บทที่ 789 คำสาปสังเวยโลหิต

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อคลื่นทะเลเลือดถาโถมเข้าใส่กองทัพอาณาจักรอ้าวเฟิง ทุกฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ต่างก็หยุดการต่อสู้ลงโดยไม่รู้ตัว และตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงกับภาพที่พวกเขาเห็น

ชายผู้ควบคุมทะเลเลือดคือศัตรูคู่แค้นเก่าของอาณาจักรอ้าวเฟิง หรือว่าเขามาที่นี่เพื่อช่วยเผ่าภูตนางฟ้าโดยเฉพาะ

คำถามนี้ต่างบังเกิดขึ้นในใจของทุกฝ่าย

แต่ทางด้านจักรพรรดินีภูตนางฟ้านั้นรู้แล้วว่าชายผู้ที่ควบคุมทะเลเลือดผู้นี้มาที่นี่เพื่อช่วยเผ่าของนาง เพราะว่านางเห็นลูกสาวของนางยืนอยู่กับหลิงตู้ฉิง!

แต่นางก็ยังมีคำถามอยู่ในใจเช่นกันว่า ชายที่ลูกสาวของนางติดตามนั้นเป็นใครและทำไมถึงได้มีพลังอำนาจที่น่ากลัวขนาดนี้?

เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยนางแบบนี้ จักรพรรดินีภูตนางฟ้าจึงพักความคิดที่จะฆ่าลั่วเฉินลู่เอาไว้ชั่วคราว และบินกลับไปหากองทัพของนางเพื่อใช้พลังของปีกเทพสังหารในการปกป้องชีวิตคนของนางเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

นางรู้ตัวดีว่าด้วยพลังของนาง นางคงไม่สามารถพลิกสถานการณ์ในสนามรบได้แน่นอน ดังนั้นนางจึงฝากความหวังอาไว้กับคนที่ลูกสาวของนางพามาเพียงอย่างเดียวและใช้พลังทั้งหมดของนางในการรักษาชีวิตคนของนางเอาไว้แทน

ทางด้านของกองกำลังอื่น ๆ ต่างก็มองภาพเหตุการณ์คลื่นทะเลเลือดถล่มกองทัพอาณาจักรอ้าวเฟิงอย่างตั้งใจ และสงสัยว่าเป็นใครกันที่ควบคุมทะเลเลือดอยู่

จะมีก็แค่คนเดียวที่รู้ว่าชายที่ควบคุมทะเลเลือดคือหลิงตู้ฉิง ซึ่งก็คือคนของหอการค้าเชื่อมสวรรค์!

ที่เขารู้ก็เพราะว่าอี้ลั่วเอ๋อนั้นถูกขายโดยพวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าคนที่อี้ลั่วเอ๋อพามาคือ หลิงตู้ฉิง

ส่วนข้อมูลของหลิงตู้ฉิงนั้นพวกเขามีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เพราะหลิงตู้ฉิงคือคนที่ส่งแบบแปลนสะพานทองคำเชื่อมทศทิศให้กับพวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสนใจในตัวของหลิงตู้ฉิง และพยายามสืบหาข้อมูลทั้งหมดของหลิงตู้ฉิงมาเก็บเอาไว้เป็นความรู้

ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิ เมื่อเห็นว่าทะเลเลือดกำลังทำลายล้างกองทัพอาณาจักรอ้าวเฟิง เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาและชี้ไม้เท้าของเขาไปยังทิศทางของหลิงตู้ฉิงทันที

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าเขาจึงโอบร่างของอี้ลั่วเอ๋อเอาไว้และพานางจมหายลงไปในทะเลเลือดอย่างไร้ร่องรอย

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้หากเจ้าหลบอยู่ในทะเลเลือดไร้สาระของเจ้างั้นเหรอ?” ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล “หยุดซ่อนเหมือนหนูได้แล้ว ออกมา!”

ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิพุ่งตัวจากบนท้องฟ้าลงมาที่ทะเลเลือด และฟาดหัวไม้เท้าของเขาลงไปยังทะเลเลือดจนเกิดเสียงดังสนั่น

ถึงแม้แรงฟาดนั้นจะรุนแรงเป็นอย่างมากจนทะเลเลือดถึงกับแหวกออก แต่ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว มวลเลือดจำนวนมหาศาลก็ทะลักกลับมาประสานเป็นผืนทะเลเลือดเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เสียงของหลิงตู้ฉิงดังออกมาจากทะเลเลือดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ไอ้เฒ่า เจ้าจะปกปิดตัวตนของเจ้าไปทำไม? ขนาดข้าไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ เจ้า กลิ่นอายตำหนักเซียนมืดของเจ้ายังคละคลุ้งตลบอบอวลไปหมด ดังนั้นเจ้าจะปกปิดตัวตนไปเพื่ออะไรกัน?”

ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิหัวเราะอย่างชั่วร้ายและตอบกลับว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับตำหนักเซียนมืดของข้าดีเหลือเกินนะ! ว่าแต่เจ้าล่ะเป็นคนของสำนักวิญญาณโลหิตใช่ไหม? หรือว่าเป็นคนของเผ่าปีศาจโลหิต? แต่ดูจากทะเลเลือดที่เจ้าสำแดงออกมา มันก็เห็นได้ชัดว่าเจ้าฆ่าคนไปมากมายจนนับไม่ถ้วน นี่เจ้าไม่กลัวถูกสวรรค์ลงทัณฑ์บ้างรึไงกัน?”

“สวรรค์ลงทัณฑ์?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากสวรรค์จะลงทัณฑ์จริง ๆ มันก็คงเป็นตำหนักเซียนมืดของเจ้าเป็นอันดับแรกที่จะต้องโดนก่อน ไม่ใช่ข้า!”

“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอกข้าว่าเจ้าเป็นใคร ถ้างั้นเจ้าก็ลงไปบอกกับบรรพบุรุษของข้าในยมโลกก็แล้วกัน!” ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิไม่ปิดบังตัวตนอีกแล้ว เขาปลดปล่อยพลังความมืดจำนวนมหาศาลให้หลั่งไหลออกจากร่างกายของเขาแผ่ปกคลุมไปยังทะเลเลือดของหลิงตู้ฉิง

พลังความมืดที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นดูดกลืนทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งแสงก็ไม่อาจหลบหนีและเมื่อแผ่มาถึงทะเลเลือด มันสามารถสลายมวลเลือดในทะเลเลือดได้อย่างรวดเร็ว

“หึหึ เคล็ดวิชาสุดท้ายของคัมภีร์แห่งความมืดมิด กลืนกินไร้ร่องรอย?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากเจ้าอยากจะกลืนกินทะเลเลือดของข้านัก ถ้างั้นข้าจะให้เจ้ากลืนกินจนหนำใจ!”

ไม่เพียงแต่หลิงตู้ฉิงจะบังคับทะเลเลือดในคืนกลับเข้ามาในจอกโลหินศักดิ์สิทธิ์ แต่เขากลับควบคุมให้ทะเลเลือดโถมเข้าหาพลังความมืดที่ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิปลดปล่อยออกมา

ถึงแม้ว่ามวลเลือดจำนวนมหาศาลจะถูกกลืนกินและถูกลบไปโดยพลังความมืด แต่มันกลับยังหลงเหลือเส้นเลือดที่ไม่ถูกลบหายไปและเส้นเลือดเหล่านั้นก็ค่อย ๆ แผ่ขยายไปยังใจกลางของพลังความมืด

“หมิงยู่ เจ้าจงตั้งใจดูและจดจำเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือสุดยอดเคล็ดวิชาของบรรพบุรุษเจ้า คำสาปสังเวยโลหิต!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น..

“นายท่านแล้วเลือดที่สังเวยไปนั้นสังเวยไปให้ใคร?” หมิงยู่ถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัย

“สังเวยไปให้กับตัวตนหนึ่งที่เชี่ยวชาญในเต๋าแห่งคำสาป ซึ่งมีความแข็งแกร่งจนถึงขนาดที่เจ้าไม่อาจจินตนาการได้ในตอนนี้ หากผู้ใดสังเวยเลือดให้กับเขา เขาจะให้เจ้ายืมพลังหนึ่งในสิบของเขาเพื่อฆ่าศัตรูของเจ้า และเขาจะไม่สนใจว่าเจ้าจะนำพลังของเขาไปใช้ทำอะไร”

“แต่เงื่อนไขในการสังเวยโลหิตได้สำเร็จ เจ้าจำเป็นต้องรู้ชื่อที่แท้จริงของตัวตนผู้นั้นที่เจ้าจะสังเวยเลือดให้ ซึ่งชื่อของเขาก็คือ ‘โจวหยู่’ !”

“น่าเสียดายที่การใช้คำสาปทั้งหลายนั้นมีข้อเสียที่ใหญ่หลวงอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ใช้จำเป็นต้องแบกรับผลสะท้อนกลับของคำสาปครึ่งหนึ่ง แต่ด้วยมหาค่ายกลคุกโลหิตแห่งอาชูร่า เจ้าสามารถให้ทะเลเลือดและดวงวิญญาณที่เจ้าดูดซับมารับผลสะท้อนแทนได้เพื่อที่ผลเสียจะได้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเจ้า”

“โจวหยู่!” หมิงยู่พยักหน้าและจดจำชื่อนี้จนขึ้นใจ และในเวลาเดียวกันนางก็จ้องมองการใช้คำสาปสังเวยโลหิตของหลิงตู้ฉิงอย่างไม่วางตา

ตอนนี้นางรู้สึกได้ว่ามวลเลือดในทะเลเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว แต่มวลเลือดที่หายไปส่วนใหญ่นั้นไม่ได้หายไปเพราะถูกพลังความมืดกลืนกิน

พวกมันกลับควบแน่นรวมกันกลายเป็นเส้นเลือดจำนวนมากและค่อย ๆ แผ่ขยายเข้าไปหาชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิ และค่อย ๆ พัวพันร่างของเขาเรื่อย ๆ

ในเวลาไม่นาน มวลเลือดในทะเลเลือดที่หลิงตู้ฉิงดูดมาจากร่างของผู้คนนับล้านก็ถูกหลิงตู้ฉิงสังเวยไปจนเหลือแค่ 3 ใน 10 ส่วนจากในตอนแรก

ส่วนหุ่นอาชูร่าโลหิตทั้งสี่ในตอนนี้ทั่วร่างของพวกมันมีแต่ริ้วรอยความเสียหายเต็มไปหมดจนดูเหมือนกับว่าพวกมันใกล้จะพังทลายได้ทุกเวลา รวมไปถึงพลังวิญญาณที่พวกมันดูดมาจากดวงวิญญาณของเหล่าผู้คนนับล้านที่พวกมันสังหารไปก็หายเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่านี่คือผลสะท้อนกลับของคำสาปที่สะท้อนมาหาพวกมัน

ในเวลาเดียวกับที่ทะเลเลือดเหลือมวลเลือดแค่ 3 ใน 10 ส่วน พลังความมืดที่ปกคลุมทะเลเลือดอยู่ก็ค่อย ๆ จางหายไป

ก่อนหน้านี้ชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิเองก็รู้ตัวดีว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ๆ เมื่อเขาเห็นว่ามีเส้นเลือดจำนวนมากสามารถพุ่งผ่านพลังความมืดเข้ามามัดร่างของเขาเอาไว้ได้

แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะรู้ตัว เขาก็ไม่อาจขัดขืนอะไรได้อีกแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าเขาเป็นแมลงที่บินเข้าไปติดกับใยแมงมุมไม่อาจขยับร่างกายได้ และทำได้แค่เพียงรอเวลาที่ร่างของเขาจะถูกพันโดยใยแมงมุมจนหมดและถูกกลืนกิน

ในท้ายที่สุดเส้นเลือดจำนวนมากก็พันร่างชายชราขอบเขตมหาจักรพรรดิจนมิดทำให้เขากลายเป็นเหมือนรังไหมสีเลือด ซึ่งส่งผลให้สติของเขาก็ค่อย ๆ เลือนหายรวมไปถึง จิตสำนึกของเขาก็ถูกลบหายไปอย่างสมบูรณ์

“บรรพบุรุษ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ 2 คนของอาณาจักรอ้าวเฟิงตะโกนลั่นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง

ในตอนแรกพวกเขานึกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะสามารถใช้พลังความมืดกลืนกินทะเลเลือดได้จนหมด แต่เมื่อพวกเขาเห็นสภาพของบรรพบุรุษพวกเขาตอนนี้แล้วพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังเผชิญกับหายนะใหญ่

“บรรพบุรุษของเจ้าเป็นของข้าแล้วตอนนี้!” หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาโบกมือเรียกรังไหมสีเลือดมาอยู่ข้างกาย

เมื่อชื่นชมกับผลงานของตัวเองอยู่ได้สักพัก หลิงตู้ฉิงจึงพูดกับอี้ลั่วเอ๋อว่า “ลั่วเอ๋อ ข้าให้สัตว์เลี้ยงตัวนี้กับเจ้า!”

หลิงตู้ฉิงโบกมือส่งรังไหมสีเลือดให้ลอยไปหาอี้ลั่วเอ๋อ ซึ่งนางก็รับไปด้วยสีหน้างุนงงพร้อมกับถามขึ้นว่า “นายท่าน ไอ้เจ้านี่มันคืออะไรกัน?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำสาปทำให้ตัวข้างในมันคือตัวอะไร เอาไว้เจ้าก็คอยดูเอาเองก็แล้วกันเมื่อมันออกจากรังไหม เอาล่ะตอนนี้เจ้าถอยไปก่อน ยังมีอีกหลายคนที่ข้าต้องลงมือฆ่าต่อ”

หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ควบคุมหุ่นอาชูร่าโลหิตทั้งสี่ให้นำทะเลเลือดที่เหลือเพียง 3 ใน 10 อีกรอบให้ถาโถมเข้าหากองทัพของอาณาจักรอ้าวเฟิงต่อ

ทางด้านของกองกำลังอื่นในตอนนี้ไม่ได้สนใจกับทะเลเลือดสักเท่าไหร่แล้ว พวกเขาต่างจ้องไปที่รังไหมสีเลือดที่อยู่กับอี้ลั่วเอ๋อกันเป็นสายตาเดียวกัน

พวกเขาต่างรู้สึกกลัวกันจนแทบจะล้มทั้งยืน เพราะขนาดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่มีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นปลายอยู่ในมือยังโดนจัดการได้ง่าย ๆ แบบนี้ แล้วตัวตนแบบพวกเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปต่อต้าน!?