บทที่ 1963 มรดกสําหรับฟงจิวเก้อ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เพลงพรหมลิขิตดังไปทั่วสนามรบ แต่ในขณะนี้คู่ต่อสู้ของฟงจิวเก้อคือวังสวรรค์

โดยไม่คํานึงถึงความตกใจและความสับสนของทั้งสองฝ่าย ฟงจิวเก้อหมกมุ่นอยู่กับการร้องเพลงขณะเดียวกันความทรงจําก็ผุดขึ้นในใจของเขา

ระหว่างการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งที่สอง

ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะแยกฟังจิวเก้อและเฉินอออกจากกัน

ฟงจิวเก้อเผชิญหน้ากับฟางหยวนเพียงลําพัง

“วิญญาณของข้าหายไปอย่างลึกลับ เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือวิธีบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมฟางหยวนมีท่าไม้ตายหรือค่ายกลวิญญาณที่สามารถทําสิ่งนึ่งั้นหรือ?”ฟงจิวเก้อตกตะลึง

เนื่องจากฟางหยวนมีวิธีขโมยวิญญาณ ฟงจิวเก้อจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

เมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณของเขาถูกขโมยไปทีละดวง ท่ามกลางพวกมันมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงหลายดวง

พลังการต่อสู้ของฟงจิวเก้อตกลงอย่างมาก เขาต้องการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อหลบหนี

แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับใช้วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ

ฟงจิวเก้อล้มเหลวในการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!

หลังจากนั้นฟางหยวนก็ขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะมาจากฟงจิวเก้อ

หัวใจของฟงจิวเก้อจมดิ่งลง เขารู้ว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง

อย่างไรก็ตามเขากลับได้รับการถ่ายทอดเสียงอย่างลับๆจากฟางหยวน “ฟงจิวเก้อข้าจะไม่ฆ่าเจ้าข้าจะไม่ขโมยวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาของเจ้า เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแต่เจ้ากับวังสวรรค์ก็ไม่ได้มีความเชื่อที่สอดคล้องเช่นกันเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของเจ้า เจ้าต้องการสิ่งใดข้าขอถามเจ้า เจ้าเริ่มเข้าใจเพลงพรหมลิขิตหรือยัง?”

แรกเริ่มฟงจิวเก้อคิดว่านี่เป็นกับดักของฟางหยวนที่ต้องการทําลายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาแต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกมึนงง

ฟางหยวนชะลอการโจมตีและหยุดบังคับเขา

สิ่งนี้ทําให้ฟงจิวเก้อคิดโดยไม่สมัครใจ

“ฟางหยวนหมายความว่าอย่างไร?

เขารู้ว่าข้ามีวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตา เขารับมือการบุกโจมตีของเราได้ดีมากเขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอนี่หมายความว่าเขาใช้วิญญาณกาลเวลากลับมาเกิดใหม่แล้วงั้นหรือ?”

“หากเขาเกิดใหม่จริง เกิดสิ่งใดขึ้นในชีวิตก่อนหน้า? จากคํากล่าวของเขาดูเหมือนข้าจะแยกทางกับวังสวรรค์งั้นหรือ?”

ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง “โอ้ ฟงจิวเก้อ ข้ารู้ว่าเจ้าเต็มไปด้วยคําถามและข้อสงสัยอย่ากังวลเมื่อเวลาผ่านไปเจ้าจะเข้าใจว่าข้าหมายถึงสิ่งใดต่อไปข้าจะเปิดค่ายกลและทําให้เฉินอี้เข้าใจผิดว่าเขาสามารถทําลายมันข้าแน่ใจว่าเขาจะเคลื่อนย้ายเจ้าออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฮ่าฮ่าฮ่าเราจะพบกันอีกครั้งฟงจิวเก้อ”

“ฟางหยวน อธิบายมาให้ชัดเจน!” ฟงจิวเก้อตะโกนถาม

แต่ในวินาทีต่อมา ค่ายกลวิญญาณอมตะกลับระเบิดขึ้น พื้นที่ที่ถูกแยกออกเชื่อมต่อกันอีกครั้ง

เฉินอี้เห็นฟงจิวเก้อตกอยู่ในอันตรายและรีบตะโกน “อดทนไว้ ข้ามาแล้ว!”

“ระวัง ศัตรูมีวิธีขโมยวิญญาณ!” ฟงจิวเก้อลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบอกข้อมูลสําคัญกับเฉินอี้

ระหว่าการต่อสู้ ฟางหยวนโจมตีอย่างรุนแรง เขาทําให้ฟงจิวเก้อได้รับบาดเจ็บสาหัสเกราะโชคชะตาถูกกระตุ้นใช้งาน

เพื่อช่วยฟงจิวเก้อ เฉินอี้ต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรม

ฟงจิวเก้อตกใจ “ฟางหหยวนพูดถูก เฉินอี้มีวิธีส่งข้าออกไปจริงๆ!”

“ฟงจิวเก้อ ครั้งนี้เจ้าหนีรอดไปได้ แต่ครั้งหน้าจะต่างออกไป” ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ

ประโยคนี้มีความหมายแตกต่างออกไปเมื่อผู้รับสารคือฟงจิวเก้อ

วังสวรรค์พ่ายแพ้ในการต่อสู้เพื่อยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ ฟงจิวเก้อต้องพิจารณาคํากล่าวของฟางหยวนอย่างจริงจัง

“เขาสามารถฆ่าข้าแต่เขากลับไว้ชีวิตข้า เพราะเหตุใด?

“ฟางหยวนเป็นปีศาจที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม เขาสนใจเพียงผลประโยชน์เขาปล่อยข้าเพราะเหตุผลเดียว นั่นคือข้าสามารถช่วยเขาในอนาคต

“แต่ข้าเป็นสมาชิกของภาคกลาง ข้าเป็นสมาชิกในอนาคตของวังสวรรค์ข้าเป็นผู้พิทักษ์เต่ของลูกสาวของข้าเอง อย่าบอกว่า…จะมีความขัดแย้งระหว่างข้ากับวังสวรรค์?”

“หากฟางหยวนเกิดใหม่ นั่นหมายความว่าในชีวิตก่อนหน้า ข้าต่อต้านวังสวรรค์และเป็นพันธมิตรกับเขางั้นหรือ?”

ฟงจิวเก้อไม่ได้แจ้งความกังวลของเขากับเทพธิดาจื่อเว่ย

สิ่งที่กระตุ้นเขามากที่สุดคือเพลงพรหมลิขิตที่ฟางหยวนกล่าวถึง

“เพลงพรหมลิขิต…” ฟงจิวเก้อเกิดแรงบันดาลใจที่คลุมเครือ แต่มันเบาบางเกินไปเขายังไม่สามารถคว้ามันไว้ได้
แต่เขารู้ว่านี่คือทิศทางที่เขาจะมุ่งไป

เขาส่ารวจมันและได้รับความเข้าใจบางอย่างในไม่ช้า

กระทั่งวันหนึ่งเขาเห็นแผ่นหนังเปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่งความเข้าใจของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

ฟงจิวเก้อตื่นเต้นมาก เขายิ้ม “ดูเหมือนเพลงต่อไปของข้าจะเป็นเพลงพรหมลิขิต!”

ในการต่อสู้ที่สายธารแห่งกาลเวลา

ฟางหยวนกับฟงจิวเก้อพบกันอีกครั้ง

“การสร้างสรรค์เพลงพรหมลิขิตเป็นอย่างไรบ้าง?” พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนพื้นผิวแต่ฟางหยวนลอบส่งเสียงไปหาฟงจิวเก้ออย่างลับๆ

ฟงจิวเก้อตอบ “ฟางหยวน เจ้ารู้สิ่งใด?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า มาที่สายธารแห่งกาลเวลาให้บ่อยขึ้น เจ้าจะตระหนักว่าการอยู่ที่นี่จะช่วยให้เจ้าเข้า ใจและสามารถสร้างเพลงพรหมลิขิตแต่สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดคือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง”ฟางหยวนกล่าว

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด?” ฟงจิวเก้อถาม

“ตามการอนุมานของข้า เทพปีศาจบัวแดงทิ้งมรดกที่แท้จริงของเขาไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะมันจะช่วยเจ้าได้มาก”ฟางหยวนกล่าว

ฟงจิวเก้อลังเลก่อนตอบ “ข้าจะไม่ติดหนี้บุญคุณเจ้าในครั้งนี้ ข้าจะชําระคืนให้เจ้าด้วยการบอกข้อมูลบางอย่างแก่เจ้า ในหอเย็บปักถักร้อยมีแผ่นหนังเปื้อนเลือดที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่งมันคือมรดกที่แท้จริงของเขากุญแจที่จะทําให้ได้รับมรดกที่แท้จริงนี้คือวิญญาณทัศนคติวิญญาณกลายพันธุ์และวิญญาณปรับตัว”

“โอ้!?” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เขาไม่คิดว่าฟงจิวเก้อจะโกหก สิ่งของที่อยู่ในวังสวรรค์ไม่จําเป็นต้องโกหกย้อนกลับไปเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตจากลมมรณะฟงจิวเก้อช่วยปิดกั้นวหยงเพื่อเปิดโอกาสให้ฟางหยวนหลบหนี ครั้งนี้ก็เช่นกันฟงจิวเก้อเปิดเผยความลับเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเพื่อตอบแทนบุญคุณนี่คือธรรมชาติของฟงจิวเก้อ

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฟางหยวนยังปล่อยเขาไปอีกครั้ง นี่เป็นสาเหตุที่ฟงจิวเก้อรอดชีวิตมาได้

เมื่อการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเริ่มขึ้น สนามรบหลายแห่งเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้อมตะ

ในช่วงเวลาสําคัญเช่นนี้ ฟงจิวเก้อกลับเลือกที่จะไปยังสายธารแห่งกาลเวลา

“นั่น…เกาะบัวหิน?” หัวใจของฟงจิวเก้อสั่นสะท้านขึ้น เกาะบัวหินปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาตามที่ฟางหยวนทํานายเอาไว้จริงๆ

เขาพบเจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดง

เทพปีศาจบัวแดงยิ้ม “ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ ฟงจิวเก้อ นี่คือมรดกที่แท้จริงที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ

ฟงจิวเก้อขมวดคิ้ว “ไม่ว่าท่านจะมอบสิ่งใดให้ข้า มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนจุดยืนของข้า”

เทพปีศาจบัวแดงสายศีรษะ “ข้าไม่เคยคิดที่จะติดสินบนเจ้าทางเลือกเป็นของเจ้า เจ้าสามารถตัดสินใจด้วยตนเองข้าเพียงรู้สึกว่ามรดกนี้ควรเป็นของเจ้าแน่นอนว่าเจ้าสามารถปฏิเสธที่จะรับมัน แม่เจ้าจะปฏิเสธและทําลายมันข้าก็จะไม่หยุดเจ้า”

ฟงจิวเก้อเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง หลังจากพิจารณา เขาตัดสินใจรับมรดกเขาได้รับความทรงจ่าส่วนหนึ่งของเทพปีศาจบัวแดงเช่นกัน

เทพปีศาจบัวแดงเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเก้า

พลังอานาจของภัยพิบัติทําให้ฟงจิวเก้อตกใจและหวาดกลัวมาก

หลังจากภัยพิบัติสิ้นสุดลง ผู้อมตะของวังสวรรค์เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวสิ่งที่ทําให้เทพปีศาจบัวแดงเจ็บปวดที่สุดคือภรรยาของเขาหลิวซูเซียนเสียชีวิต

นี่คือหญิงที่เขารักมากที่สุด

“อย่าทิ้งข้า เซียนเอ๋อ!” เทพปีศาจบัวแดงกอดหลิวซูเซียนและร้องไห้

หลิวซูเซียนยิ้ม “ไม่มีประโยชน์ ข้าถูกโจมตีโดยภัยพิบัติ แต่ข้าสามารถมองดูเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายนี่ถือเป็นโชคลาภมหาศาลของข้าแล้วข้าจะไม่ขอสิ่งใดอีก”

“ข้าช่างไร้ประโยชน์นัก ข้าสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติแต่กลับไม่สามารถปกป้องเจ้า”เทพปีศาจบัวแดงก้มศีรษะลงพร้อมกับน้ําตาที่ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสอง

“ไม่ หงถึง ข้าเกิดมาพร้อมกับหนึ่งในสิบสุดยอดกายา ข้าสามารถใช้ร่างกายนี้สกัดกั้นภัยพิบัติให้เจ้านี่คือชะตากรรมของข้าการปกป้องเจ้าและช่วยให้เจ้ากลายเป็นเทพอมตะคือความหมายในการมีชีวิตอยู่ของข้าตอนนี้…ข้าทําสําเร็จแล้ว”

“ไม่ ไม่ เซียนเอ่อ ข้าไม่ต้องการเป็นเทพอมตะ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่!” หงถึงคํารามด้วยร่างกายสันเทา

“ทุกสิ่งและทุกคนบนโลกใบนี้มีชะตากรรมของมันเอง มันถูกกําหนดไว้แล้วไหงถึงเจ้าไม่ควรคิดเช่นนั้นเจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมชะตากรรมของเจ้าคือการเป็นเทพอมตะและนวังสวรรค์สู่ความรุ่งโรจน์เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยากเห็นฉากนั้นมาตลอดฉากที่ข้ายืนเคียงข้างเจ้าและติดตามเจ้าไปทุกหนทุกแห่งขณะที่เจ้านําโชคลาภมาสู่โลกใบนี้ด้วยพลังอานาจอันเป็นที่สุดโชคร้ายที่ข้าไม่สามารถมองเห็นมัน…”

หลิวซูเซียนเสียชีวิตไปในลักษณะนั้น

เทพปีศาจบัวแดงก้มศีรษะลง แผ่นหลังของเขาโค้งงอราวกับคนแก่เงาดําปกคลุมใบหน้าของเขา

เขาดูเหมือนคนที่สูญเสียจิตวิญญาณ

ความโศกเศร้าทําให้เขารู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

วิญญาณความเสียใจก่อตัวขึ้นในมิติช่องว่างของเทพปีศาจบัวแดง เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยเหตุนี้เขาจึงหันหลังให้กับราชันมังกรและวังสวรรค์

เขาตัดสินใจเดินไปในทิศทางตรงข้าม!

วิญญาณกาลเวลาทําให้เทพปีศาจบัวแดงกําเนิดใหม่นับร้อยครั้ง

ภัยพิบัติสิ้นสุดลง ครั้งนี้แม้หลิวซเซียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางยังมีลมหายใจเหลืออยู่

“เซียนเอ่อ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เยี่ยมมาก!” เทพปีศาจบัวแดงมีความสุข

“พรวด!”

แต่หลิวซูเซียนกลับกระอักเลือดออกมาและเสียชีวิตทันที

“เซียนเอ่อ!” เทพปีศาจบัวแดงตกตะลึง เขามองศพของหลิวซูเซียนด้วยความงุนงงขณะที่ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ข้ายังทําได้ ข้ายังมีความหวัง ตราบเท่าที่ข้าทํางานหนัก ข้าจะแข็งแกร่งพอที่จะช่วยชีวิตเซียนเอ๋อ!”เขาพึมพํากับตนเอง

เขายังเกิดใหม่ซ้ำๆ

ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเกิดใหม่ เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาสามารถรับมือสถานการณ์ได้ดีขึ้นเขามีประสบการณ์และทรัพยากรมากมาย

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เดิมยังเกิดขึ้นซ้ำๆอย่างไม่รู้จบสิ้น

ภัยพิบัติเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเทพปีศาจบัวแดงแต่ผลลัพธ์ของมันไม่เคยเปลี่ยน

ผู้อมตะที่ควรตายยังคงตกตายรวมถึงหลิวซูเซียน

เทพปีศาจบัวแดงพยายามต่อไปโดยไม่ย่อท้อ สิบครั้ง ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง!

เขาวิเคราะห์ คํานวณ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนถึงขีดสุด

“เซี่ยนเอ๋อ!” เทพปีศาจบัวแดงกอดหลิวซูเซียนอีกครั้ง

หลิวซูเซียนไม่มีแรงพูด นางยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเทพปีศาจบัวแดงแต่ไม่สําเร็จ แขน ของนางตกลงบนพื้นทางกลาง

“เซี่ยนเอ๋อ!” เทพปีศาจบัวแดงตะโกนด้วยความโกรธ เขามองหลิวซูเซียนถูกทําให้เป็นเถ้า ถ่านท่ามกลางภัยพิบัติ

“เซียนเอ๋อ!” เทพปีศาจบัวแดงมองหลิวซูเซียวนที่ได้รับพิษร้ายแรงขณะที่ฝีเท้าของเขาช้าลง

ร่างกายของนางเปลี่ยนเป็นสีม่วง เลือดพิษไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของนาง นางเผยรอย ยิ้มขมขึ้น “หงถึง อย่าเสียใจเพราะข้า การเสียสละทั้งหมดมีค่า เจ้าต้องกลายเป็นเทพอมตะและ นําวงสวรรค์สู่ความรุ่งโรจน์

นี้เป็นคํากล่าวสุดท้ายของนาง

เทพปีศาจบัวแดงหยุดเดิน เขามองบ่อเลือดพิษที่เกิดจากศพของหลิวซูเซียนและกัดฟันแน่น “นางตายอีกครั้ง! ข้าต้องทํางานให้หนักขึ้น!”

“เซียนเอ่อ!” หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติ เทพปีศาจบัวแดงบินเข้าไปหาหลิวซูเซียน

หลิวซูเซียนส่ายศีรษะ “ข้ากําลังจะตาย ข้าไม่สามารถร่วมทางกับเจ้าได้อีกต่อไป ที่รักของข้า”

“ข้าขอตรวจสอบก่อน!” เทพปีศาจบัวแดงไม่ยอมแพ้

“ข้ารู้สภาพของตัวเอง ฟังข้า ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ข้าอยากบอกเจ้าว่า…” หลิวซูเซียน หยุดพูดกลางคัน

เทพปีศาจบัวแดงไม่ฟังนาง เขาจดจ่ออยู่กับการตรวจร่างกายของนาง

ผลลัพธ์คือไม่สามารถช่วยเหลือ เมื่อถึงเวลาที่เทพปีศาจบัวแดงตอบสนอง หลิวซูเซียนก็ตาย ในอ้อมแขนของเขาไปแล้ว

“มันต้องมีสักทาง ข้าจะพัฒนาต่อไป!” เทพปีศาจบัวแดงเตือนตัวเอง

แต่ควาพยายามของเขายังล้มเหลว

ไม่ว่าเทพปีศาจบัวแดงจะใช้วิธีใดกระทั่งเขาจะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ หลิวซูเซียนก็ยังตาย

ฟงจิวเก้อมองความล้มเหลวของเทพปีศาจบังแดงและรู้สึกถึงความโศกเศร้าที่สะสมอยู่ในหัวใจของเขา

เขามองเทพปีศาจบัวแดงกรีดร้อง เขามองเทพปีศาจบัวแดงกระวนกระวาย เขามองเทพปีศาจบัวแดงกัดฟันเขามองเทพปีศาจบัวแดงจากไปด้วยความโกรธเขามองเทพปีศาจบัวแดงเกิดใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ทุกครั้งเทพปีศาจบัวแดงเต็มไปด้วยความหวังแต่กลับจบลงด้วยความผิดหวัง

เทพปีศาจบัวแดงเกิดใหม่และพบกับเรื่องเดิมซ้ำๆ มันเหมือนกับมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก

แม้ฟงจิวเก้อจะรู้สึกชื่นชมและเห็นใจเทพปีศาจบัวแดงอย่างลึกซึ้ง แต่เขาเตือนตัวเองให้ควบคุมอารมณ์ของตน นี่อาจเป็นวิธีโน้มน้าวใจของเทพปีศาจบัวแดง

ในเวลาต่อมา เทพปีศาจบัวแดงเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผลมากขึ้นในช่วงเวลาสุดท้ายประสิทธิภาพของเทพปีศาจบัวแดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นว่าไม่สามารถช่วยชีวิตหลิวซูเซียนเขาจะเกิดใหม่ทันที

ในความพยายามครั้งหนึ่ง หลิวซูเซียนล้มลงบนพื้น กระดูกทั่วร่างของนางแตกหักนางนอนอยู่บนพื้นด้วยลมหายใจสุดท้าย

เทพปีศาจบัวแดงรีบเข้าไปหานาง

“หงถึง…ข้ากําลังจะตาย เจ้าต้อง…” หลิวซูเซียนมองเทพปีศาจบัวแดงที่พุ่งเข้ามาหานาง

เทพปีศาจบัวแดงมองนางด้วยใบหน้าเย็นชา “ไม่มีทางช่วยนางได้ ข้าล้มเหลวอีกครั้งแต่ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ยอมแพ้ ข้าจะพยายามอีกครั้ง”

หลิวซูเซียนตกใจมาก “หงถึง เจ้ากําลังกล่าวสิ่งใด?”

เทพปีศาจบัวแดงหันหลังกลับและจากไปขณะที่หลิวซูเซียนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเรียกเขาด้วยลมหายใจสุดท้าย “หงถึง…”

เทพปีศาจบัวแดงเคลื่อนไหวเร็วมากในตอนแรก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงที่สิ้นหวังของหลิวซเซียนฝีเท้าของเขาเริ่มช้าก่อนจะหยุดลง
เขามองลงไปที่มือทั้งสองของข้าตน

ท่ามกลางความเงียบสงัด เทพปีศาจบัวแดงเบิกตากว้าง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาตระหนักถึงการกระทําของตนเอง สิ่งนี้ทําให้เขาตกใจและหวาดกลัวมาก