บทที่ 1006 ข้าก็อยากเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1006 ข้าก็อยากเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้า
“เจ้าว่าอย่างไรเล่า”

“พวกเจ้าพวกเยอะ จะรังแกข้าพวกน้อยหรือ?”

กู้ชูหน่วนเหล่มองฝูงกระทิงในจุดไกลๆ เยาะหยันทีหนึ่ง “เจ้าพวกน้อย?”

“จะบอกให้นะ ข้าจะไม่เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรอก ต่อให้ตายก็ไม่ยอม”

“เจ้าอยากเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า? คุณสมบัติยังไม่พอนะ” กู้ชูหน่วนมอบตาขาวให้มัน

กระทิงไฟเก้าเขาอึ้ง “ที่เจ้าหาเรื่องหาเรื่องไม่หยุดก็มิใช่เพราะต้องการสยบข้าหรอกหรือ?”

“เป็นเจ้าที่ข้าหาเรื่องข้าหรือเป็นข้าที่หาเรื่องเจ้า? ฝ่ายที่หาเรื่องก่อนเหมือนว่าจะเป็นพวกเจ้ากระมัง?”

“นักฝึกสัตว์ของพวกเจ้ามนุษย์เอะอะก็อยากสยบพวกเรา ให้พวกเราเป็นทาสสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า พี่น้องเราตั้งเท่าไรถูกพวกเจ้าทำพันธสัญญาด้วย”

“อย่าร้อนรนไปเลย ขนาดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังไม่เข้าตาข้าเลย ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็หน้าเสีย

นานเช่นนี้แล้ว ทำไมนายหญิงยังเย็นชากับมันขนาดนี้อีกเล่า?

มันรู้ว่ามันจะห่างจากนายหญิงนานเกินไปไม่ได้ มิเช่นนั้นความสัมพันธ์จะจืดจาง

เซียวหยู่เซวียนสังเกตกู้ชูหน่วนกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตลอดเวลา

เห็นกู้ชูหน่วนหยิบยามากมายขนาดนั้นออกมา ต่อให้เขาโง่งมอย่างไรก็ทราบว่ากู้ชูหน่วนน่าจะหลอมยาเป็น มิเช่นนั้นยามากมายขนาดนี้ นางจะได้มาได้อย่างไร?

ยัยขี้เหร่หลอมยาเป็น

นางก็หลอมยาเป็น?

เป็นเพราะยัยขี้เหร่มีทักษะนี้ นางจึงมีด้วยอย่างนั้นหรือ?

ผ่านมาหลายปี พอได้พบเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อีกครั้ง เซียวหยู่เซวียนก็รู้สึกสนิทสนมอย่างบอกไม่ถูก

เขาเรียกทีหนึ่ง “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”

ตอนนี้เองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถึงเห็นเซียวหยู่เซวียนอย่างความรู้สึกช้า

มันพลันเปลี่ยนสีหน้า ร่างงูอ้วนตุ๊ต๊ะคิดปรี่หนีทันที

เซียวหยู่เซวียนคว้าหางงูของมันแบบตาเร็วมือไว

“ไยเห็นข้าก็จะหนีเสียเล่า? ข้าให้ของกินเจ้าน้อยหรือ?”

สามปีก่อน วิญญาณเสี้ยวหนึ่งของยัยขี้เหร่ล่องลอยออกไป

แล้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็จากไปอย่างรวดเร็ว ไปตามหาวิญญาณของยัยขี้เหร่

จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อีก ทว่ามันกลับปรากฏตัวอยู่ที่นี่เวลานี้ ดูท่าเหมือนจะรู้จักกับมู่หน่วนมาก่อนแล้ว

หรือเพราะวิญญาณของยัยขี้เหร่สิงสถิตอยู่ในร่างมู่หน่วน ดังนั้นจึงเรียกนางว่านายหญิง?

“ซี่ๆ…”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงสองสามหน ราวกับไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซียวหยู่เซวียน

มันอยากหนี แต่หางดันถูกอีกฝ่ายจับไว้แน่น

ครั้นจะดิ้นก็กลัวทำร้ายถูกอีกฝ่าย ดังนั้นจึงได้แต่ประจบด้วยใบหน้างูอันต้อยต่ำ กลัวอีกฝ่ายจะถามถึงวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในร่างของมู่หน่วน

เคราะห์ดี เซียวหยู่เซวียนไม่ได้ถามเรื่องพวกนี้กับมัน

“ไม่เจอสามปี เจ้าอ้วนขึ้นอีกแล้วนะ” เซียวหยู่เซวียนเอ่ย

กู้ชูหน่วนย่นคิ้วถาม “เจ้ารู้จักเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์?”

“อือ รู้จัก นี่คืองูจอมตะกละที่ชอบกินหมูย่างตัวหนึ่ง” เซียวหยู่เซวียนวางมันลง

กู้ชูหน่วนหิ้วหางของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้ามีเส้นสายกว้างขวางเหมือนกันนี่ คนที่รู้จักก็มีมาก”

แม้กำลังสนทนาสัพเพเหระ แต่กู้ชูหน่วนกำลังถลึงตาใส่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ความหมายคือให้มันเล่าเรื่องชาติกำเนิดพื้นเพของเซียวหยู่เซวียนออกมาให้หมด

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หน้าละห้อย

ดีชั่วเมื่อครู่มันเพิ่งโอ้อวดศักดาต่อหน้ากระทิงไฟเก้าเขา แต่เวลานี้กลับถูกคนหิ้วห้อยหัวไม่หยุด นับเป็นเรื่องอะไร?

จะขายหน้าไปแล้วกระมัง

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขัดขืน จากนั้นท้องก็ร้องขึ้นอย่างไม่เอาไหน มันน้อยเนื้อต่ำใจมองไปทางกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนโยนมันทิ้งด้วยความรังเกียจ แล้วหยิบขวดยาสองสามใบออกมาจากแหวนมิติ หงุดหงิดเอ่ย “ไม่มีเวลาย่างหมูให้เจ้านะ กินยารองท้องไปก่อน”

เหล่ากระทิงไฟต่างเบิกตาโพลง

ใช้…ใช้ยาระดับสองรองท้อง?

นี่…นี่จะหรูหราไปแล้วกระมัง?

กระทิงไฟเก้าเขาเปลี่ยนทิศทางลมทันที “ลูกพี่ ท่านรับข้าไว้เถอะ ข้าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน ขอเพียงยามท่านอารมณ์ดีมอบยาชั้นดีให้ข้าสองสามเม็ดก็พอ”

กู้ชูหน่วนหวิดจะซวนเซ

เจ้ากระทิงโง่น้อยนี่จะพลิกลิ้นเร็วเกินไปแล้วกระมัง?

“ข้าไม่รับสัตว์เลี้ยง เก็บน้ำลายเจ้าไว้เถอะ”

“เช่นนั้นข้าจะเป็นลูกน้องของท่าน”

“ขออภัย ร่างกายเจ้าใหญ่เกินไป คุณสมบัติไม่ผ่าน”