ตอนที่ 2097 นึกไว้ไม่มีผิด

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2097 นึกไว้ไม่มีผิด

สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงรีบทรุดตัวลงคุกเข่า “ผู้อาวุโสเจียงเหยาแห่งตำหนักคว้าดาวคารวะเจ้าสำนักจาง!”

“เจียงเหยา?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

สุภาพสตรีผู้นั้นถอดหน้ากากทองแดงของเธอออก เผยให้เห็นหน้าตาที่บ่งบอกถึงอายุวัยกลางคน เธอลดสายตาลงต่ำด้วยความยำเกรงขณะอธิบาย “พวกเราได้รับข้อมูลว่าหอเทพเจ้าคิดจะฉกฉวยแท่นบูชาไป หัวหน้าตู้จึงสั่งการให้ฉันปลอมตัวเป็นเธอ ให้ฉันมาที่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเพื่อหาโอกาสสังหารพวกนั้นขณะที่เธอซุกซ่อนแท่นบูชาไว้ในพื้นที่ลี้ลับแห่งหนึ่ง”

“เอ่อ…” จางเซวียนกระพริบตาปริบๆ

ดูเหมือนตู้ชิงหย่วนจะเป็นคนละเอียดซับซ้อนอยู่มาก แต่ในเมื่อเธอกลายเป็นศัตรูกับหอเทพเจ้าแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องทำแบบนี้

และความเหนื่อยยากของเธอก็ส่งผล เห็นได้ชัดว่าเธอคือผู้ชนะในสงครามของการประลองสติปัญญาหลังจากที่เกิดทุกอย่างขึ้นแล้ว

เป็นไปได้ว่าเธอคาดเดาไว้แล้วว่าผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่กับคนอื่นๆคงไม่อาจเก็บความลับเรื่องนี้ไว้ได้นาน จึงจงใจปล่อยข่าวลวงเพื่อล่อคนจากหอเทพเจ้าให้มาที่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย

นั่นจะช่วยยื้อเวลาให้ตู้ชิงหย่วนประกอบพิธีกรรมของเธอจนเสร็จสิ้น

“แต่วรยุทธของคุณ…” จางเซวียน ตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว

เท่าที่เขารู้ ตำหนักคว้าดาวไม่มีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนอื่นอีกนอกจากตู้ชิงหย่วน และวิธีเดียวที่นักรบจะสำเร็จวรยุทธขั้นนี้ได้ก็คือผ่านสะพานเบื้องบนที่ลงมาทุก 100 ปีเท่านั้น!

แล้วอีกฝ่ายจะเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างไร?

“เป็นเพราะโลหิตเทพเจ้า” เจียงเหยาอธิบาย

จางเซวียนตาโต

โลหิตเทพเจ้าเพียง 2-3 หยดก็เกินพอจะทำให้เต่าหลังดำกับฉลามสามพี่น้องฝ่าด่านคอขวดขั้นสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งในฐานะผู้ที่สามารถเรียกเทพเจ้าลงมาได้ ตู้ชิงหย่วนก็น่าจะนำโลหิตเทพเจ้ามาได้เช่นกัน

ด้วยสิ่งนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเกินไปที่จะมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนอื่นๆอยู่ในตำหนักคว้าดาว

แต่เพราะเหตุการณ์แบบนี้จะสั่นคลอนสมดุลของอำนาจระหว่าง 6 สํานักใหญ่ ตำหนักคว้าดาวจึงเก็บเรื่องดังกล่าวไว้เป็นความลับ เป็นไปได้ว่าเหตุผลที่เจียงเหยาได้รับเลือกให้กลืนกินโลหิตเทพเจ้าก็เพราะเธอมีความใกล้ชิดสนิทสนมและภักดีต่อตู้ชิงหย่วน เหมือนที่ผู้อาวุโสเฟิงปฏิบัติต่อคุ่ยเฉี่ยว

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเจียงเหยาไม่รู้เรื่องหลัวลั่วชิง จางเซวียนถามต่อพร้อมกับขมวดคิ้ว “แล้วตอนนี้หัวหน้าตู้อยู่ที่ไหน?”

“หัวหน้าของเราสั่งการให้ฉันดูแลคุณอย่างดีที่สุด และทำตามทุกคำขอของคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข, เจ้าสำนักจาง แต่ฉันเกรงว่าสำหรับเรื่องนั้น…ฉันจะไม่รู้จริงๆ” เจียงเหยาตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ

“เจ้าสำนักจาง?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

เขาออกจะงุนงงกับคำเรียกขานนี้ จริงอยู่ว่าเขาเป็นหัวหน้าหอนานาอสูรและเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง แต่เจ้าสำนักจาง…คำนี้มาจากไหน?

“ใช่” เจียงเหยาก็แปลกใจที่เห็นจางเซวียนงุนงงกับคำเรียกขานของเธอ “ก็คุณเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินนี่”

ทั่วทั้งทวีปรู้เรื่องนี้กันหมดแล้วการที่เจ้าตัวจะไม่รู้คงเป็นไปไม่ได้หรอกถูกไหม*?*

จางเซวียนอ้าปากค้างอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือก “ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้นเลย ออกจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายกันก่อนเถอะ ผมอยากให้คุณช่วยผมติดต่อหัวหน้าตู้และบอกเธอว่าผมตามหาตัวเธออยู่ ผมเชื่อว่าผมน่าจะช่วยเธอรับมือกับภัยคุกคามจากหอเทพเจ้าได้”

รู้ดีว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอมีอำนาจล้นมือ เจียงเหยารีบพยักหน้า “ได้สิ!” จากนั้นเธอก็พาจางเซวียนไปยังทางออก

เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายคือดินแดนอันลึกลับโหดร้ายที่มีความโหดเหี้ยมทุกรูปแบบ แต่เจียงเหยาคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศดี และจางเซวียนก็ตรวจจับภัยคุกคามได้จากระยะไกลด้วยการใช้ดวงตาหยั่งรู้ สิ่งนี้ทำให้ทั้งคู่หลีกเลี่ยงอันตรายได้ตลอดทาง

หรือต่อให้พวกเขาโชคไม่ดีจนต้องเจอกับอันตรายระหว่างทาง แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะผ่านอันตรายเหล่านั้นไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ทั้งคู่กลับมาถึงทะเลทรายหลังจากเดินทางได้ราว 1 ชั่วโมง

เจียงเหยาหายตึงเครียดทันทีที่ได้ออกจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย เธอหันไปบอกจางเซวียน “ฉันจะพยายามติดต่อหัวหน้าของเราเดี๋ยวนี้แหละ”

เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าคงต้องเอาชีวิตไปทิ้งในสถานที่อันมืดมนและน่าขยะแขยงนั้น เมื่อได้รับไออุ่นของแสงแดดอีกครั้ง จึงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่

เจียงเหยานำตราหยกสื่อสารออกมา จากนั้นก็รีบติดตั้งค่ายกลเพื่อขยายอาณาเขตการทำงานของตราหยก ครู่ต่อมาเธอพูดว่า “ฉันส่งข้อความหาหัวหน้าตู้แล้ว ตอนนี้กลับตำหนักคว้าดาวกันเถอะ หัวหน้าจะตามไปที่นั่นทันทีที่เธอได้รับข้อความของฉัน”

“อือ” จางเซวียนพยักหน้า

ทั้งคู่ขี่ฉลามหมายเลข 1 มุ่งหน้ากลับสู่ทะเลคว้าดาว

…..

ในมิติอีกแห่งที่อยู่ห่างไกลออกไป หัวหน้าตำหนักคว้าดาว, ตู้ชิงหย่วน กำลังยืนอยู่หน้าแท่นบูชาขณะพึมพำเบาๆ

แท่นบูชาแผ่รังสีสวรรค์ออกมา ทำให้เปลวเพลิงที่อยู่ด้านบนลุกโชนอย่างโกรธเกรี้ยว

ฟึ่บ!

ครู่ต่อมา ภาพลวงตาภาพหนึ่งก็ค่อยๆปรากฏเหนือแท่นบูชานั้น

“ผู้มอบบรรณาการ บอกความปรารถนาของคุณมา…”

เสียงนั้นแจ่มชัดแม้จะมาจากที่ไกลๆ ราวกับเดินทางข้ามผ่านมิติมากมายกว่าจะมาถึงที่นี่

“ฉันอยากพบเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ” ตู้ชิงหย่วนคุกเข่าลงกับพื้น

“เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจากไปแล้ว” ร่างนั้นตอบ

ตู้ชิงหย่วนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “มีบางอย่างที่ฉันอยากรายงาน หอเทพเจ้าโจมตี 6 สํานักใหญ่ และช่วงเวลาที่สะพานเบื้องบนจะลงมาก็ถูกเลื่อนให้เร็วขึ้นอย่างกะทันหัน ฉันเกรงว่าน่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในหอเทพเจ้า

ร่างนั้นขมวดคิ้ว “คุณรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไหม?”

“ฉันมีข้อสันนิษฐานอยู่ในใจ แต่ไม่แน่ใจนักว่าจะถูกต้องหรือเปล่า” ตู้ชิงหย่วนตอบ “การที่หอเทพเจ้าเข้ามาก้าวก่ายกิจธุระของมนุษย์และพยายามฉกฉวยแท่นบูชาไป…ฉันสงสัยว่าน่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับ…”

บึ้มมมมม!

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ มิติที่อยู่ด้านหลังเธอก็บิดเบี้ยวกระทันหัน อีกร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นภายในมิตินั้น

ด้วยการสะบัดข้อมือเบาๆ ร่างที่อยู่เหนือแท่นบูชาก็สลายตัวไปในม่านหมอก

ชายที่เพิ่งปรากฏตัวเดินตรงเข้าคว้าแท่นบูชา แท่นระเบิดพลังงานมหาศาลออกมาเป็นการตอบโต้ แต่เขาก็กำจัดพลังงานทั้งหมดได้ด้วยการกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียว

แล้วแท่นบูชาก็ไปอยู่ในมือของเขา

เมื่อเห็นว่าไม่ว่าเทพเจ้าหรือแท่นบูชาก็ยับยั้งอีกฝ่ายไม่ได้ ตู้ชิงหย่วนหรี่ตาด้วยความประหลาดใจสุดขีด เธอกำลังจะตรงเข้าโจมตี ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายหันกลับมาพร้อมกับยิ้มอ่อน

“หัวหน้าตู้ เราพบกันอีกแล้วนะ”

“ฉันนึกไว้ไม่มีผิด คุณจริงๆหรือ?”

ตู้ชิงหย่วนรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอจมดิ่งลงสู่ส่วนลึกของแม่น้ำที่เย็นเยือกจนเป็นน้ำแข็ง

ผ่านไปครึ่งวัน จางเซวียนกับเจียงเหยาก็กลับถึงตำหนักคว้าดาว

ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ตาค้างด้วยความไม่อยากเชื่อเมื่อได้เห็นเจียงเหยา เธอเคยคิดว่าการจากกันครั้งก่อนคงเป็นการจากกันชั่วนิรันดร์ แต่อีกฝ่ายก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้!

“ทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณเจ้าสำนักจางเซวียนที่ช่วยเหลือ” เจียงเหยาอธิบาย

“เจ้าสำนักจางเซวียน? คุณหมายถึงเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่?” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ชะงัก

เจียงเหยาพยักหน้าก่อนจะย้อนถาม “หัวหน้าตู้กลับมาหรือยัง?”

ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ส่ายหน้า

“แบบนี้ออกจะแปลกๆนะ ฉันส่งข้อความหาหัวหน้าตู้หลังจากที่ฉันปลอดภัย เธอจึงน่าจะกลับมาทันทีที่ได้รับข้อความของฉัน ทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึง?”

เธอไม่รู้จริงๆว่าตู้ชิงหยวนเดินทางไปที่ไหน แต่ก็คงไม่ห่างไกลเหมือนเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย หัวหน้าตู้จึงควรจะกลับมาถึงก่อนพวกเขา

“รออีกสักหน่อยเถอะ หัวหน้าอาจมีธุระบางอย่าง ด้วยพละกำลังของเธอ ไม่น่าเกิดเรื่องร้ายแรงกับเธอได้หรอก” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ตอบ

“ก็จริง” เจียงเหยาพยักหน้า

เธอจัดที่พักให้จางเซวียนก่อนจะเดินวนไปมารอบห้องโถงใหญ่ รอให้ตู้ชิงหย่วนกลับมา แต่แม้จะผ่านไปครึ่งวันแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของอีกฝ่าย เรื่องนี้ทำให้สองผู้อาวุโสเริ่มตื่นตระหนก

“ไปที่ตำหนักพิธีกรรม และพยายามติดต่อหัวหน้าตู้โดยผ่านพิธีกรรมกันเถอะ” เจียงเหยาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

พวกเธออยู่กับตู้ชิงหย่วนมากกว่าพันปีแล้ว รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี หัวหน้าตู้จะต้องรีบกลับมาทันทีที่ได้ข่าว เธอไม่ใช่คนชนิดที่จะปล่อยให้อะไรรั้งตัวไว้ได้หากมีธุระสำคัญ

แต่เธอไม่แม้แต่จะตอบข้อความ หรือว่าจะตกอยู่ในอันตราย?

ด้วยความกังวลใจสุดขีด เจียงเหยากับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่มุ่งหน้าไปยังที่พักของจางเซวียนเพื่อเร่งเขาให้ไปที่ตำหนักพิธีกรรมพร้อมกับพวกเธอ

ในห้องขนาดใหญ่ แท่นบูชาอันหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกันกับที่จางเซวียนได้เห็นในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายตั้งอยู่ใจกลางห้อง

สองผู้อาวุโสของตำหนักคว้าดาวรีบจัดเรียงเครื่องบรรณาการหลายชิ้นลงบนแท่นบูชา ครู่ต่อมา เปลวเพลิงสีฟ้าก็ลุกโพลงบนแท่นนั้น

เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันดีว่าแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาวสามารถข้ามผ่านมิติเพื่อติดต่อกับเทพเจ้าได้ การติดต่อกับบุคคลที่อยู่ในมิติเดียวกันจึงไม่ใช่ปัญหา

เปลวเพลิงสีฟ้าสั่นระริกเหมือนกับกำลังร้องเรียกใครบางคน เจียงเหยาหยดเลือด 3 หยดลงบนแท่นบูชา เปลวเพลิงอันทรงพลังลุกโพลงและแปรสภาพเป็นร่างของใครคนหนึ่ง

ร่างของคนผู้นั้นค่อยๆชัดเจนขึ้น แต่จู่ๆเปลวเพลิงก็ระเบิดตูม

จางเซวียนขมวดคิ้วขณะเฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดอยู่ข้างๆ

เพราะเขาเคยพำนักอยู่ในเมืองหลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นในทวีปแห่งปรมาจารย์มาระยะหนึ่ง ได้อ่านหนังสือมากมายของเผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนั้น จึงพอเข้าใจพิธีกรรมที่เจียงเหยากับจ้าวเยว่กำลังดำเนินการ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าพิธีกรรมล้มเหลว กลับตรงกันข้าม มันหมายความว่าพิธีกรรมนี้เป็นผลสำเร็จ เพียงแต่บุคคลที่พวกเขาพยายามเรียกไม่อาจปรากฏตัวได้

หรือพูดอีกอย่างก็คือ…

“เกิดเรื่องกับหัวหน้าตู้ของเราแล้ว” เจียงเหยากับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่พึมพำด้วยใบหน้าซีดเผือด

เจียงเหยาหันไปอธิบายกับจางเซวียนด้วยน้ำเสียงร้อนรน “โดยปกติ พิธีกรรมนี้จะเชื่อมโยงพวกเราเข้ากับจิตใต้สำนึกของหัวหน้าตู้ ทำให้เราสื่อสารกับเธอได้โดยตรง การที่เปลวเพลิงสูญสลายไปอย่างกะทันหันหมายความว่าหัวหน้าตู้ปฏิเสธการติดต่อของเรา หรือไม่…เธอก็ไม่อยู่ในสภาวะที่จะรับการติดต่อจากเราได้…”

จางเซวียนหรี่ตา

หลังจากมาตรการตอบโต้ทั้งหมดที่ตู้ชิงหย่วนจัดเตรียมไว้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหอเทพเจ้า ลงท้ายเธอจะถูกพวกเขาจับได้หรือเปล่า?

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หอเทพเจ้าก็น่าสะพรึงกว่าที่เขาคิดไว้มาก!