เมื่อวิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย สนามรบกลับสู่สภาพเดิม แสงสีขาวจากท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตาหายไปอย่างสมบูรณ์
รอยแตกร้าวแผ่กระจายไปทั่วหอคอยดวงตาสวรรค์ วินาทีถัดมามันก็พังทลายลง
วังสวรรค์ตกสู่ความเงียบ
หอคอยดวงตาสวรรค์กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงหล่นลงมาพร้อมกับซากศพของผู้อมตะภาพวาดของเทพอมตะบัวสวรรค์กลายเป็นแสงสีเขียวบินข้ามท้องฟ้าและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆและมองไปยังราชันมังกร ฟงจิวเก่อและคนอื่นๆ
เขาไม่แสดงออกและไม่พูด เขาเพียงเปิดฝ่ามือออกช้าๆ ภายใต้พลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะวิสัยทัศน์ของทุกคน ผู้อมตะผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์ของทั้งห้าภูมิภาคเห็นเศษชิ้นส่วนที่ถูกท่าลายของวิญญาณชะตากรรม!
“วิญญาณชะตากรรม…ถูกทําลาย?”
“เราะชนะ!?”
ผู้อมตะของสามภูมิภาคมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและงุนงง
“เหลือเชื่อเราทําได้จริงๆ”
“การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์!”
หลังจากนั้นผู้อมตะของสามภูมิภาคก็โห่ร้องอย่างบ้าคลัง
ในทางตรงข้ามผู้อมตะที่เหลืออยู่ของวังสวรรค์รู้สึกหนาวเย็นและมีนงง
วิญญาณชะตากรรมเป็นเสาหลักทางจิตวิญญาณของพวกเขา
มันเป็นมากกว่าวิญญาณอมตะระดับเก้า เทพอมตะแรกก่าเนิดพึ่งพามันเพื่อนําเผ่ามนุษย์ปกครองโลกมันทําให้มนุษย์มีความหวังและมีความกล้าที่จะก่อกบฏ
หลังจากสามล้านปี ความสําคัญของวิญญาณชะตากรรมยิ่งมีมากขึ้น มันคือรากฐานสัญลักษณ์และธงสงครามของวังสวรรค์
แต่ตอนนี้มันกลับถูกฟางหยวนทําลาย!
ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกสูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ โลกของพวกเขาพังทลายลงไปพร้อมกับมัน
พวกเขากลายเป็นผืนงงและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไรต่อไป
กระทั่งฟงจิวเก้อยังเงียบ เพลงพรหมลิขิตที่เคยดังไปทั่วสนามรบหยุดลงแล้ว
ห่างออกไป ฟงจินฮวงที่ซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะลับใต้ดินร้องไห้อย่างเงียบๆ“วิญญาณชะตากรรม…ถูกทําลาย! สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่และไม่ลังเลที่จะเสียสละตนเอง!”
สายตาของฉันทิ้งหลิงกลายเป็นว่างเปล่า ร่างกายของนางแข็งค้างราวกับรูปปั้น
หอพิพากษาปีศาจที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักลอยอยู่บนท้องฟ้าฟางเจ๋งมองฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อนฟางหยวนเจ้าทําสําเร็จจริงๆในวังสวรรค์ต่อหน้าการจัดเตรียมของเหล่าเทพเจ้าสามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม ดังนั้นช่องว่างระหว่างเจ้ากับข้าก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้
ช่องว่างนี้ทําให้ฟางเพิ่งรู้สึกสิ้นหวัง แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือฟางเจ๋งไม่รู้สึกขมขึ้นแต่กลับรู้สึกโล่งใจ
ถึงเวลาต้องยอมแพ้
คนเช่นฟางหยวนแตกต่างจากทุกคนตั้งแต่เริ่มต้น การคิดที่จะแข่งขันกับเขาเป็นความคิดเพ้อฝันตั้งแต่แรก
“บัดซบ!”
“เราล้มเหลว วิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย!”
ผู้อมตะของวังสวรรค์ร้องไห้ พวกเขาทุ่มเททุกสิ่ง บางคนคลานขึ้นมาจากหลุมศพเพื่อต่อสู้บางคนอดทนจนถึงที่สุด แต่พวกเขายังพ่ายแพ้
“พวกเราล้มเหลวจริงๆ สหายของเราเสียสละตนเองอย่างสูญเปล่า!”
“ข้ารู้สึกละอายใจนัก”
ความรู้สึกอัปยศปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อมตะวังสวรรค์ หลายคนถึงกับรู้สึกอยากตาย
“อย่าตกใจ!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ราชันมังกรเปิดปากกล่าว เสียงของเขาดังไปทั่วสนามรบ
ราชันมังกรบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม เขารู้ว่านี้เป็นช่วงเวลาสําคัญ
วิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย ราชันมังกรไม่สามารถหวั่นไหวหรือต่าหนิตัวเองเขาเป็นผู้นําของวังสวรรค์เขาต้องจัดการปัญหานี้!
สิ่งที่ทําให้เขากังวลคือกระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ที่มีประสบการณ์มากมายยังรู้สึกหวั่นไหวถึงเพียงนี้แล้วผู้คนทั้งโลกที่เห็นเหตุการณ์นี้จะรู้สึกอย่างไร
ฟางหยวนวางแผนและเอาชนะวังสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำอีก นี่เหมือนการตบหน้าวังสวรรค์อย่างแรงฟางหยวนทําลายวิญญาณชะตากรรมนี่คือการทําลายรากฐานสถานะและชื่อเสียงที่วังสวรรค์สะสมมาตลอดหลายล้านปี!
ราชันมังกรต้องยกขวัญกําลังใจและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขา
“ฟางหยวน เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทําลายวิญญาณชะตากรรมได้จริงๆงั้นหรือ?”ราชันมังกรหัวเราะโดยปราศจากร่องรอยของความกระสับกระส่ายไม่มีผู้ใดสัมผัสได้ถึงความหวั่นไหวในน้ำเสียงของเขา
ฟางหยวนไม่ตอบ
แต่ผู้อมตะของสามภูมิภาคเย้ยหยัน “ราชันมังกร เจ้าตาบอดไปแล้วหรือ? เจ้ามองไม่เห็นเศษ ซากของวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?”
ผู้อมตะของวังสวรรค์บางคนรู้สึกมีความหวังเล็กน้อย “วิญญาณชะตากรรมที่ฟางหยวนทําลายเป็นของปลอมหรือไม่?”
ราชันมังกรสายศีรษะและหัวเราะต่อไป “ฮ่าฮ่าฮ่า วิญญาณชะตากรรมที่ถูกทําลายเป็นของจริงแต่ฟางหยวนกระทั่งวิญญาณชะตากรรมจะถูกทําลายแล้วอย่างไร? มันจะถูกทําลายไปตลอดดูกาลหรือไม่?เราไม่สามารถหลอมรวมมันขึ้นมาใหม่งั้นหรือ?”
“อา…” ทุกคนตกตะลึง
วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นี่เป็นความจริงของโลกใบนี้ที่ไม่อาจหักล้างหากคนผู้หนึ่งมีวิญญาณอมตะดวงหนึ่งคนอื่นๆก็ไม่สามารถครอบครองมัน
แต่เมื่อวิญญาณอมตะดวงนี้ถูกทําลาย คนอื่นๆจะมีโอกาสครอบครองมัน
วิญญาณชะตากรรมถูกทําลายโดยฟางหยวน นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธแต่มันไม่ใช่จุดจบที่แท้จริงเพราะวังสวรรค์สามารถหลอมรวมมันขึ้นมาได้อีกครั้ง!
“วังสวรรค์มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?” เฉินกงเจิ้งถามด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
“วังสวรรค์ครอบครองวิญญาณชะตากรรมมานานกว่าสามล้านปี เรามีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมมากมายรวมถึงสามเทพอมตะลองเดาดูว่าวังสวรรค์จะมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณชะตากรรมหรือไม่?”ราชันมังกรยิ้มด้วยความมั่นใจ
“บัดซบ!” ผู้อมตะของสามภูมิภาคเต็มไปด้วยความโกรธ
ราชันมังกรหัวเราะ “อย่างไรก็ตามแม้วังสวรรค์จะไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณชะตากรรมแล้วอย่างไร? ทุกคนให้ข้าถามพวกเจ้า วิญญาณชะตากรรมในอดีตถูกหลอมรวมขึ้นมาโดยมนุษย์คนแรกหรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่!” ฉินติงหลิงตอบกลับ นางเข้าใจเจตนาของราชันมังกรแล้วตอนนี้ดวงตาของนางกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง“วิญญาณชะตากรรมเกิดจากสวรรค์พิภพ”
ราชันมังกรพยักหน้า “ถูกต้อง วิญญาณอมตะเกิดจากธรรมชาติแม้เราจะไม่สามารถหลอมรวมมันสวรรค์พิภพก็จะหลอมรวมวิญญาณชะตากรรมขึ้นมาใหม่มันอาจเป็นวิญญาณอมตะระดับหกหรือวิญญาณอมตะระดับเก้าผู้ใดจะรู้
ผู้อมตะของสามภูมิภาคมองหน้ากัน
หลังจากราชันมังกรกล่าวถึงประเด็นนี้ พวกเขาก็ตระหนักว่าการทําลายวิญญาณชะตากรรมครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่
แม่วิญญาณชะตากรรมจะถูกทําลาย แต่มันสามารถกําเนิดใหม่
“แม้มันจะถูกหลอมรวมขึ้นมาใหม่เราก็จะทําลายมันอีกครั้ง!” ผู้อมตะบางคนตะโกนด้วยความโกรธแม้เขาจะไม่มีความมั่นใจมากนักก็ตาม
เพื่อทําลายวิญญาณชะตากรรมในครั้งนี้ พวกเขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลแล้วความสําเร็จดังกล่าวจะสามารถเกิดซ้ำหรือไม่?ลืมเรื่องอื่นไปได้เลยสิ่งสําคัญคือมีเพียงปีศาจต่างโลกเท่านั้นที่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรมกระทั่งสามเทพปีศาจในอดีตยังไม่ประสบความสําเร็จ
“บัดซบ เหตุใดเรามองข้ามเรื่องนี้” บางคนเริ่มตําหนิตัวเอง
ท้ายที่สุดการบุกวงสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรมก็เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ราวกับการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ทุกคนต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดแต่กระทั่งพวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่มันก็ยังยากที่จะประสบความสําเร็จ
ภายใต้สถานการณ์นี้ ผู้ใดจะคิดถึงเรื่องภายหลังจากนั้น
ในความเป็นจริงพวกเขายังไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะทําลายวิญญาณชะตากรรมได้หรือไม่
แม้แต่ฟางหยวนก็ไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้
ทุกคนทําได้เพียงทดลอง
หลังจากพยายามและประสบความสําเร็จ ทุกคนดีใจ แต่ตอนนี้พวกเขากลับตระหนักถึงบางสิ่ง
คํากล่าวของราชันมังกรเป็นเรื่องจริงเช่นกัน ผู้อมตะของสามภูมิภาครู้สึกว่าชัยชนะของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่า
ผู้อมตะของสามภูมิภาคเงียบ การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นไม่น่ามอง
วูหยงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของผู้คน เขาเร่งปฏิเสธเสียงเย็น“ลิ้นของราชันมังกรช่างแหลมคมนัก ไม่ว่าอย่างไรวงสวรรค์ก็ล้มเหลวเจ้าใช้ความเจ็บปวดเพื่อซ่อนความจริงที่ว่าวังสวรรค์สูญเสียวิญญาณชะตากรรมในอนาคตแม้เจ้าจะได้รับวิญญาณชะตากรรมอีกครั้งแล้วอย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าแท้จริงแล้วพวกเจ้าต้องระวังมิฉะนั้นเมื่อสวรรค์พิภพให้กําเนิดวิญญาณชะตากรรมอีกครั้งพวกเจ้าจะไม่สามารถหลอมรวมมันได้ในเวลานั้นวิญญาณชะตากรรมอาจกลายเป็นวิญญาณป่าที่ดร้ายผู้ใดจะสามารถครอบครองมันบางทีอาจไม่ใช่วังสวรรค์ที่ได้รับมันไป”
ดวงตาของผู้อมตะทั้งสามภูมิภาคส่องประกายขึ้นอีกครั้งด้วยขวัญกําลังใจที่พุ่งสูงขึ้น
ราชันมังกรยังเผยรอยยิ้มบาง“วูหยงคํากล่าวของเจ้าไม่ผิดบางที่วิญญาณชะตากรรมอาจกลายเป็นวิญญาณอมตะป่าและถูกครอบครองโดยพวกเจ้าแต่พวกเจ้าจะใช้มันงั้นหรือ? พวกเจ้ารู้วิธีใช้งานมันหรือไม่?
แม้แต่วหยงก็ไม่สามารถตอบคําถามนี้
ราชันมังกรยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “วิญญาณชะตากรรมไม่สามารถใช้ได้โดยผู้อมตะ!ย้อนกลับไปมันถูกครอบครองโดยมนุษย์กลายพันธุ์แต่พวกเขาก็ไม่สามารถใช้งานมันตลอดสามล้านปีวังสวร รค์ของข้ามีผู้อมตะมากมายแต่ไม่มีผู้ใดสามารถใช้งานมันได้โดยตรง เราใช้เวลาสามล้านปีในการค้นคว้าและสามารถสร้างหอคอยดวงตาสวรรค์เพื่อใช้ประโยชน์จากวิญญาณชะตากรรมทางอ้อม นั้นคือท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตา”
“พวกเจ้าคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะยอมจํานนต่อโชคชะตา แต่พวกเจ้ารู้วิธีสร้างหอคอยดวงตาสวรรค์หรือไม่?”
ผู้อมตะของทั้งสามภูมิภาคเงียบ
ราชันมังกรกล่าวต่อ “มีเพียงเจตจํานงสวรรค์เท่านั้นที่สามารถใช้งานวิญญาณชะตากรรมย้อนกลับไปเพื่อมนุษยชาติเทพอมตะกลุ่มดาวไม่ลังเลที่จะเสียสละตนเองนางหลอมรวมเข้ากับเจตจํานงสวรรค์และส่งอิทธิพลต่อมันด้วยเหตุนี้มนุษยชาติจึงยังคงอยู่และเจริญรุ่งเรืองมาถึงวันนี้”
“วังสวรรค์สร้างสุสานอมตะขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวสมาชิกของวังสวรรค์ทุกคนเลือกที่จะจําศีลในสุสานอมตะเพื่อให้ความช่วยเหลือเทพอมตะกลุ่มดาว ด้วยวิธีนี้เราจึงสามารถส่งอิทธิพลต่อวิญญาณชะตากรรมและทําให้มนุษย์ครองโลก!”
“ท่ามกลางพวกเจ้า ผู้ใดสามารถทําเช่นนี้!
ราชันมังกรกวาดตามองสนามรบ ผู้อมตะของสามภูมิภาคเงียบ ผู้อมตะของวังสวรรค์ยืนด้วยความภาคภูมิใจบางคนกล่าวเสริมด้วยความเย่อหยิ่ง “ไม่มี!ในห้าภูมิภาคมีเพียงวังสวรรค์ที่สามารถทําได้!”
“ไม่ เจ้าคิดผิด ราชันมังกร!” ปิงช่ายฉวยโต้กลับ “แม้เราจะไม่สามารถใช้วิญญาณชะตากรรมแต่เราสามารถหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต!วิญญาณชะตากรรมไม่สามารถใช้งานโดยผู้อมตะแต่วิญญาณพรหมลิขิตทําได้นี่เป็นแผนการของเทพอมตะของเรา!”
ราชันมังกรมองไปยังแท่นบูชาแห่งโชคและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แม้พวกเจ้าจะหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตแต่มันไม่ได้หมายความว่าวิญญาณชะตากรรมจะไม่มีอยู่”
ปิงช่ายฉวนไม่สามารถตอบโต้
แม้ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะใช้วิญญาณชะตากรรมเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตแต่ในอนาคตวิญญาณชะตากรรมดวงใหม่ยังสามารถถือกําเนิดขึ้นอีกครั้ง
ราชันมังกรถอนหายใจ “ไม่ว่าพวกเจ้าจะทําสิ่งใด วิญญาณชะตากรรมก็จะยังอยู่แม้มันจะถูกทําลายในตอนนี้มันก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้งในอนาคตตราบเท่าที่มันปรากฏขึ้นความพยายามของพวกเจ้าในวันนี้จะมีความหมายใด?”
ผู้อมตะของสามภูมิภาคเงียบ
“แน่นอนว่ามันมีความหมาย” ราชันมังกรตอบตัวเองด้วยความเกลียดชัง “ความหมายของสิ่งนี้คือการเปิดโอกาสให้มนุษย์กลายพันธุ์ลุกขึ้นต่อต้านมนุษยชาติ!”
“เมื่อวิญญาณชะตากรรมถือกําเนิดขึ้นอีกครั้ง มันจะถูกควบคุมโดยเจตจํานงสวรรค์มนุษย์จะร่วงหล่นลงขณะที่มนุษย์กลายพันธุ์จะพุ่งทะยานขึ้น!”
“และคนร้ายที่นําไปสู่สิ่งนี้ก็คือพวกเจ้าทั้งหมด!” ราชันมังกรชั้นนิ้วไปที่ฟางหยวน“โดยเฉพาะเจ้า! เจ้าเป็นคนร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!เจ้าทําลายสุสานอมตะเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวจะไม่สามารถส่งอิทธิพลต่อเจตจํานงสวรรค์ได้เหมือนก่อนหน้าหากมนุษยชาติถูกทําลายล้างในอนาคตเจ้าจะเป็นตัวการหลักที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!”
“ฟางหยวน เจ้าคิดว่าตนเองได้รับชัยชนะจากการทําลายวิญญาณชะตากรรมจริงๆงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น”
“วังสวรรค์ของข้าทําเพื่อมนุษยชาติ เราเสียสละเลือดและหยาดเหงื่อเพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์แต่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เจ้ากลับทําลายความยิ่งใหญ่ที่วังสวรรค์พยายามรักษามาหลายล้านปี!”
“วังสวรรค์ของข้าจะหลอมรวมวิญญาณชะตากรรมขึ้นมาอีกครั้งในอนาคตเราจะหลอมรวมมันอย่างลับๆเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดรู้ถึงการถือกําเนิดของมัน!”
“ในเวลานั้นพวกเจ้าจะหยุดพวกเราได้ทันเวลางั้นหรือ?”
“ต่อให้พวกเจ้าสามารถหยุดพวกเราสองหรือสามครั้ง แต่พวกเจ้าจะสามารถหยุดพวกเราได้ตลอดไปหรือไม่?”
“นอกจากนี้ทุกครั้งที่พวกเราต่อสู้ มนุษยชาติจะประสบความสูญเสียอย่างหนักมันจะเปิดโอกาสให้มนุษย์กลายพันธุ์ลุกขึ้นต่อสู้กับพวกเรา!”
ราชันมังกรคร่ครวญด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เอ่อล้น
“เขาคือผู้ใด? ข้าไม่รู้ว่าวังสวรรค์ทําหลายสิ่งเพื่อมนุษยชาติ!”
“เหตุใดพวกเขาจึงบุกวังสวรค์ ผู้อมตะคิดสิ่งใดอยู่?”
“คนเหล่านี้ล้วนเป็นปีศาจ พวกเขาทําเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่สนภาพรวมพวกเขาเป็นคนบาปที่ต้องถูกสาปแช่ง!”
มนุษย์ทั้งห้าภูมิภาคถูกโน้มน้าวโดยราชันมังกร
มนุษย์ส่วนใหญ่มีความเข้าใจเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับโลกของผู้อมตะ
ผู้อมตะที่กระจัดกระจายอยู่ในห้าภูมิภาคเงียบเมื่อพวกเขาได้ยินคํากล่าวของราชันมังกร
วังสวรรค์ทรงอํานาจ วังสวรรค์กดขี่ผู้คน วังสวรรค์ยึดครองทรัพยากรเกือบทั้งหมดของภาคกลาง วังสวรรค์มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่วังสวรรค์แทรกแซงเหตุการณ์สําคัญทั้งหมดบนโลกใบนี้
แต่ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการปกป้องมนุษยชาติของวังสวรรค์
นี่คือความจริง
“นี่ค่อนข้างลําบาก แม้ข้าจะพอใจกับการทําลายวิญญาณชะตากรรมแต่ขากลับรู้สึกว่างเปล่าหลังจากปลดปล่อยความตื่นเต้นออกไปนี่เป็นปัญหาเล็กน้อย”เจตจํานงของเทพปีศาจคลั่งพึมพําขณะจับศีรษะของตนเอง
“เฮ้ ราชันมังกร พูดจบหรือยัง?” ฟางหยวนกล่าวอย่างไม่แยแส หลังจากทําลายวิญญาณชะตากรรมนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูด
ราชันมังกรมองฟางหยวนด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
ฟางหยวนสงบเกินไป! ด้วยสติปัญญาของฟางหยวน เขาจะมองไม่เห็นจุดสําคัญได้อย่างไร? ราชันมังกรพยายามคิดจากมุมมองอื่นหากเขาเป็นฟางหยวนเขาจะใช้กําลังทั้งหมดโจมตีและไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูมีโอกาสพูด
เพราะเมื่อราชันมังกรพูด เขาจะสามารถสร้างสถานการณ์ปัจจุบัน
นั่นเป็นเรื่องจริง
คํากล่าวของราชันมังกรยกขวัญกําลังใจของผู้อมตะวังสวรรค์และสะกดข่มจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของศัตรูมันสามารถเปลี่ยนสถานการณ์
แต่ฟางหยวนจะมองไม่เห็นสิ่งนี้ได้อย่างไร
เขาไม่ได้หยุดราชันมังกร ที่ทําให้ราชันมังกรรู้สึกไม่สบายใจ
เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนมีแผนการใดซ่อนอยู่ในใจ
ฟางหยวนหัวเราะ “โอ้ ราชันมังกร ผู้ใดบอกเจ้าว่าการทําลายวิญญาณชะตากรรมคือจุดสิ้นสุดของการต่อสู้ครั้งนี้?”
รูม่านตาของราชันมังกรหดเล็กลงเมื่อเขาตระหนักถึงบางสิ่ง
จากนั้นเขาก็เห็นเงาของแม่น้ำ
มันคือสายธารแห่งกาลเวลา
หลังจากฟางหยวนทําลายวิญญาณชะตากรรม สายธารแห่งกาลเวลาราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากพันธนาการมันเริ่มพลุ่งพล่านและปั่นป่วน
“ครืน…”
คลื่นน้ำสาดซัดอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา
หลังจากนั้นร่างหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ
ผู้อมตะทั้งหมดได้ยินเสียงของเขา
“ในวัยเยาว์ ขาส่องประกายราวกับแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิ อาชาเหยียบย่าดอกไม้กลิ่นสุรากระจายไปทั่ว
“ความรักและความเกลียดชังสาดซัดเข้ามาพร้อมกัน จักจั่นร้องเพลงเมื่อข้าตื่นขึ้นกลางดึก”
“ปลูกดอกบัวสีแดงในสายธารแห่งกาลเวลา ย้อนเวลาจนน้ำตาเหือดแห้ง”
“ผ่านความผันผวนของชีวิตมากมาย สุดท้ายข้าก็หวนกลับมาเมื่อสิ่งมีชีวิตถูกปลดปล่อยจากโซ่ตรวนแห่งโชคชะตา!”
เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม สายตาของเขาปรากฏให้เห็นถึงความผันผวนของชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนเขาสวมชุดคลุมสีแดงใบหน้าของเขาบริสุทธิ์ราวกับหยกขาวดวงตาของเขาส่องประกายเหมือนดวงดาวผิวของเขาขาวดุจหิมะ
เขาเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาและก้าวเข้าสู่สนามรบวงสวรรค์
ทุกคนเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ
สายตาของเขากวาดไปรอบๆก่อนจะหยุดอยู่ที่ราชันมังกร
ร่างของราชันมังกรสันสะท้านขึ้น เขาอ้าปากค้าง ริมฝีปากของเขาขยับเบาๆแต่ไม่มีคําใดหลุดออกมา
ชายหนุ่มยิ้ม “ท่านอาจารย์ สบายดีหรือไม่?”