริงแล้วมิใช่เรื่องง่ายๆ 

 

 

แต่ว่าต่อให้ยากเย็นเพียงไหน ก็ไม่เกินกว่าความพยายามของพวกเขาไปได้! 

 

 

ก่อนที่พระองค์จะกลับมา พวกเขาจะต้องตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมที่สุด และรอคอยพระองค์คืนมาด้วยใจสงบ! 

 

 

………………….