อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1005 ประชันพวกเยอะ
“อะไรนะ…เป็นเจ้ากระทิงโง่ตัวนี้อีกแล้ว เจ้าพวกงี่เง่าที่ล้อมโจมตีวิทยาลัยอี้เหอพวกนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ยังแล้วไปเถอะ ตอนนี้กลับกล้ามุ่งมาทางนายหญิงของข้าอีก เห็นข้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รังแกง่ายอย่างนั้นหรือ?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลื้อยลงมาทันที อสรพิษเท่าตะเกียบขยายตัวด้วยความเร็วที่เนื้อตามองเห็น

หัวนั้นจากหนึ่งกลายเป็นสาม จากสามเป็นห้า จากห้าเป็นเจ็ด จากเจ็ดเป็นเก้า…

สุดท้ายก็มีเก้าหัวเต็มๆ

มันไม่ใช่งูตัวเล็กกะทัดรัด แต่เป็นงูตัวมหึมายาวร่วมร้อยเมตร

เหล่ากระทิงไฟเขาเพลิงทั้งหลายต่างสูดปาก “เจ้าคือราชางูเก้าหัวมรกต ราชันแห่งมวลอสรพิษ ราชางูที่บรรลุระดับเจ็ดได้อย่างง่ายดายตามคำร่ำลือ…”

ท่ามกลางหมู่มวลอสรพิษ สายเลือดของราชางูเก้าหัวมรกตบริสุทธิ์ที่สุด มีฐานะสูงส่งในสรรพสัตว์ ห่างจากพวกมันลิบลับ

ไม่ใช่ว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปนานแล้วหรือ?

ทำไมโลกนี้ยังมีราชางูเก้าหัวมรกตอีกล่ะ?

ที่สำคัญที่สุด มันกับพยัคฆ์ขาวต่างเรียกผู้หญิงคนนั้นว่านายหญิง?

นางมีฝีมือแค่ระดับสอง มีสิทธิ์อะไรเป็นนายของพวกเขา

ไม่รอให้ตระหนกตกใจเสร็จ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เหลือบไปมองฝูงกระทิงที่ดาหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หัวเราะเยาะทีหนึ่ง

“อยากประลองความน่าเกรงขาม? ข้ากลัวเจ้าหรืออย่างไร?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงซี่ๆ สองสามหน

และไม่ทราบว่ามันกำลังส่งสารหรือกล่าวอะไร

เมื่อนั้นก็มีฝูงงูแน่นขนัดในจุดไกลๆ พวยพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

งูเหล่านี้มีสารพันชนิด งูมีพิษ ไม่มีพิษ งูน้ำอะไรก็มาแน่นเอี๊ยด

กู้ชูหน่วนกล้าสาบานได้เลย

นางไม่เคยพบไม่เคยเห็นงูจำนวนมหาศาลขนาดนี้มาก่อน

แถมสายพันธุ์ยัง…มากมายหลายหลาก

ครั้นมองงูเหล่านี้อีกหน ก็ไม่ทราบว่ามุดออกมาจากที่ไหน แย่งกันเลื้อยมาข้างหน้าอย่างกลัวจะรั้งท้าย อัดแน่นเต็มไปหมด ชวนให้คนขนลุกขนพอง กระทั่งโรคกลัวความเยอะยังต้องกำเริบ

เหล่าฝูงกระทิงเพิ่งรุดหน้ามา กำลังคิดจะรอคำสั่งจากราชากระทิงไฟให้เหยียบคนเบื้องหน้าให้ตาย

แต่เมื่อเห็นฝูงงูจำนวนมากล้อมพวกมันแล้ว ก็อดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ กลัวจะถูกฝูงงูกัดตาย

แต่จวบจนบัดนี้พวกมันยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงเขาของราชาตนหายไปหนึ่งข้าง…

เจ้าเสือน้อยตกใจจนลูกตาแทบถลน

ยกกรงเล็บกดไลก์ให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กล่าวอย่างได้ใจ

“นี่นับเป็นอะไร ถ้าอยู่ในแคว้นเย่ สหายงูของข้ายังมีมากกว่านี้อีก”

“เจ้ากระทิงโง่ใหญ่ เป็นอย่างไร พวกเราจะเอาให้ตายไปข้างเลยไหม?” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กล่าวซี่ๆ

นี่คือสนามพิลึกพิลั่นหนึ่ง

กู้ชูหน่วนกับกระทิงไฟเก้าเขาหยั่งเชิงกัน

ฝูงกระทิงล้อมพวกเขา

ส่วนฝูงงูก็ล้อมฝูงกระทิงอีกที

คนละสัตว์ต่างกำลังรอคำสั่ง

กระทิงไฟเก้าเขากลืนน้ำลายลงอึก มีความครั่นคร้ามอยู่ในดวงตาประมาณหนึ่ง

ลูกหลานของมันจะเก่งกาจเพียงใด แต่ก็สู้งูพิษที่มีพิษร้ายเหล่านี้ไม่ได้

หากต่อสู้กันจริงๆ พวกเขาต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ฝูงกระทิงมากมายกำลังมองอยู่ มันจะก้มหัวให้ก็ไม่ได้อีก

กู้ชูหน่วนมองออกถึงความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมัน ดังนั้นจึงสร้างบรรยากาศสมานฉันท์ก่อน

“ก็แค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น ต้องยกพลมาให้เอิกเกริกด้วยหรือ? เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าให้สหายงูของเจ้าถอยไปก่อน ข้าหยอกล้อเจ้ากระทิงโง่น้อยเล่นน่ะ”

“พวกเรา…พวกเรากำลังประลองฝีมือเพื่อการศึกษา ตอนนี้ก็ศึกษาเสร็จแล้ว พวกเจ้ามองอะไรกัน! เขาของข้าเป็นข้าไม่ระวังชนหักเอง”

กู้ชูหน่วนขำพรืด

เหตุผลนี้จะแย่เกินไปแล้วกระมัง

“นายหญิง จะให้พวกมันถอยจริงหรือ?”

“ถอยเถอะ เจ้าดูเจ้ากระทิงโง่น้อยนั่นตกใจสิ”

“ก็ได้ พวกเจ้ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้น คราวหน้าหากมีความจำเป็นข้าจะเรียกพวกเจ้าใหม่”

ซี่ๆๆ…

ฝูงงูต่างพ่นถ้อยคำภาษา ก็ไม่ทราบว่ากำลังสนทนาอะไรกันอยู่ ถลึงตาใส่กระทิงไฟเก้าเขาด้วยความมาดร้าย ราวกับขอเพียงต่อไปกล้ารังแกสหายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ พวกมันจะไม่เกรงใจเป็นอันขาด

ฝูงงูแน่นขนัดสลายตัวไปแล้ว เมื่อนั้นกระทิงไฟจึงโล่งอก

ส่วนมันก็ให้ฝูงกระทิงของตัวเองแยกย้ายด้วยเหมือนกัน เหลือเพียงกระทิงน้องรองกับน้องสามสองตัว

“เจ้าอย่าเรียกข้าว่าเจ้ากระทิงโง่น้อยต่อหน้าธารกำนัลได้ไหม”

“ไม่อย่างนั้นจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรเล่า? เจ้ากระทิงโง่ใหญ่?”

“ข้าเป็นถึงราชากระทิงเชียวนะ”

กู้ชูหน่วนถลกแขนเสื้อ หมัดกำจนลั่นเป็นเสียงกรอบแกรบ ราวกับยังอยากปะทะฝีมือ

“ดูท่าเจ้าคงลืมไปแล้วว่ารสชาติเขากระทิงถูกหักเป็นอย่างไร”

“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร?”