บทที่ 1962 เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“โอ้ คนผู้นี้เดินออกมาจากแม่น้ํา!”

“เหตุใดท้องฟ้าถึงมีแม่น้ํา?”

“ชายผู้นี้ช่างหล่อเหลานัก!”

“ข้ายังคิดว่าเขาเป็นนางฟ้าในชุดคลุมสีแดง”

เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะวิสัยทัศน์ของทุกคน มนุษย์ทั้งห้าภูมิภาคจึงเห็นฉากนี้

มนุษย์และผู้ใช้วิญญาณอาจไม่เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์ แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่รู้ว่าชายหนุ่มลึกลับผู้นี้คือผู้ใด

ทันใดนั้นหัวใจของผู้อมตะทั้งหมดก็สั่นสะท้านขึ้นราวกับโลกกําลังจะถล่มทลาย

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

“เขาคือเทพปีศาจบัวแดงงั้นหรือ!?”

ท่ามกลางผู้อมตะระดับเก้า เทพปีศาจบัวแดงเป็นเทพที่ลึกลับที่สุด ย้อนกลับไปในอดีตวังสวรรค์ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อหล่อเลี้ยงเขา แต่ความพยายามของพวกเขากลายเป็นสูญเปล่าไม่เพียงบัวแดงจะไม่เป็นเทพอมตะเขายังกลายเป็นเทพปีศาจเขาทรยศต่อฝ่ายธรรมะและต้องการทําลายวิญญาณชะตากรรมวังสวรรค์พยายามทําลายข้อมูลทั้งหมดเพื่อขจัดอิทธิพลของเขา

นอกจากนั้นเทพปีศาจบัวแดงยังเกิดใหม่ตลอดเวลา เขาเปลี่ยนกลยุทธ์เสมอแต่เขายังต้องการรักษาชื่อเสียงของวังสวรรค์เพื่อประโยชน์ของอาจารย์ของเขานั่นทําให้เขาดําเนินการอย่างลับๆในความมืด

ดังนั้นผู้อมตะส่วนใหญ่จึงไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับเทพปีศาจบัวแดง

แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาและเรียกราชันมังกรว่าอาจารย์ พวกเขาจึงตระหนักถึงตัวตนของคนผู้นี้

เขาคือเทพปีศาจบัวแดงจริงๆ!

เขาเป็นผู้อมตะระดับเก้า เมื่อเขาปรากฏตัว ผู้ใดจะสามารถต่อต้านเขา?

แม้ราชันมังกรจะทรงพลัง แม้จางอี้เฉิงจะมีร่างกายใหญ่โต แม้ฟางหยวนจะมีผ้าคลุมเปื้อนเลือด พวกเขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก่า
ไม่มีผู้ใดสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เทพปีศาจบัวแดงเดินกลางอากาศไปถึงใจกลางสนามรบ เขายิ้ม “ทุกคนอย่ากังวลขาตายไปแล้วท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอดีตไม่เหลือพลังแล้วข้าเป็นเพียงเจตจํานงของร่างหลัก”

เจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงดูสมจริงและเหมือนมนุษย์ที่มีชีวิตมาก

แต่เมื่อผู้อมตะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน พวกเขาจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างเจตจํานงกับมนุษย์ที่มีชีวิต

หลังจากผู้อมตะสามารถแยกแยะสิ่งนี้ พวกเขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เทพปีศาจบัวแดงไม่ได้โกหก นี่คือเจตจํานง มันไม่ใช่ร่างหลักของเขา

สังหรณ์ร้ายปรากฏขึ้นในใจของราชันมังกร

ราชันมังกรก่นเสียงเย็นและตะโกน “บัวแดง แม่เจ้าจะตายไปแล้ว แต่เจ้ายังไม่ยอมละทิ้งความคิดนอกรีตครั้งนี้เจ้าชนะวิญญาณชะตากรรมถูกทําลายโดยตัวหมากเบี้ยที่เจ้าเลือก”

เทพปีศาจบัวแดงส่ายศีรษะ “ท่านอาจารย์ นี่ยังไม่ใช่ชัยชนะ ดังนั้นข้าจึงต้องปรากฏตัว”

“เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” ราชันมังกรขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์ร้ายของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงตอบด้วยการกระทํา ร่างของเขาหายไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนในเสี้ยวพริบตา

ฟางหยวนมองเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง สายตาของเขามืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ําคืน

เขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเทพปีศาจบัวแดง วิญญาณกาลเวลาที่เขาใช้เปลี่ยนสถานการณ์มาหลายครั้งเป็นวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนผู้นี้

“เจ้าทําได้ดีมาก ข้าแน่ใจว่าเจ้าเดาได้ว่าข้าจะทําสิ่งใดต่อไป” เทพปีศาจบัวแดงเผยรอยยิ้มให้ฟางหยวน

ฟางหยวนตอบ “แน่นอน”

“วิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย แต่นั้นคือวิธีการใช้มันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต พวกเราต้องการปีศาจต่างโลกเช่นเจ้าต้องขอบคุณความช่วยเหลือของบางคนสุดท้ายเจ้าก็กลายเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์”เทพปีศาจจิตวิญญาณกล่าวและหันหน้าไปทางเทพปีศาจจิตวิญญาณและคนรับใช้ของเขาที่ซ่อนตัวอยู่

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเพิ่งหยวนเหงื่อไหล แม่นจะเป็นเพียงเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงแต่เขาก็น่ากลัวมากและสามารถค้นพบพวกเขาได้ด้วยการชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว

ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับสู่ร่างมนุษย์แล้ว เขามองเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง ความทรงจําาปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

ย้อนกลับไป เมื่อเขากลายเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อสํารวจความลับของมัน แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแต่เขาสามารถเข้าและออกจากสายธารแห่งกาลเวลาได้อย่างอิสระ
เกาะบัวหินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาด้วยตัวของมันเอง

เขาก้าวเข้าสู่เกาะบัวหินและพบกับเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง “เทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้า รอเจ้าอยู่ เรามาทําข้อตกลงกันเถอะ”

เทพปีศาจจิตวิญญาณตกลงทําข้อตกลง ดังนั้นเขาจึงได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับวิญญาณชะตากรรมและวังสวรรค์เขาล้มเลิกความคิดที่จะบุกวังสวรรค์และวางแผนสร้างวิญญาณทารกอมตะ

เทพปีศาจบัวแดงมองเทพปีศาจจิตวิญญาณราวกับต้องการบอกว่าถึงเวลาทําธุรกรรมของเราแล้ว

เทพปีศาจจิตวิญญาณหัวเราะและออกคําสั่งเฒ่าเพิ่งหยวน “รวบรวมเจตจํานงของมนุษย์ทั้งหมดส่งให้ฟางหยวน”

เฒ่าเพิ่งหยวนเคลื่อนไหวทันที

เจตจํานงของมนุษย์ทุกประเภทปรากฏขึ้น

เทพปีศาจบัวแดงมองเจตจํานงของมนุษย์จํานวนมหาศาลที่ดูคล้ายทะเลสีรุ้งด้วยความพึงพอใจ

เขายิ้มให้ฟางหยวนก่อนจะพุ่งเข้าสู่ทะเลเจตจํานงด้วยตนเอง

เจตจํานงของมนุษย์กลืนกินเขาเข้าไป ต่อมาเปลวเพลิงสีแดงก็ลุกไหม้ขึ้นคล้ายกับดอกบัวสี
แดง

ราชันมังกรเห็นสิ่งนี้และโกรธมาก “บัวแดง เจ้าลอบทิ้งสิ่งนี้ไว้ในวังสวรรค์!”

ก่อนที่ราชันมังกรจะกล่าวจบ เขาก็บินออกไปและต้องการทําลายเจตจํานงของมนุษย์เหล่านั้น

“อย่าแม้แต่จะคิด!” อู่ส่วยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาใช้วังมังกรกีดขวางเส้นทางของราชันมังกร

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ในไม่ช้าวังมังกรก็ถูกบังคับให้ล่าถอย

“พวกเจ้าจะรอสิ่งใดอยู่?” ราชันมังกรตะโกนไปยังกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์

หัวใจของผู้อมตะวังสวรรค์ชั้นสะท้านขึ้นก่อนที่พวกเขาจะพุ่งเข้าไปหาฟางหยวนและทะเลเจตจํานง

ผู้อมตะของสามภูมิภาคไม่สามารถนิ่งเฉย การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“ไม่ว่าเทพปีศาจบัวแดงจะต้องการทําสิ่งใด วังสวรรค์ก็ต้องพบกับความสูญเสียนี่คือสิ่งที่เราต้องการเห็น!”ดวงตาของวูหยงส่องประกายสว่างไสวเขายิงดาบสายลมจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปทันที

จางเฉิงคารามด้วยความโกรธ มันขดร่างอยู่รอบตัวฟางหยวนเพื่อปกป้องเขาและทะเลเจตจํานงแม้มันจะถูกโจมตีอย่างหนักแต่มันปฏิเสธที่จะล่าถอย

ปิงช่ายฉวนนําแท่นบูชาแห่งโชคต่อสู้กับหอพิพากษาปีศาจ เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนเทพปีศาจบัวแดงต้องการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิตเช่นกันนี่เป็นสิ่งที่ขัดต่อเป้าหมายของสวรรค์นิรันดร แต่เขาไม่สามารถหยุดมันหรือล่าถอยในเวลานี้เขาต้องต่อสู้เท่านั้น

เปลวเพลิงสีแดงเผาผลาญเจตจํานงของมนุษย์และปลดปล่อยกลิ่นหอมออกมา

หลังจากเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงหลอมรวมกับเจตจํานงของมนุษย์ทะเลเจตจํานงก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและยืนอยู่ในทะเลเพลิงโดยไม่เคลื่อนไหว

ผู้อมตะของวังสวรรค์หัวเราะเย้ยหยัน “ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนเขาจะไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณพรหมลิขิต!”

ฟางหยวนมองบุคคลที่กล่าวเรื่องนี้จากภายในเปลวเพลิง เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้น“ข้าไม่มีแต่บางคนที่อยู่ในสนามรบแห่งนี้มี!”

“ผู้ใด?” ผู้อมตะทั้งหมดมีคําถามนี้อยู่ในใจ

“ค้นหาคนผู้นั้นและฆ่ามัน!” ผู้อมตะของวังสวรรค์บางคนกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ค้นหาคนผู้นั้นและปกป้องเขา!” ผู้อมตะของสามภูมิภาคตัดสินใจ

ฟางหยวนเงียบและมองไปที่ฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อมองเขาเช่นกัน

ทั้งสองมองหน้ากันราวกับการต่อสู้อยู่ห่างไกลจากพวกเขา

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึกและค่อยๆปิดเปลือกตาลง

ต่อมาเขาก็เปิดปากร้องเพลง

เพลงพรหมลิขิตดังไปทั่วสนามรบ

“ฟงจิวเก้อโจมตีอีกครั้ง!”

“ไปฆ่าฟางหยวน ทําลายเจตจํานงของมนุษย์!”

“กําจัดเจตจํานงของมนุษย์ก่อน ฟางหยวนเป็นเรื่องรอง!”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตะโกนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นแต่ในวินาทีต่อมาพวกเขากลับกรีดร้องด้วยความตกใจ

พวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพลงพรหมลิขิต แต่ผู้อมตะของสามภูมิภาคกลับแข็งแกร่งขึ้น

“ฟงจิวเก้อ เจ้ากําลังทําสิ่งใด?” ราชันมังกรโกรธและตกใจมาก

“ท่านพ่อ!” เสียงของฟงจินฮวงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ฟงจิวเก้อ เหตุใดจึงทําเช่นนี้? เจ้าทรยศวังสวรรค์! กล้าดีอย่างไรถึงทําเช่นนี้!”ฉินติงหลิงกรีดร้องเสียงแหลมนางโกรธมากเพราะนางเป็นผู้มอบวิญญาณอมตะตอบสนองโชคให้กับฟงจิวเก้อ

แต่ฟงจิวเก้อกลับตอบแทนนางเช่นนี้

อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อยังสงบ เขาไม่หยุดร้องเพลง

เขาทรยศวังสวรรค์และร่วมมือกับฟางหยวนโดยปราศจากความลังเล