ตอนที่ 821 อันดับของงานประตูสวรรค์

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 821 อันดับของงานประตูสวรรค์
หลิ่วหมิงที่อยู่กลังร่างเทียนเกอเจินเหรินก็หยุดเท้าทอดสายตามองไปเช่นกัน ในใจคาดเดาได้อยู่เลือนราง แรงกดดันสายนี้เวลานี้เห็นชัดว่าข่มไว้อยู่บ้าง ไม่ได้เผยคมเช่นนั้นเหมือนยามแรก

เป็นอย่างที่คิด เมื่อหลี่ว์เหมิงกับอิ๋นเซ่อสองคนบินจวนเจียนจะถึงสองสามจั้งเบื้องหน้าแสงดาว บุรุษวัยกลางคนหน้าตาเกลี้ยงเกลาอาภรณ์สีเหลืองร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากในแสงดาวระยับระยับ ยืนลอยอยู่กลางอากาศ

ประมุขหอเป๋ยโต่วนั่นเอง

เขาปรากฏตัวออกมาปุบริมฝีปากก็ขมุบขมิบคล้ายกำลังถามไถ่อันใดกับหลี่ว์เหมิงและอิ๋นเซ่ออยู่

ผลสุดท้ายหลังทั้งสองคนทยอยตอบพักหนึ่ง ประมุขหอเป๋ยโต่วถึงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา หลังจากนั้นแสงดาวเจิดจ้าสายหนึ่งก็ฉายออกมาอีกครั้ง หอบหลี่ว์เหมิงกับอิ๋นเซ่อสองคนร่อนลงบนที่ว่างจุดหนึ่งบนยอดเขา

ผู้คนบนยอดเขาเห็นเช่นนี้ก็ทยอยละสายตาออก ไม่กล้ามองผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ผู้นี้ตรงๆ ต่ออีกแม้แต่น้อย

อีกด้านหนึ่งบุรุษชุดเทาจากนิกายยอดบริสุทธิ์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายเทียนเกอเจินเหริน เหนือศีรษะของเขาปรากฏภาพสัญลักษณ์เหมือนหยินหยางขนาดหลายจั้งภาพหนึ่งกำลังหมุนวนเชื่องช้าอยู่กลางอากาศ

เป็นเช่นนี้ไม่ถึงชั่วจิบชาหนึ่งถ้วย หลงเหยียนเฟยกับศิษย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์อีกสี่คนก็พากันมารวมตัวที่เขา

“ท่านประมุข พวกเรากลับมาแล้ว” หลงเหยียนเฟยประสานหมัดเอ่ยกับเทียนเกอเจินเหรินอย่างนอบน้อม

“ครานี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว โคจรปราณดีๆ สักพักก่อน เรื่องอื่นกลับไปค่อยว่ากัน” หลังเทียนเกอเจินเหรินพยักหน้าเบาๆ ก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าจริงจังมองไปหาป้ายยักษ์ค้ำฟ้าแผ่นนั้นนอกแดนลึกลับประตูสวรรค์

แม้งานประตูสวรรค์สิ้นสุดเร็วขึ้น แต่บนป้ายศิลายังคงแสดงลำดับโชคชะตาของทุกคนอย่างชัดเจน เพียงแต่คนที่เข้าไปในแดนมรดกเช่นพวกหลิ่วหมิงไม่ทราบถูกสัตว์ประหลาดสามตัวนั้นใช้เล่ห์กลอันใด แม้ออกมาจากแดนลึกลับแล้ว แต่ชื่อบนป้ายศิลาก็ยังคงหม่นหมองไร้แสง คล้ายตกอยู่ในชั้นจำกัด

อันดับหนึ่งตอนนี้ยังคงเป็นสตรีผมเงินจากหอเป๋ยโต่ว มีโซ่สีทองมากถึงสามเส้น อันดับสองกับอันดับสามกลับเป็นเซียนหงส์ดำกับพี่ชายจากตระกูลมู่หรง ทว่ามีโซ่ทองเพียงครึ่งเส้นเท่านั้น สิบอันดับแรกที่ตามติดมาหลังจากนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคนของสี่ยอดนิกายใหญ่กับแปดตระกูลใหญ่ เพียงแต่นิกายยอดบริสุทธิ์กับนิกายเทียนกงกลับไม่มีสักคน

ถัดไปอีกหลงเหยียนเฟยอยู่ที่ลำดับสิบเจ็ดมีโซ่เงินแปดเส้น ศิษย์คนอื่นที่เหลือส่วนใหญ่ก็อยู่ลำดับที่ยี่สิบกว่า

หากบทสรุปเป็นเช่นนี้จริง ถ้าเช่นนั้นการเดินทางมางานประตูสวรรค์ครั้งนี้ของนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เรียกได้ว่าเสียหน้าหมดสิ้นแล้วจริงๆ

ข้างกายเผิงเยวี่ยกับเยี่ยโจ่งชายหนุ่มรถเงินจากนิกายเทียนกง ยังมีศิษย์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเหลืองของนิกายเทียนกงอีกหลายคนอยู่ด้วย

เบื้องหน้าศิษย์ทั้งหลาย บุรุษวัยกลางคนสวมเสื้อตัวสั้นสีเหลืองสามคนยืนอยู่ สีหน้าไม่ค่อยน่าดูนัก

เห็นชัดว่าอันดับของนิกายในวันนี้ผิดจากที่พวกเขาคาดไว้มาก แต้มโชคชะตาไม่เพียงไม่ถึงสิบอันดับแรก แต่ถึงขั้นต่ำกว่านิกายยอดบริสุทธิ์ที่ไม่เข้าสิบอันดับแรกเหมือนกันอยู่หลายอันดับ จวนเจียนอยู่อันดับที่สิบห้า

“ฮ่าฮ่า! เซวี่ยเยวี่ย เฟิ่งเอ๋อร์ พวกเจ้าสองคนทำได้ดีมาก แม้น้อยกว่าแม่สาวคนนั้นจากหอเป๋ยโต่วอยู่นิดหนึ่ง แต่นับโดยรวมแล้วตระกูลมู่หรงของเราก็ได้ที่หนึ่ง!” อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าชุดดำของตระกูลมู่หรงมองเซียนหงส์ดำกับมู่หรงเซวี่ยเยี่ยพี่ชายของนางเบื้องหน้าแล้วอดไม่ได้ลูบเครายิ้มกว้าง

“ผู้อาวุโสใหญ่ชมเกินไปแล้ว!” มู่หรงเซวี่ยเยวี่ยยิ้มเล็กน้อย

“นี่ต้องขอบคุณที่พี่ใหญ่อยู่ มิเช่นนั้นลำพังข้าตัวคนเดียวคงไร้หนทางเอาโชคชะตามากมายเช่นนี้มา” เซียนหงส์ดำยิ้มน้อยๆ เช่นกัน

เวลานี้เองเสียงครืนครางพักหนึ่งก็พลันดังออกมาจากท้องฟ้า ป้ายศิลาโชคชะตาที่เดิมทีตั้งตระหง่านสูงเทียมเมฆฉับพลันปรากฏอักขระหลากหลายสีสัน ทั้งยังระเบิดดังปังๆ ต่อเนื่องก่อนที่ปราณสีเลือดชั้นหนึ่งจะสลายหายไป

ชื่อของพวกหลิ่วหมิงที่เดิมทีหม่นแสงอย่างผิดปกติอยู่บนป้ายศิลา ทันใดนั้นก็กะพริบระรัว จากนั้นฟื้นคืนสีสันที่หม่นหมองกลับมาอีกครั้ง

“ต่อจากนี้เชิญศิษย์ที่ชื่อถูกผนึกบนป้ายศิลาเดินมาหน้าป้ายศิลานี้ตอนนี้ด้วย” เสวียนอู่ผู้สวมหน้ากากทองแดงฉับพลันลุกขึ้นยืน มองรอบด้านแล้วเอ่ยเสียงดัง

หมู่คนใกล้ๆ วุ่นวายพักหนึ่งในทันใด ทว่าต่อจากนั้นแสงสีม่วงหอบหนึ่งก็ส่องสว่างแล้วปรากฏตัวเบื้องหน้าป้ายศิลา เมื่อแสงสว่างดับลง หลี่ว์เหมิงบุรุษผมม่วงจากหอเป๋ยโต่วก็ปรากฏตัว

“โซ่โชคชะตาบนมือของผู้อื่นตอนออกจากแดนลึกลับประตูสวรรค์ได้หายไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากพวกเจ้าได้รับผลกระทบจากชั้นจำกัด โชคชะตาในโซ่โชคชะตาจึงไม่อาจคำนวณรวมกับบนป้ายศิลาได้ ตอนนี้บีบมันให้แหลกปล่อยโชคชะตาออกมาเป็นใช้ได้” บุรุษหน้ากากทองแดงหมุนตัวมาเอ่ยอธิบายกับบุรุษผมม่วงช้าๆ

หลิ่วหมิงได้ยินก็มองโซ่โชคชะตาในมือทีหนึ่ง จากนั้นเมื่อสบตากับหลัวเทียนเฉิงด้านข้าง ทั้งคู่ก็เผยสีหน้าเข้าใจจางๆ

เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง

นิ้วของบุรุษผมม่วงขยับบีบเบาๆ โซ่น้อยสีเงินบนข้อมือก็พลันแตกกระจาย ไอหมอกสีเทาสายแล้สายเล่าพุ่งออกมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย มุดเข้าไปในป้ายศิลาข้างตัวเขาในคราวเดียว

ชื่อที่เดิมทีหม่นหมองไร้แสงอยู่อันดับที่ยี่สิบกว่าฉับพลันสว่างพรึ่บขึ้นมา โซ่สีเงินที่เดิมทีมีหกเส้นด้านหลังชื่อปรากฏโซ่ทองแดงเส้นแล้วเส้นเล่าออกมาไม่หยุด เมื่อโซ่ทองแดงเต็มสิบเส้นก็พลันเปลี่ยนเป็นโซ่เงินเส้นที่เจ็ด

ไม่นานนัก โซ่เงินสิบเส้นฉับพลันก็หายไปกลายเป็นโซ่ทองเส้นหนึ่งแล้วยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด

หลังเจ็ดแปดลมหายใจ จำนวนโซ่ทองด้านหลังชื่อของบุรุษผมม่วงก็หยุดนิ่งอยู่ที่สามเส้น นอกจาอนี้ยังมีโซ่เงินอีกเก้าเส้น ชื่อของเขากะพริบวูบหนึ่งก็กระโดดไปครองอันดับที่หนึ่งทันที!

เห็นภาพเช่นนี้ผู้คนที่นั่นก็ล้วนตกตะลึงในทันใด เรื่องนี้ชักนำให้ผู้คนถกเถียงกันฮือฮาพักหนึ่ง เสียงกระซิบกระซาบดังลอยมาเป็นระลอกๆ

“พวกเจ้าสองคนก็ไปด้วยเถอะ” เทียนเกอเจินเหรินเห็นลำดับที่เปลี่ยนแปลงไป บนหน้าก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย หันกลับมาเอ่ยกับทั้งสองคนช้าๆ ทันที

“ทราบ ท่านประมุข” พวกหลิ่วหมิงได้ยินก็ประสานมือเอ่ยตอบเป็นเสียงเดียว

ในเวลาเดียวกันนี้ คนสิบกว่าคนเช่นเผิงเยวี่ยกับชายหนุ่มรถเงิน พี่น้องโอวหยางเป็นต้นที่ก่อนหน้านี้เข้าไปยังแดนมรดกของผู้เฒ่าหลัวก็พากันขยับร่าง มารวมตัวกันเบื้องหน้าป้ายศิลา

หลังบุรุษผมม่วงเดินไปด้านข้าง เผิงเยวี่ยแห่งนิกายเทียนกงก็ก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาบีบโซ่โชคชะตาบนข้อมือทีเดียวแหลก ไอหมอกสีเทาสายแล้วสายเล่าทะลักออกมามุดเข้าไปในป้ายศิลา ลำดับของเขาที่เดิมทีอยู่อันดับที่สามสิบกว่าฉับพลันกลายมาเป็นอันดับที่สิบห้า

ต่อจากนั้นชายหนุ่มรถเงินจากนิกายเทียนคงก็บีบโซ่โชคชะตาบ้าง อันดับของเขาจากเดิมอันดับที่สิบหกฉับพลันก็กระโดดมาถึงอันดับที่สาม มีโซ่สีทองเพิ่มขึ้นมาถึงสองเส้น แซงหน้ามู่หรงเซวี่ยเยวี่ย มาอยู่หลังสตรีหอเป๋ยโต่ว

เมื่อเห็นว่าในสามคนที่ก้าวออกมา มีถึงสองคนแซงพี่น้องเซียนหงส์ดำได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เฒ่าชุดดำแห่งตระกูลมู่หรงก็ชะงักค้างในทันใด หางตากระตุกเล็กน้อย สีหน้าไม่น่าดูเท่าไรแล้ว

มู่หรงเซวี่ยเหยี่ยแค่นเสียงหยันคำหนึ่ง สายตาก็ทะมึนลงเช่นเดียวกัน

บุรุษวัยกลางคนสามคนที่นำคณะของนิกายเทียนกงมา สีหน้ากังวลบนใบหน้ากลับเปลี่ยนกลายเป็นสีหน้ายินดีในทันที

หลังจากนั้นสองพี่น้องโอวหยางเชี่ยน โอวหยางฉิน เซวียผานกับบุรุษหน้าเหยี่ยวจากหุบเขาปีศาจสวรรค์ หลงเซวียนชายหนุ่มอัปลักษ์ผู้นั้นจากนิกายปีศาจลี้ลับก็ก้าวขึ้นมาทยอยบีบโซ่โชคชะตาทีละคนๆ ไอสีเทาสายแล้วสายเล่าลอยออกมาจมเข้าไปกลางป้ายศิลาทันที ชื่อบนป้ายศิลาเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วไว พวกเขาส่วนใหญ่เข้าไปอยู่สิบอันดับแรก เพียงแต่ไม่ได้แซงสองคนจากตระกูลมู่หรง

โอวหยางเชี่ยนกับโอวหยางฉินได้อันดับที่แปดกับอันดับที่เก้า ส่วนเซวียผานอันดับที่สิบหก หลงเซวียนกับบุรุษหน้าเหยี่ยวอันดับที่เจ็ดกับที่แปด ส่วนสตรีชุดเขียวจากสำนักเฮ่าหรานแซงเซียนหงส์ดำไปอยู่หลังมู่หรงเซวี่ยเยวี่ยตรงลำดับที่ห้า เซียนหงส์ดำตกมาอยู่อันดับที่หก

ทุกคนที่ก้าวเข้าไปบีบโซ่หยกชักนำให้ผู้คนที่ล้อมดูอยู่รอบด้านตกตะลึงจนอุทานฮือฮา ในที่สุดก็ผลัดถึงตาหลิ่วหมิงกับหลัวเทียนเฉิง สองคนจากนิกายยอดบริสุทธิ์

หลัวเทียนเฉิงเวลานี้คิ้วขมวดแน่น ในใจมีรสชาติที่บอกไม่ถูก ยามนั้นเพื่อรักษาชีวิตตน เขาบีบโซ่โชคชะตาจนแหลกในสถานการณ์วิกฤตจนเสียโชคชะตาไปครึ่งหนึ่ง ไหนเลยจะคาดคิดว่ากลับไม่ถูกเคลื่อนย้ายออกจากแดนลึกลับแต่ตกไปอยู่ในสถานที่อันตราย

ฝ่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย โซ่น้อยสีเงินที่ข้อมือส่งเสียงดัง “แครก” ถูกกระแทกทีเดียวก็แตกร้าวเป็นเส้นยาว ไอหมอกสีเทาก้อนหนึ่งแห่ออกมาพุ่งเข้าไปยังป้ายศิลาทันที

ภาพสัญลักษณ์โซ่ทองหลังชื่อเขาพริบตาก็ส่องสว่างมีมากถึงเกือบสองเส้น เทียบกับชายหนุ่มรถเงินมีโซ่สีทองน้อยกว่าครึ่งเส้นเท่านั้น ลำดับเลื่อนพรึ่บทีเดียวมาปรากฏตรงตำแหน่งที่สี่ แทนที่มู่หรงเซวี่ยเยวี่ย…

ภาพนี้ดึงความสนใจของคนจำนวนมากที่นั่นอีกครั้ง พวกเขาหันสายตาพรึ่บมารวมอยู่ที่ร่างของหลัวเทียนเฉิงพร้อมกันโดยไม่ได้นัด

หลัวเทียนเฉิงกลับสีหน้าหม่นหมองวูบหนึ่ง ไม่ค่อยพอใจกับคะแนนนี้นัก

“หลัวเทียนเฉิงเด็กคนนี้ไม่ทรยศความหวังของพวกเราจริงๆ ร่างจิตวิญญาณตูเทียนเป็นสิ่งที่ร้ายกาจไม่ธรรมดาโดยแท้ ระดับผลึกขั้นต้นก็ได้คะแนนเช่นนี้มาได้!” บริเวณนิกายยอดบริสุทธิ์ บุรุษชุดเทาดวงตาเปล่งประกายเอ่ยขึ้นในทันใด

“อืม ได้โชคชะตามากมายเช่นนี้มาได้ ไม่ง่ายจริงๆ” เทียนเกอเจินเหรินด้านข้างกลับขมวดคิ้ว ในดวงตาแววตาผิดหวังเล็กน้อยฉายผ่านไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ขณะที่สายตาของคนส่วนใหญ่รวมอยู่บนร่างหลัวเทียนเฉิงนั่นเอง หลิ่วหมิงก็ก้าวเข้าไปสองสามก้าวอย่างไม่เร็วไม่ช้า บีบโซ่สีเงินในมือทีเดียวจนแหลก

“ปัง” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นทีหนึ่ง

ไอหมอกสีเทาจำนวนมากฉับพลันโถมทะลักออกมาจากด้านในต่อเนื่องไม่ขาดสาย จมลงไปในป้ายศิลาประหนึ่งคลื่นซัด

ภาพโซ่น้อยด้านหลังชื่อเขาทยอยส่องแสงสว่างพุ่งไปรอบด้าน หนึ่งเส้น สองเส้น…

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ดึงความสนใจของทุกคนที่นั่นไปอีกหนในทันที

นาทีนี้คล้ายกับว่าคนทั้งหมดที่นั่นล้วนกลั้นหายใจ

หลังผ่านไปสิบกว่าลมหายใจเต็มๆ ไอสีเทาถึงหยุดทะลักออกมาจากข้อมือของหลิ่วหมิง

ทันใดนั้นแต้มโชคชะตาของหลิ่วหมิงก็หยุดอยู่ที่โซ่สีทองสามเส้นกับโซ่สีเงินเก้าเส้น ลำดับของเขาจึงกระโดดขึ้นไปอยู่ตำแหน่งที่หนึ่งเคียงคู่กับบุรุษผมม่วง ผู้คนด้านหลังร่วงหล่นลงไปหนึ่งอันดับทั้งหมด

ภาพนี้ย่อมเหนือความคาดคิดของผู้คนอย่างยิ่ง คนไม่น้อยที่ล้อมชมอยู่เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

ทั้งที่นั่นเงียบกริบ!

หลัวเทียนเฉิงด้านข้างยิ่งเบิกตาโต จ้องป้ายศิลาเขม็ง

หลี่ว์เหมิงบุรุษผมม่วงสองตาก็หรี่มองมาหาหลิ่วหมิงเช่นกัน ในดวงตามีประกายสายฟ้าสีม่วงแลบอยู่เลือนราง

บนหน้าเทียนเกอเจินเหรินมีสีหน้าคาดไม่ถึงแล่นผ่านไป แต่ท้ายที่สุดก็แย้มรอยยิ้มจางๆ